บทที่ 21 พักผ่อน

ราชาซากศพ

บทที่ 21 พักผ่อน

สำหรับการทำสัญญาข้ารับใช้นั้น หลินเว่ยจะได้รับรู้ความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมดของอีกฝ่าย หลังจากนั้น การทำสัญญาจะเสร็จสิ้น
“หลังจากนั้นไม่นานนักรบขั้นสามเถาจุนยืนขึ้นจากพื้นดิน ด้วยใบหน้าซีดขาวและอ่อนแรง ราวกับสูญสิ้นกำลังไปจนหมด
“ดีมาก! เอาล่ะ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ หลังจากร่างกายฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยออกเดินทาง” เนื่องจากอีกฝ่ายอ่อนแอมาก หลินเว่ยจึงให้เขาไปพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายก่อนออกเดินทาง
น้องชาย!” ฮ่าวเค่อเอ่ยเรียกหลินเว่ยขึ้น

“ข้าชื่อหลินเว่ย!” หลินเว่ยเอ่ยตอบชื่อของตนอย่างเรียบ ๆ
“โอ้! น้องหลิน! แล้วคนพวกนี้ล่ะ” ฮ่าวเค่อชี้ไปที่สมาชิกที่เหลือของกองทหารรับจ้างโลกันตร์และถามหลินเว่ยว่า เขาจะจัดการกับคนพวกนี้อย่างไร
“ข้ายินดีที่จะทำสัญญาข้ารับใช้กับนายท่านด้วย!” นายทหารคนหนึ่งโพล่งออกมา จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ตะโกนออกมาด้วยเช่นกัน
“พวกเราทุกคนยินดีที่จะทำสัญญาข้ารับใช้กับท่าน”

เมื่อเห็นว่าฮ่าวเค่อและคนอื่น ๆ กำลังจะจัดการกับพวกเขา สมาชิกของหน่วยทหารรับจ้างโลกันตร์ต่างหวาดกลัว เพราะหัวหน้าหลักอย่างเถาจุนนั้น ไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้จนตาย พวกเขาก็ควรตะเกียกตะกาย เพื่อมาเป็นข้ารับใช้ของหลินเว่ย
สำหรับข้อเสนอของคนเหล่านี้ หลินเว่ยส่ายหัวและปฏิเสธโดยชี้ไปที่เถาจุนและพูดว่า “พวกเจ้าสามารถทำสัญญาข้ารับใช้กับเถาจุนได้ในภายหลัง”
“นั่นเกรงว่าจะไม่ดี” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เถาจุนก็เผยความไม่ต้องการ แต่ในใจรู้สึกปรีดา
“ไม่ดีอย่างไร ในเมื่อเจ้าเป็นข้ารับใช้ของข้า หรือว่าไม่อยากเป็นอีกต่อไป?” คำพูดของหลินเว่ยนั้นตรงไปตรงมามาก ซึ่งหมายความว่าคนพวกนั้นเป็นของเจ้าและเจ้าก็เป็นของข้า
“เข้าใจแล้วขอรับ” เถาจุนพยักหน้าและบอกว่าเขาเข้าใจ

คนเหล่านั้นไม่ได้แสดงความไม่พอใจ กับการปฏิบัติของหลินเว่ย พวกเขาเคยทำมาหากินภายใต้เถาจุน แค่ตอนนี้พวกเขายังคงทำเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนเจ้านายใหม่

ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดของกองทหารรับจ้างโลกันตร์ ถูกยึดครองโดยหลินเว่ย แผนการขั้นตอนต่อไปคือการพักผ่อนที่นี่ เดิมทีเถาจุนและลูกน้องได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาได้ต่อสู้ร่วมกับกับหม่านสง แม้ว่าจะต่อสู้กันในช่วงเวลาสั้น ๆ

แต่จำนวนผู้บาดเจ็บและอาการบาดเจ็บก็เพิ่มมากขึ้นโดยฝีมือของหลินเว่ย

หลินเว่ยนั้นใช้พลังจิตมากเกินไป ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อการเดินทางของเขาเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาข้ารับใช้กับเถาจุนนั้นกินพลังจิตของเขาอย่างมากทั้งร่างกายและจิตใจ เนื่องจากเถาจุนกลายมาเป็นคนของเขา หลินเว่ยจึงตั้งใจจะปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี
หลังจากช่วงเวลาที่วุ่นวายผ่านไป ค่ายพักชั่วคราวก็ถูกตั้งขึ้นมา และมีการตั้งกระโจมที่พัก

“น้องหลิน กระโจมพวกนี้ เจ้าสามารถเข้าไปพักผ่อนได้ ในช่วงกินข้าวข้าจะให้คนไปเรียกเจ้า”
“อืม! ขอบคุณมาก หลินเว่ยยืนขึ้นและขอบคุณ จากนั้นเดินหายเข้าไปในกระโจม พวกเขาตั้งกระโจมทั้งหมด สี่ แห่ง หลินเว่ยและเถาจุนครอบครองหนึ่งแห่ง และส่วนที่เหลือแบ่งออกไปสองกระโจม มีเพียงหกคน ซึ่งแบ่งกันได้กระโจมละสามคน ไม่ถือว่าอึดอัด เนื่องจากฮ่าวเค่อต้องการเอาใจหลินเว่ย

ในกระโจมหลินเว่ยนอนอยู่บนพรมหนังของสัตว์ร้าย เขาหลับตาลงและการหายใจของเขานั้นสม่ำเสมอ เขาหลับไปแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องการฟื้นฟูพลังจิตก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำอย่างไร ทำได้เพียงปล่อยให้พลังจิตของเขาฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และการนอนหลับก็จะช่วยเร่งความเร็วในการฟื้นตัว

ภายใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น มีคนอยู่หลายคนนั่งล้อมวงกันอยู่ มันคือฮ่าวเค่อและพรรคพวกของเขา มีระยะห่างจากกระโจมอย่างมาก จุดประสงค์คือเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“ท่านคิดอย่างไรกับหลินเว่ย?” ก่อนอื่น ฮ่าวเค่อเอ่ยถามสมาชิกในกลุ่ม
“ข้ามองไม่ออกว่า หลินเว่ยนั้นเป็นคนอย่างไร? ข้าแค่รู้สึกว่าเขามีจิตใจที่ลึกลับซับซ้อน และกลอุบายทุกอย่าง อยู่นอกเหนือการป้องกันพวกเราทุกคนที่นี่ โดยเฉพาะหม่านสงที่ตายแล้ว ไม่ว่าเราจะพยายามสังหารมาเป็นสิบปี ก็ไม่สามารถทำได้
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนซับซ้อน แต่เขาไม่ใช่คนโง่ อย่างไรก็ตามเขายังคงเป็นเด็ก ” มู่เฉียนซาน พี่รองในกลุ่มเอ่ยตอบ แต่ลูบเคราของเขาอย่างครุ่นคิดด้วยความทุกข์ใจบนใบหน้า

“อืม! พี่รองพูดถูก หลินเว่ยเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ในตอนที่เขากำลังพูดคุยอยู่เมื่อครู่ แต่กลับสังหารคนได้อย่างใจเย็น โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงไม่ได้ระแคะระคายว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่ “หลังจากที่พยัคฆ์เหล็ก น้องสามพูดขึ้น
มู่เฉียนซานเขาก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงว่าเห็นด้วย

“ลุงรอง ลุงสาม! ข้าเชื่อว่าหลินเว่ยเป็นคนดี ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเราทุกคนจะต้องตายด้วยน้ำมือของหม่านสง ในวันนี้เขาคือผู้มีพระคุณของเรา” เมื่อได้ยินลุงรองและลุงสามให้ร้ายหลินเว่ย เฟยเอ๋อทนไม่ได้จึงต้องพูดแทนหลินเว่ย

“อืม! เจ้ารองและเจ้าสามนั้นมีเหตุผล อย่างไรก็ตามก็อย่างที่เฟยเอ๋อพูด หลินเว่ยเพิ่งช่วยเราไว้และหากเขาไม่ได้มีความคิดร้ายต่อเราก็ควรผูกมิตรกันไว้เถอะ และในตอนนี้เราเองก็ไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้ เพราะเขามีสัตว์ประหลาดทั้งสี่รวมถึงเถาจุน ฮ่าวเค่อกล่าวสรุปให้กับทุกคน

“ท่านพ่อ ลุงรอง ลุงสาม เราจะทำอย่างไรต่อไป?” เฟยเอ๋อหรือมู่เฉียนซวิน ลูกสาวของฮ่าวเค่อ นักสู้ขั้นที่หนึ่ง เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เอาล่ะ!” ฮ่าวเค่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังรอความคิดเห็นของเขา เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ในปัจจุบันเราถือว่า เขาเป็นแขกคนสำคัญ ตราบเท่าที่เราจะทนได้”
“ใช่!”
“ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าก็คิดแบบนั้น!” สำหรับการตัดสินใจของฮ่าวเค่อ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ณ ค่ายทหารชั่วคราว
ในตอนนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว รอบ ๆ ตัวถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด เหล่านายทหารในกองจึงก่อกองไฟ เพื่อป้องกันสัตว์ร้าย และเข้าเวรยามเพื่อป้องกันความปลอดภัย

“หลินเว่ย ข้าเฟยเอ๋อ ท่านพ่อให้ข้ามาเรียกเจ้าไปกินข้าว” ด้านนอกกระโจมของหลินเว่ย มีเสียงของเฟยเอ๋อดังลอดเข้ามา
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเว่ยก็เดินออกมาจากกระโจม พยักหน้าและพูดว่า “ไปกันเถอะ”

“หลินเว่ยมานั่งที่นี่ และลองชิมฝีมือของเรา” ฮ่าวเค่อเห็นหลินเว่ยเดินมา จึงรีบลุกขึ้น และเรียกให้เขานั่งลง
อาหารเย็นเป็นแบบเรียบง่ายเป็น เนื้อย่าง น้ำแกง และไวน์ข้าวสาลี ซึ่งหามาได้จากในป่า

“หลินเว่ย อย่ารีบร้อนเกินไป! มาดื่มเหล้ากัน ฮ่าวเค่อหยิบถุงไวน์ที่อยู่ข้างตัวเขา แล้วพูดกับหลินเว่ยที่กำลังยัดอาหารเข้าปาก

เมื่อเห็นถุงไวน์ของฮ่าวเค่อ หลินเว่ยก็ขมวดคิ้วส่ายหัวไปมาและพูดว่า “ข้าไม่ดื่ม” น้ำเสียงหนักแน่นมาก
“นี่.. ! ” เมื่อเห็นท่าทีที่ชัดเจนของหลินเว่ย ฮ่าวเค่อก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่ว่าจะเป็นฮ่าวเค่อและคนอื่น ๆ ไม่ได้พูดคุยกัน ทุกคนต่างยุ่งกับการกินอาหารตรงหน้า บรรยากาศทึม ๆ และแปลก ๆ ในไม่ช้ามื้ออาหารเย็นก็จบลง
หลังจากทานอาหารเย็น หลินเว่ยก็กลับไปที่กระโจม สำหรับการทำความสะอาด ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หรือคนเฝ้ายามค่ำคืน ไม่ยอมให้หลินเว่ยและเถาจุนเข้าร่วม แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดตรง ๆ แต่หลินเว่ยก็รู้สึกได้ว่า ฮ่าวเค่อค่อนข้างระวังตัว