ตอนที่ 94 อวี๋กานกานแกคิดจะไม่ไว้หน้ากันเลยใช่ไหม

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่หยางเทียนโย่วได้รับข้อความยังนึกว่าเหอหว่านซินนัดเขาออกมาเดท เห็นว่าสถานที่เป็นภัตตาคารอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองนี้ เขาจึงสวมสูทผูกเนกไทเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

 

 

ตอนนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบจากลุงใหญ่และเหอหว่านซิน ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนเรียกตนมา ในเมื่อไม่ใช่พวกลุงใหญ่เรียก งั้นก็ต้องเป็นอวี๋กานกาน

 

 

หยางเทียนโย่วหันไปพูดกับอวี๋กานกานทันที “กานกาน คุณเป็นคนเรียกผมมาใช่ไหม ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรักผม คุณแค่โดนผู้ชายคนนี้หลอกเท่านั้นเอง”

 

 

รังนกที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่เกือบจะพุ่งออกมา อวี๋กานกานเบือนหน้าไปมองฟังจือหัน ถาม “สุนัขที่ไหนมาเห่าอยู่แถวนี้ เห่าจนอาหารทะเลรสเลิศทั้งโต๊ะนี้เสียรสชาติหมดแล้ว”

 

 

ถ้อยคำเหน็บแนมของอวี๋กานกานทำให้หยางเทียนโย่วหน้าเสียไปครู่หนึ่ง

 

 

ผู้หญิงคนนี้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลเกินไปหน่อยแล้ว มันคิดว่ามันเป็นใคร หากไม่ใช่เพราะคลินิกผุพังนั้น เขาไม่มีทางชายตามองอวี๋กานกานเด็ดขาด แม้ว่าจะหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่หยางเทียนโย่วก็ไม่หลุดแสดงอารมณ์ไม่พึงพอใจใดๆ ออกมา ยังคงแสดงละครต่อ มองอวี๋กานกานด้วยสายตาลึกซึ้งและเจ็บปวดรวดร้าว

 

 

แต่เหอหว่านซินกลับทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ดวงตาเบิกโตด้วยความโกรธเกรี้ยว ถลึงตามองอวี๋กานกานอย่างน่ากลัว แววตาอำมหิตราวกับจะจับอวี๋กานกานกิน “อวี๋กานกาน แกอย่าเหยียบจมูกขึ้นหน้า[1]!”

 

 

อวี๋กานกานเท้าคาง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มถามเหอหว่านซิน “เธอไม่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหรือไง หรือว่านั้นเป็นสุนัขที่เธอเลี้ยง?”

 

 

เหอหว่านซินลุกพรวด ด่าดังลั่น “แกว่าใครเป็นหมา อวี๋กานกานแกนั่นแหละที่เป็นหมา เลือดหมาอาบหัว[2] หมาตดไม่ออก[3]!”

 

 

อย่างไรเสียอวี๋กานกานก็จดทะเบียนสมรสแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยังไม่ถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาด แต่ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันคืออะไร ระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครต่อไปอีกแล้ว

 

 

อวี๋กานกานยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ฉันพูดถึงคู่หมั้นปลอมๆ คนนี้ พี่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ด้วยเหรอคะ หรือว่าเขาจะเป็นสุนัขที่พี่เลี้ยงไว้จริงๆ ?”

 

 

ถูกด่าว่าเป็นสุนัขอยู่นั่น หยางเทียนโย่วก็มีน้ำโหขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เดิมทีบทคู่หมั้นนี่ก็ฝืนปลอมต่อไปไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับเหอหว่านซินด่าอวี๋กานกานโต้งๆ แบบนี้แต่ลุงใหญ่และป้าสะใภ้กลับไม่ห้าม เห็นได้ชัดว่าเผยไผ่ใบสุดท้ายที่อยู่ในมือแล้ว

 

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอวี๋กานกานอีก “นังผู้หญิงน่ารังเกียจ แกว่าใครเป็นหมา” หยางเทียนโย่วถลึงตามองอวี๋กานกานด้วยความโกรธจัด “แกคิดว่าฉันชอบแกจริงๆ เหรอ หัดชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง”

 

 

เหอหว่านซินที่ยืนอยู่ข้างๆ เสริมขึ้นมาทันที พูดเหน็บแนม “ใช่ สารรูปอย่างแกยังหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะชอบแกอยู่อีก ผู้ชายคนนี้ที่ชื่อฟังจือหัน เขาอยากได้เมียรวยๆ แบบไหนได้หมด ตอนนี้ที่เขาอยู่กับแก เพราะแค่เห็นว่าแกมีคลินิกอยู่ที่หนึ่ง ถ้าแกไม่มีคลินิก มีเหรอที่เขาจะสนใจแก”

 

 

ฟังจือหันลุกขึ้นยืนทันที ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ออร่าเย็นเยือก เหอหว่านซินสะดุ้งตกใจ

 

 

หยางเทียนโย่วเหยียดยิ้ม พูดถากถางฟังจือหัน “แกมองอะไรวะ แกกับฉันมีอะไรที่ต่างกัน แกกับฉันก็เหมือนๆ กัน แถมแกยังเก็บรองเท้าเก่าๆ ที่ฉันไม่เอาแล้ว ยังจะมาอวดเก่งกับฉันอยู่อีก ฉันจะบอกอะไรให้ นังผู้หญิงนี่ไม่มีเสน่ห์สักนิด ต่อให้มันแก้ผ้านอนอยู่บนเตียงฉัน ฉันก็ไม่ชายตามอง…”

 

 

นัยน์ตาเย็นชาของฟังจือหัน เกิดประกายความเดือดดาลขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาหยิบแก้วไวน์ ฟาดลงไปทีศีรษะของหยางเทียนโย่ว

 

 

แก้วไวน์ฟาดลงไปที่ศีรษะของหยางเทียนโย่วอย่างแม่นยำ เสียง “เพล้ง” ดังสนั่น ของเหลวสีแดงในแก้วไหลนองลงมาจากศีรษะของหยางเทียนโย่ว

 

 

สภาพน่าอเนจอนาถสุดๆ

 

 

 

 

——

 

 

[1] เหยียบจมูกขึ้นหน้า หมายถึง การที่ฝ่ายหนึ่งให้เกียรติอีกฝ่าย แต่อีกไม่ให้เกียรติกลับ มีแต่จะวางท่าได้ใจยิ่งขึ้น

 

 

[2] เลือดหมาอาบหัว หมายถึง ด่าอย่างสาดเสียเทเสีย

 

 

[3] หมาตดไม่ออก หมายถึง คำพูดหรือบทความที่ไม่มีตรรกะ ไม่มีเหตุผลรองรับ