ตอนที่ 15 เด็กน้อยคนนี้เป็นผู้หญิง

แม่ครัวยอดเซียน

ตอนที่ 15 เด็กน้อยคนนี้เป็นผู้หญิง Ink Stone_Romance

ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปถึง 6 ปี จากสาวน้อยจอมพลังก็กลายเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่บึกบึน ไม่ใช่สิ เป็นสาวน้อยรูปงามที่รูปร่างสะโอดสะอง ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติที่แล้วหลิวหลีก็มีปัญหากับการหวีผม ทำเป็นแต่หางม้าทรงสูงสวยสง่า เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน นางเป็นสาวน้อยรูปงามของจริง กระดิ่งที่เคยห้อยไว้บนหัวหลิวหลีในตอนนั้นเอามาเหน็บไว้ที่เอว จะทำอย่างไรได้นางเกล้าผมไม่เป็นจะเป็นสาวแบ๊วไม่ได้แล้ว

หกปีมานี้การบำเพ็ญเพียรของหลิวหลีอยู่ช่วงฝึกลมปราณขั้นที่12 ห่างจากช่วงพื้นฐานเพียงแค่ครึ่งก้าว หลิวหลีไม่อยากจะใช้ยาช่วย ถึงแม้จะเป็นยาชั้นเลิศก็ไม่อยากใช้ ใช้ยาจะเป็นข้อจำกัดการบรรลุขั้นพื้นฐาน การบรรลุขั้นพื้นฐานด้วยตนเองจึงจะเป็นหนทางสู่ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

วิชาการปรุงยา ตอนนี้นางสามารถปรุงยาระดับ 1 ได้ แต่ยังห่างกับคุณภาพชั้นเลิศอีกมาก ยาคุณภาพระดับสูงก็สามารถปรุงออกมาได้ไม่น้อยแต่กลับปรุงยาคุณภาพชั้นเลิศออกมาไม่ได้ หลิวหลีก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ

เคล็ดวิชามังกรนพเก้าบทที่ 1 ถึงบทที่ 8 ไม่ใช่เพราะหลิวหลีมีความคืบหน้าที่ช้า แต่เพียงเพราะแท้จริงแล้ว เอิ่ม หลิวหลีมองดู 1 พันแต้มคะแนนที่เพิ่งจะเข้ามาในบัญชี หลิวหลีลองคำนวณดูแล้ว คิดจากแต้มคะแนน นางใช้แต้มคะแนนไปเกือบล้าน คิดจากหินวิญญาณ นางใช้หินวิญญาณไปเกือบแสน คิดจากความเป็นจริง นางใช้แต้มคะแนนไป 3 แสน ใช้หินวิญญาณระดับล่างไป 5 หมื่น ของที่ตัวเองซื้อมาล่ามายังไม่ได้นับ จริง ๆเลย…สิ้นเปลืองมากจริง ๆ หลิวหลีอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า

 “หลิวหลี เจ้าระบายความหดหู่จบหรือยัง เครื่องปรุงวันนี้เจ้ายังไม่ได้ทำเลยนะ” เอ๋าเลี่ยตะโกนขึ้น ในปากเต็มไปด้วยเนื้อแห้ง

 “รู้แล้ว” หลิวหลีเบะปากแล้วพูดขึ้น หลิวหลีมีค่าใช้จ่ายที่มากมายขนาดนั้น ทรัพย์ที่มีอยู่น้อยนิดมันไม่พออยู่แล้ว หกปีก่อนหลิวหลีปลูกพริก ปลูกพริกไทยเสฉวน อีกทั้งนางยังค้นพบงาดำ เม็ดยี่หร่าด้วยเช่นกัน โลกบำเพ็ญในตอนนี้มีอาหารหลากประเภท ค่อนข้างมีชื่อเสียงก็คือวัตถุดิบที่ใช้ในการทำปิ้งย่างกับการทำหม้อไฟ สองอย่างนี้ถือเป็นข่าวดีของผู้บำเพ็ญที่ยังไม่ขั้นปี้กู่ ทั้งยังกักเก็บไว้เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงได้และเป็นของจำเป็นเวลาออกไปสำรวจแสวงหาโอกาสของผู้ฝึกตนระยะปี้กู่ มันไม่กินที่มาก ใส่เพียงแค่นิดเดียวก็หอมไปหมื่นลี้ สองอย่างนี้ทำให้หลิวหลีได้หินวิญญาณกับแต้มคะแนนมาไม่น้อย แน่นอนว่าก็ยังต้องร่วมมือกับสำนักโอสถ สำนักโอสถร่วมมือกับลูกศิษย์ที่ดูแลธุรกิจการค้าของสำนัก การฝึกบำเพ็ญของหลิวหลีถึงพอจะฝืนขึ้นไปได้บ้าง

หลิวหลีเตรียมวัตถุดิบด้วยความรวดเร็ว นางส่งมอบของให้กับลูกศิษย์ที่มาจากสำนักโอสถ แล้วก็เตรียมไปเก็บวัตถุดิบชะล้างร่างกายครั้งที่ 9 หลิวหลีเก็บไปได้กว่าครึ่งแล้ว ยังขาดเลือดสัตว์อสูรอยู่เพียงไม่กี่ชนิด

อย่ามองว่าหลิวหลีตอนนี้มีรูปร่างคล้ายคุณชายผู้สูงศักดิ์ ถ้าถูกนางประชิดตัวลงมืออาจจะถึงขนาดแขนขาหักได้ พละกำลังของหลิวหลีในตอนนี้มีประมาณ 500 กิโลกรัม เพียงแต่ว่าไม่ได้มีกล้ามเนื้อใหญ่โต ร่างกายกำยำล้ำบึก

หลิวหลีเคลื่อนตัวไปมาอย่างรวดเร็วอยู่ภายในป่า หกปีที่คุ้นเคยกับพื้นที่ทำให้หลิวหลีสามารถรู้ได้ว่าวัตถุดิบที่ตัวเองต้องการอยู่ตรงไหน เพราะจำเป็นต้องเข้าไปในป่าอยู่หลายครั้ง เสื้อผ้าของหลิวหลีส่วนใหญ่ก็จะเป็นโทนสีเข้ม ใช้คำของนางมาพูดก็คือนางไม่ได้แตกต่างอะไรจากลูกผู้ชายอกสามศอกสักเท่าไหร่ เสื้อผ้าสกปรกทำให้ภาพลักษณ์ไม่ดี เสื้อผ้าสีเข้มทนต่อความสกปรกได้มากกว่า ตอนนี้หลิวหลีสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม  แขนเสื้อใช้เชือกรัดเอาไว้ หน้าอกที่ยังไม่มีส่วนนูนขึ้นมายิ่งทำให้หลิวหลีถูกมองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย อีกทั้งยังถูกคนอื่นเรียกด้วยความสนิทสนมว่า”ศิษย์น้อง(ชาย)” หลิวหลีไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หากว่าคนพวกนั้นรู้ฐานะที่แท้จริงของนางคงจะตกใจจนไม่กล้ามาคุยกับนางอีก

หลายปีมานี้หลิวหลีก็มักจะรวมตัวกับโจวอีและโจวมั่วอยู่บ่อย ๆ ตอนแรกสหายสองคนนี้เข้ามาคารวะอาจารย์เข้าเป็นศิษย์ด้วยความดีอกดีใจ พอสักพักหาหลิวหลีไม่เจอจึงไปถามอาจารย์ว่าศิษย์พี่ล่ะ เทียนเย่าก็บอกกับพวกเขาว่านั่นไม่ใช่ศิษย์พี่ แต่เป็นอาจารย์อา พอทั้งสองกลับถึงบ้านก็เล่าให้ที่บ้านฟัง พี่ชายกับพี่สาวต่างบอกว่าพวกเขาว่าโชคดีนักที่ได้เป็นเพื่อนที่แข็งแกร่ง แต่สองคนนี้ก็ยังคงปฏิบัติตัวต่อหลิวหลีเหมือนเดิม ทำให้หลิวหลีรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก บัดนี้พลังบำเพ็ญของทั้งสองอยู่ช่วงฝึกฝนลมปราณระดับ 6 เพราะโดนหลิวหลีกระตุ้น ทั้งสองต่างก็มีความพยายามมาก จะทำอย่างไรได้ มีสหายเก่งขนาดนี้แล้วตัวเองจะด้อยได้อย่างไร

หลิวหลีค้นหาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เจอเป้าหมายในครั้งนี้ของตัวเอง งูลายแดง ครั้งนี้จำเป็นต้องใช้เลือดของงูลายแดง หลิวหลีเคยถามอาเลี่ยว่าฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกับเขาจะดีหรือ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาดูถูกจากเอ๋าเลี่ย “ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นงู” หลิวหลีนิ่งไป ครู่ใหญ่นางถึงจะรู้ว่านางได้ทำพันธะสัญญากับสิ่งมีชีวิตที่สุดยอดมาก

เพียงไม่นานก็มาถึงที่กบดานของงูลายแดง หลิวหลีเจองูลายแดงตัวหนึ่ง นางค่อย ๆเข้าใกล้ มีดสั้นที่อยู่ในมือปรากฏขึ้นเป็นระยะ ๆ ในขณะที่หลิวหลีกำลังจะจัดการให้จบให้ครั้งเดียว ตอนที่หลิวปามีดสั้นไปยังงูลายแดงก็มีวัตถุขนาดใหญ่ตกลงมาทับงูลายแดงที่เป็นเป้าหมายของนาง มีดสั้นของหลิวหลีอยู่ห่างจากวัตถุนั้นไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร แสงแห่งความเย็นเหวี่ยงเป็นเส้นโค้ง

 “ทำไมถึงเป็นเด็กน้อยไปได้” หลิวหลีมองดูวัตถุชิ้นใหญ่ที่หล่นลงมาทับงูตัวนั้น เป็นเด็กน้อยที่ขโมยเสื้อผ้าผู้ใหญ่มาใส่ อีกทั้งทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ถึงแม้ตัวจะสกปรกมอมแมมและมีบาดแผลจำนวนไม่น้อย แต่ก็ดูออกได้ว่าหน้าตาดีไม่เบา

“นี่ใครลงมือร้ายกาจถึงเพียงนี้” หลิวหลีรู้สึกโมโหเล็กน้อย เพียงแต่ว่าในป่าฝึกฝนทำไมจึงมีเด็กมาปรากฏตัวได้ เอ๋าเลี่ยออกมาจากมิติอสูรเทพ

มองเด็กที่ไม่ควรปรากฏตัวตรงนี้ที่อยู่ตรงหน้า เขาเห็นลอยสักรูปหงส์ที่ปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง คนสกุลหนานกง

หลิวหลีอุ้มเด็กขึ้นมา แน่นอนว่าหลิวหลีก็เก็บงูลายแดงผู้โชคร้ายตัวนั้นมาด้วย เก็บเลือดงูที่จำเป็นต้องใช้ไว้เป็นอย่างดี พาเด็กน้อยขึ้นเครื่องยานบินของนางแล้วก็กลับไป มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมาหนึ่งคน หลิวหลีจะกลับไปอย่างสมบุกสมบันแบบเดิมไม่ได้ นานๆ ทีจะดูสง่าสักครั้ง

หลิวหลีตรวจอาการเด็กน้อยคนนั้นคร่าวๆรู้สึกว่าตัวของเด็กสกปรกมาก หลิวหลีตักน้ำไว้เรียบร้อย ถอดเสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวของเขาออกจนเกลี้ยงเพราะนางไม่ถืออะไร ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตัวเด็กจนสะอาดสะอ้าน ในระหว่างเช็ดก็โดนเข้าที่บาดแผลบ้าง เด็กน้อยขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ หลิวหลีมีแต่เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าตอนอายุ 3-4 ขวบของนางอยู่ที่โลกมนุษย์ เสื้อผ้าเด็กอายุ 6 ขวบใส่แล้วค่อนข้างหลวม หลิวหลีนำเสื้อผ้ามาปรับแต่งเล็กน้อย พอจะให้เด็กน้อยใส่ไปก่อนได้ ที่แท้เป็นเด็กน้อยรูปงาม มองเสื้อผ้าสีชมพูบนตัวเด็กแล้วพลันปลอบใจตัวเองว่า เด็กๆ ใส่อะไรก็ได้

นำยาผงที่ตัวเองเป็นคนคิดค้นออกมา ยาผงสมานแผลคุณภาพชั้นเลิศ รสมิ้นท์ ทาไว้บนตัวจะให้สัมผัสเย็น ในช่วงเวลา 6 ปีมานี้สามปีแรกหลิวหลียังคงศึกษาเรื่องยาผง จนกระทั่งยาผงไม่มีอะไรให้ศึกษาอีก หลิวหลีจึงเริ่มฝึกปรุงยาเม็ดระดับ 1 เด็กน้อยผู้นี้ยังเด็กเกินไปนางจึงไม่กล้าใช้ยาเม็ด ยาผงจะดีกว่า มองดูเด็กตัวขาวเนียนที่ถูกเช็ดจนสะอาดสะอ้าน รอยเขียวฟกช้ำบนตัวเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน หลิวหลีทายาไปพลางก่นด่าไปพลาง ใครทำกับเด็กได้โหดร้ายถึงเพียงนี้

หนานกงรู้สึกว่ามีกลิ่นอายความเย็นไหลวนไปทั่วร่างกาย ความร้อนภายในร่างกายลดลงมาก เขาหัวเราะเยาะตัวเอง อายุตั้งหลายสิบปีแล้วเหตุใดถึงยังคงใสซื่ออยู่ ไม่ผิดหรอก ใสซื่อนี่แหละ ในฐานะที่เป็นลูกหลานบ้านสกุลหงส์หนานกง แต่กลับถูกญาติลอบวางแผนทำร้าย เขาโกรธแค้นคุณสมบัติของร่างกายตัวเอง หนานกงเวิ่นเทียน อายุ 37 ปี บำเพ็ญถึงขั้นจินตัน มีพันธะสัญญากับหงส์เหมันต์ในตำนาน พลังบำเพ็ญถือว่าเป็นผู้ถูกเลือก แต่พอพูดถึงคุณสมบัติของร่างกายตัวเองก็ยากที่จะอธิบายได้ เขาหนานกงเวิ่นเทียน ลูกหลานสายเลือดสกุลหนานกงโดยตรง แกนวิญญาณเหมันต์ การฝึกฝนถือว่าเป็นอัจฉริยะ คุณสมบัติร่างกายคู่บำเพ็ญที่หมื่นปียากจะหาเจอได้ ร่างเหมันต์จันทรา ธาตุหยินล้วน พ่อแม่ของตัวเองทำทุกวิถีทางเพื่อจะอำพรางคุณสมบัติร่างกายของเขา หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เข้าสู่การบำเพ็ญที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องไปเป็นหมากให้กับวงศ์สกุล พ่อแม่ของเขาก็ไปหาหยกที่ใช้อำพรางคุณสมบัติของร่างกายได้ เป็นเพราะว่าแกนวิญญาณน้ำแข็ง ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนเย็นชาแต่ก็ยังมีเพื่อนที่รู้ใจอยู่บ้าง ใครจะรู้เผลอทำหยกตกพื้นไป ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับถูกพวกหนานกงหางเทียนเจ้าหมอนั้นรู้เข้าจึงคิดร้ายต่อตัวเอง พอคิดถึงตัวเองดื่มชาวิญญาณที่ผสมตัวแรดน้ำเงินลงไปโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่สามารถขยับตัวได้ แล้วก็ถูกกรอกยาปลุกอารมณ์ เขาโมโหตัวเองที่ไม่สามารถสังหารสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นได้ เจ้าสัตว์เดียรัจฉานตัวนั้นพูดว่า ตอนนั้นเขาได้รับรู้ถึงปัญหาเรื่องคุณสมบัติของร่างกายของตัวเองจึงไปหาข้อมูลจำนวนมากถึงรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นธาตุหยินล้วน หากบำเพ็ญร่วมเพศกับตนจะสามารถเพิ่มพลังของตนได้ มันยังพูดอีกว่าบำเพ็ญร่วมเพศกับตนแล้วค่อยบอกกับสกุลจะรับตนไว้เป็นอนุภรรยา อ่อ อยากให้เขาไปเป็นคู่บำเพ็ญให้ก็ต้องดูว่าเขาจะมีบุญหรือไม่แล้วล่ะทางสกุลรู้แค่ว่าเขาทำพันธะสัญญากับหงส์แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นหงส์เหมันต์ในตำนาน พยายามฝืนเรียกหงส์เหมันต์ออกมาทำร้ายจุดตันเถียนเจ้าเดรัจฉานนั่น แล้วก็ถูกหงส์เหมันต์ฉีกจนเละเทะแล้วโยนออกมา หงส์เหมันต์สลบไป ตัวเองได้รับความช่วยเหลือแล้ว ไม่ได้ถูกเอาไปเป็นคู่บำเพ็ญ

หนานกงเวิ่นเทียนลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก สิ่งที่เห็นคือภาพสีฟ้าน้ำแข็ง เขานวดหัวเบาๆ แต่ขยับแค่เพียงนิดเดียวก็รู้สึกระบมอ่อนแรงไปทั้งตัว ขยับคอเล็กน้อย พบว่ามีการจัดวางเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน เขาอยากจะลงไปดูแต่กลับพบสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ ขาของเขาทั้งสองข้างแตะไม่ถึงพื้น ชุดสีชมพูบนตัวนี่มันเรื่องตลกอะไรกัน

หลิวหลีถือโจ๊กเดินเข้ามา ก็เห็นเด็กน้อยที่ยืนขึ้นทำหน้าเย็นชามองกระโปรงตัวเองแล้วแผ่รังสีความเย็นออกมา

“เจ้าตื่นแล้วหรือ” หลิวหลีพูดด้วยความประหลาดใจ เด็กน้อยได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้น ในใจหลิวหลีอดที่จะผิวปากไม่ได้ เด็กนี่ใส่ชุดผู้หญิงแล้วกลับดูไม่แปลกเลยสักนิด ดูดีจริงๆ

 “เจ้าเป็นใคร” หนานกงเวิ่นเทียนถามขึ้น ตอนนี้พลังเซียนของเขาแทบไม่เหลือ หงส์เหมันต์ก็ฝืนฉีกมิติจนได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่ฟื้น ตัวเองก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง ถึงแม้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้จะอายุไม่มาก แต่ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลังเซียนจนดูออก ตอนนี้ตัวเองไม่ใช่ศัตรู เงียบดูสถานการณ์ก่อนจะดีกว่า

“ข้าเก็บเจ้ามาจากป่าฝึกฝนที่อยู่หลังเขา เจ้ากินโจ๊กรองท้องก่อนสิ หากเจ้าจำได้ว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าจะส่งคนพาเจ้ากลับไป เป็นเด็กอยู่ข้างนอกมันอันตราย” หลิวหลีพูดไปพลางเดินไปพยุงเด็กขึ้นมา นำหมอนวางไว้ที่ข้างหลังของเขา เป่าโจ๊กให้เย็น แล้วก็ยื่นป้อนที่ปากของเด็กน้อย

หนานกงเวิ่นเทียนดูหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับช้อนที่ถูกส่งจ่อปาก ตัวเองสามารถได้กลิ่นความหอมของโจ๊กนั้น ท้องก็ยอมแพ้ส่งเสียงร้องออกมา อย่างไรเสียตัวเองก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว โจ๊กจะมีพิษหรือไม่มีพิษก็ช่างมัน เขาหลับตาลงแล้วกลืนมันเข้าไป หนานกงเวิ่นเทียนค้นพบด้วยความประหลาดใจว่า โจ๊กนี้รสชาติดีมาก มีกลิ่นหอมของยาอ่อนๆ แต่กลับผสมผสานเข้ากับรสชาติของโจ๊กได้เป็นอย่างดี ทำให้รสชาติของโจ๊กยิ่งดีมากขึ้นไปอีก

“เจ้านอนลงพักผ่อนสักหน่อย ข้าจะไปเตรียมของให้เจ้า ใช่แล้ว เจ้าชื่ออะไรหรือ ข้าชื่อว่าหลิวหลี” หลังจากป้อนโจ๊กหมดชาม หลิวหลีก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ต้องรู้ว่ากว่าจะหาถ้วยนี้มาไม่ใช่ง่ายๆ ตั้งแต่บำเพ็ญมาหลิวหลีก็ใช้ชีวิตแบบปล่อยปะละเลย ถ้วยที่ประณีตขนาดนี้ นางไม่ได้ใช้มานานมากแล้ว โชคดีที่ยังไม่ได้ทิ้ง ไม่เช่นนั้นถ้าเอาจานใหญ่มา เด็กอาจจะตกใจจนร้องโฮได้เชียว

หลิวหลี ชื่อนี้ช่างธรรมดาเสียจริง หนานกงเวิ่นเทียนคิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา

“ข้าชื่อเฟิ่งเทียน” หนานกงเวิ่นเทียนบอกชื่อที่มักจะบอกกับคนอื่นเวลาออกไปข้างนอก

“เฟิ่งเทียน เรียกเจ้าว่าอาเทียนก็แล้วกัน อาเทียน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวสักครู่พี่สาวมาเปลี่ยนยาให้” หลิวหลีพูดด้วยความอ่อนโยน

หลังจากที่หลิวหลีเดินออกไป หนานกงเวิ่นเทียนถึงหน้าแดงเป็นลูกตำลึง พี่สาว…เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงหรอกหรือเนี่ย

…………………………………………………..