บทที่ 20 ไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อผู้ควบคุมจ้าวได้เห็นลักษณะของเม่นเกราะที่กำลังค่อยเข้ามาแล้วก็ต้องถึงกับขมวดคิ้วในทันที “จากขนาดของมันนั้น ถึงแม้จะเท่ากับระดับทหาร แต่จากหนามของมันนั้นบ่งบอกว่าเป็นระดับนายพล”
เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าระดับนายพล นี่ทำให้ทุกคนนั้นถึงกับหน้าถอดสีในทันที มีเพียงนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณไม่กี่คนเท่านั้นที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะต่อสู้
“ทุกคน อย่าแตกตื่น”
ผู้คุมจ้าวคนนี้ ตัวเขานั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง เมื่อเห็นทุกคนตกอยู่ในสภาพตื่นตระหนกจึงได้รีบพูดออกมา “เมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้วอย่าได้กลัวไป เสี่ยวจาง เข้าไปดูก่อน”
นายพลจางพยักหน้ารับก่อนที่จะตั้งท่าเท้าแล้วทำการทะยานตรงไปยังเม่นเกราะในทันที เพียงชั่วพริบตา เขาก็ไปปรากฏอยู่ในระยะเกือบหกสิบเมตรเรียบร้อยแล้วแต่เมื่อเขานั้นได้กำลังจะร่อนลงสู่พื้นก็ต้องประหลาดใจไม่น้อย เพราะว่าที่เขาเห็นนั้นคือเม่นเกราะที่มีร่างเพียงครึ่งเดียว
“…..เป็นเจ้าเหรอ”
เมื่อนายพลจางได้เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ภายใต้หนังเม่นเกราะ เขาเองก็อดที่จะแสดงท่าทางประหลาดใจไม่ได้
เฉินเฉียงเองเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นนายพลจางพอดี
และนี่ แสดงว่าตัวเขานั้นออกจากอาณาเขตรังหมาป่าแสงจันทร์เรียบร้อยแล้ว
“ผู้การจ้าว นี่คือเฉินเฉียง เฉินเฉียงจากอาณานิคมเขาหมาง”
นายพลจางตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังลั่นราวกับต้องการสรรเสริญว่าเฉินเฉียงนั้นยังมีชีวิตอยู่ และเพื่อเป็นการยืนยันต่อผู้การจ้าวว่าเขานั้นไม่ได้ตัดสินใจผิดไปที่พาเฉินเฉียงมา
ในช่วงห้าวันมานี้ คนของตึกนายพลเหมันต์จันทราทั้งในระดับทหารขั้นสูงและนายพลวิญญาณตกตายไปสิบกว่าคน
แต่เฉินเฉียงที่มีระดับทหารขั้นกลางกลับรอดกลับมาได้อย่างปฏิหาริย์
และเมื่อมั่นใจว่าคนคนนี้คือเฉินเฉียงจริงๆแล้วก็ทำให้ผู้ควบคุมจ้าวอดที่จะแสดงใบหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้เหมือนกัน
แต่ถึงจะน่าประหลาดใจ แต่ในเมื่อภารกิจในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ยังไงนี่ก็ยังถือว่าเป็นการสูญเสียอย่างหนัก
“เอายังไงดีครับผู้ควบคุมจ้าว หรือว่าเราจะลองเข้าไปอีกครั้ง”
หนึ่งในทหารเวรตัดใจถามออกมา
“…..อ่า…. ลืมๆมันไปก็แล้วกัน พวกเราเองก็ใช้เวลามาห้าวันตามที่นายพลต้องการแล้ว ถึงแม้ว่าผลกระจ่างจิตจะสำคัญก็จริง แต่ชีวิตของนักรบเองก็มีค่าไม่ต่างกัน ในครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะโดนกดดันมา ท่านนายพลเองก็ไม่มีทางจะยอมให้พวกเรามาทำภารกิจฆ่าตัวตายในครั้งนี้อยู่แล้ว นายพลหลินเองก็คงไม่อยากจะเห็นชีวิตของนักรบสายเลือดในสังกัดต้องตกตายไปเปล่าๆเป็นแน่”
“…แต่เรื่องยาที่นายพลต้องใช้ล่ะ ต่อให้พวกเราต้องสูญเสียไปทั้งหมด แต่หากว่าท่านนายพลยกระดับเป็นระดับราชาได้ล่ะก็ ยังไงมันก็คุ้ม”
“อย่ามาทำปากดีตรงนี้”
ผู้ควบคุมจ้าวตะโกนใส่ทหารคนนั้นด้วยความโกรธ “พวกเราจะรอคนอื่นอีกห้านาทีเท่านั้น หากยังไม่มีใครออกมาอีก เราจะถอนตัว”
นายพลจางที่ในตอนนี้พาเฉินเฉียงเข้าไปในกระโจมสนามหลังหนึ่ง พร้อมทั้งกับนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณอีกสองสามคนที่รุมล้อมเฉินเฉียง
“โย่ ไอ้หนู นี่มันหนังเม่นเกราะระดับนายพลไม่ใช่เหรอ นายไปเอามาจากไหนกัน อย่าบอกนะว่านายเป็นคนฆ่ามัน”
“กับนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นกลางแบบข้าเนี่ยนะจะไปฆ่าเม่นเกราะระดับนายพลขั้นต่ำแบบนี้ได้ ล้อกันเล่นแล้วล่ะครับ”
เฉินเฉียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “เป็นแค่โชคช่วยนะครับ ข้าพบหนังนี่ในเขตรังมัน น่าเสียดายที่มีแค่ครึ่งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลัวว่าหมาป่าสีเงินแสงจันทร์นั่นจะย้อนกลับมาล่ะก็ ข้าคงอยู่หาอีกครึ่งตัวแล้วนำกลับมาแล้ว”
“ห้ะ เฉินเฉียง เจ้าจะบอกว่าเจ้าเข้าไปอยู่ใกล้ๆตอนที่หมาป่าสีเงินคำรามเมื่อสามวันก่อนน่ะ … เจ้าจะบอกว่าเม่นเกราะนี้ถูกฆ่าตายด้วยมันเหรอ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับ “ใช่ครับ แต่ข้าเองไม่ได้ออกไปให้มันเห็นนะ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้นทำให้ข้าไม่กล้าไปไหนอยู่นานมากจึงกล้าที่จะเข้าไปเก็บหนังครึ่งเดียวนี่มาได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนเองได้แต่มองเฉินเฉียงราวกับเห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
พวกเขาต่างก็ไม่คิดว่าคนที่ยังหนุ่มแน่นแบบนี้จะโลภซะไม่อยากเห็นค่าของชีวิตตัวเอง
หากเป็นพวกเขาล่ะก็ ต่อให้ชอบเงินขนาดไหนก็ตาม อย่าว่าแต่ได้ยินเสียงคำรามนี่เลย แม้แต่เข้าไปใกล้เขตรังยังไม่กล้าซะด้วยซ้ำ
“เอาเถอะน่า ถึงแม้จะมีอยู่ครึ่งเดียว แต่หนังของเม่นเกราะนั้นก็ยังขายได้ราคาอยู่ดี แถมขนของมันนั้นขายแยกยังได้ราคางามเลย ว่าไงไอ้หนู สนใจจะขายรึเปล่า”
“ใช่แล้ว เจ้านี่ขายได้อย่างน้อยๆก็น่าจะได้สักสิบแก่นคริสตัลระดับทหารขั้นต่ำนะ ว่าไง ไม่สนใจจะขายให้ข้าเหรอ เจ้าเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี”
เมื่อเฉินเฉียงหันไปก็ได้เห็นชายอ้วนที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้ก็อดที่จะสาปแช่งอยู่ในใจไม่ได้
ชายคนนี้เองตอนที่อยู่ในอาณาเขตรังหมาป่านั้นหาจังหวะแกล้งเขาอยู่เรื่อยๆ ราคานี้เองก็สมควรจะน้อยด้อยค่ากว่าความจริงนักอย่างแน่นอน
จริงดังคาด นักรับสายเลือดระดับวิญญาณคนหนึ่งได้เดินเข้ามาและเสนอราคาที่สูงกว่ามากให้ “ไอ้อ้วน เจ้าจะขี้เหนียวเกินไปแล้ว ไอ้หนู ขายให้ข้าดีกว่า ข้าจ่ายให้เจ้าแปดแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นต่ำเลยนา สนใจรึเปล่า”
ในทันทีที่เขานั้นกำลังจะตกลงการค้าอยู่นั้น หลิงเว่ยก็ได้เดินเข้ามาหาเขาพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นในทันที ก่อนที่จะหยุดมองและถามออกมา
“เฉินเฉียง นายกอดอะไรอยู่น่ะ ….เหมือนจะยังเป็นๆอยู่ด้วย”
เฉินเฉียงเองก็พยักหน้ารับ ก่อนที่จะวางเม่นเกราะตัวน้อยไปกับพื้น “รังของมันนั้นตายหมด เหลือเจ้านี่ไว้เพียงตัวเดียว ข้าเลยนำมันกลับมาด้วย”
เมื่อสิ้นคำของเฉินเฉียง ทุกคนในต่างก็ตกใจหันขวับมาดู แม้แต่ผู้ควบคุมจ้าวเองก็ยังยืนขึ้นมาและตรงเข้ามาหา
แต่ความรู้สึกของผู้คนโดยรอบนั้นไม่ได้มีสีหน้าเอ็นดูเหมือนเฉินเฉียง กลับกัน ทุกคนต่างก็มองเฉินเฉียงด้วยสายตาแปลกๆยิ่งกว่าเดิม
แม้แต่หลิงเว่ยเองก็ยังนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้
“เฉินเฉียง อย่าบอกนะว่าเจ้าจะเลี้ยงสัตว์ประหลาดเป็นสัตว์เลี้ยงน่ะ เจ้าไม่รู้รึไงว่าเจ้าพวกนี้คือศัตรูของพวกเรา”
“ทุกๆปี นักรบสายเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนต้องตกตายเพราะสัตว์ประหลาดพวกนี้ แล้วเจ้ายังกล้ามาทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีกเหรอ”
เฉินเฉียงเปิดปากราวกับจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก
เขาเองก็เข้าใจความหมายของหลิงเว่ยได้เป็นอย่างดี เป็นเขาเองที่ได้เห็นใบหน้าน่าเอ็นดูของเจ้าตัวน้อยแล้วฆ่ามันไม่ลง
เมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยในตอนนี้ที่กำลังสั่นกลัวอยู่นั้น เฉินเฉียงก็ทำได้เพียงลอบถอดถอนลมหายใจเท่านั้น
-ข้าเสียใจด้วยเจ้าหมอนน้อย ใครใช้ให้พวกเรานั้นเป็นศัตรูตามธรรมชาติต่อกันล่ะ-
หลิงเว่ยที่กล่าวดุเฉินเฉียงต่อหน้าทุกคนนั้นก็ได้นำมีดออกมาและพูดว่า “เจ้าต้องจำไว้ให้ดีว่าเจ้าจะต้องไม่หวั่นไหวกับเรื่องพวกนี้…หากเจ้าลงมือไม่ได้ งั้นข้าเองจะจัดการให้”
หลังจากพูดจบ หลิงเว่ยยกมีดในมือขึ้นมาเตรียมที่จะจ้วงแทง
“เดี๋ยวก่อน”
ผู้การจ้าวในตอนนี้เขาเดินมาอยู่ข้างหลิงเว่ย เขาฉกมีดออกมาจากมือหลิงเว่ย และมองเฉินเฉียงด้วยความสนใจก่อนที่จะหันไปดูเจ้าตัวน้อยที่อยู่ที่พื้นอยู่นิ่งๆราวกับคิดอะไรบางอย่าง
-ฉิบหายแล้ว-
-อย่าบอกว่าผู้การจ้าวจะให้ข้าเป็นคนลงมือฆ่าน่ะ-
เฉินเฉียงที่คิดขึ้นมาได้แบบนี้ก็รีบหลบสายตาผู้ควบคุมจ้าวในทันที ในตอนนี้เขานั้นก่นด่าผู้ควบคุมจ้าวไปเรียบร้อยแล้ว
จนถึงตอนนี้ เฉินเฉียงเองก็รู้สึกผิดขึ้นมาในทันที หากรู้ว่าเจ้าตัวน้อยต้องมาตกตายแบบนี้ก็คงจะไม่พาออกมาจากถ้ำเป็นแน่ ต่อให้ต้องดิ้นรนอย่างหนักก็ไม่น่าจะต้องตกตายไปแบบนี้
“ฮ่าฮ่า เจ้าตัวน้อยนี่ก็น่ารักจริงๆล่ะนะ”
โดยไม่มีใครคาดคิด ผู้การจ้าวได้ส่งมีดคืนให้กับหลิงเว่ย ก่อนที่จะนั่งยองๆแล้วทำการหยอกเล่นกับเจ้าตัวน้อย
เจ้าตัวน้อยในตัวนี้ที่กำลังตื่นกลัวนั้น เมื่อเห็นว่าผู้การจ้าวค่อยๆยื่นมือเขามาเพราะอยากทำความรู้จัก มันรีบหันหลังให้และใช้ขาน้อยๆของมันนั้นทั้งจับทั้งตะกุยขาของเฉินเฉียงและร้องออกมา
การแสดงออกของผู้การจ้าวนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปพร้อมๆกัน
ในตึกนายพลเมืองเหมันต์จันทรานั้น นอกจากผู้การหลิงเฟยแล้ว คนที่ฆ่าล้างสัตว์ประหลาดมาอย่างมากมายและไม่ได้ด้อยกว่ากันสักเท่าไหร่นั้นก็คือผู้ควบคุมจ้าวผู้นี้
แล้วทำไมเขาถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ออกมากันล่ะ
แถมท่าทางของเขานั้นไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเลยแม้แต่น้อย
ผู้ควบคุมจ้าวเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีของทุกคน เขาได้จับเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอุ้มเอาไว้ที่แขน
“เจ้าชื่อเฉินเฉียงสินะ สิ่งที่หลิงเว่ยพูดนั้นมันก็ถูกที่พวกเรานั้นไม่ควรจะใจดีกับพวกสัตว์ประหลาด”
“สัตว์ประหลาดมากมายที่ใช้ความใจดีของพวกเราย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราอย่างน่าเจ็บช้ำ นั่นก็เพราะพวกมันนั้นพัฒนาสติปัญญาของพวกมันขึ้นมาให้สูงขึ้น และนี่คือสิ่งที่พวกเราจะต้องระวัง”
เฉินเฉียงเองที่ตอนนี้คิดตามก็ได้พยักหน้ารับอย่างไม่ทัดทาน เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องชาวนากับงูเห่ามาอยู่บ้าง ไหนจะนิทานอย่างเมาคลีลูกหมาป่านั่นอีก ทำไมเขาจะไม่เข้าในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวน้อยนี้ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวที่โหดร้ายพวกนั้นแม้แต่น้อย สำหรับเขานั้นก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ไม่ใช่ปีศาจที่จะฆ่าล้างทุกชีวิตทั้งๆที่ยังไม่ก่ออันตรายให้เลยก็ตามแบบนั้น
แน่นอนว่าผู้ควบคุมจ้าวย่อมไม่รู้ความคิดของเฉินเฉียง เขาพูดออกมาในขณะที่กำลังลูบขนเจ้าตัวน้อยเล่น
“แต่พวกเรานั้นต้องไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของพวกเรา”
“เจ้าเม่นเกราะตัวน้อยนี้ยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา มันนั้นยังไม่รู้ดีรู้ชั่วอะไรทั้งนั้น ตราบใดที่พวกเรานั้นดูแลดีๆ มันจะช่วยพวกเราได้ ดีไม่ดีมันจะช่วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราได้เลยด้วยซ้ำ……ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่เชื่อสินะ งั้นดูนี่……”
หลังจากพูดออกมา ผู้การเจ้าได้ดึงผลไม้สองลูกที่ติดอยู่กับขนของเจ้าหมอนน้อยที่ข้างหลัง
“อ้ะ ผู้การจ้าว ผมว่าอย่ากินดีกว่าครับ นอกจากมันจะแข็งแล้วรสชาติของมันยังแย่มากๆ”
เฉินเฉียงกล่าวเตือนผู้ควบคุมจ้าวด้วยความหวังดี
“ห้ะ อย่าบอกนะว่านายกินเจ้านี่เข้าไปน่ะ”
ผู้ควบคุมจ้าวที่ก่อนหน้านี้ยิ้มร่านั้น ในตอนนี้ได้ใช้มือข้างที่กำลังจะดึงผลไม่เล็กๆออกมาเข้าไปคว้าหลังคอเสื้อของเฉินเฉียงแล้วยกขึ้นมาในทันที
“อ๋า………. ใช่ ใช่ครับ”
เฉินเฉียงล่ะล่ำล่ะลักพูดออกมา พร้อมมองไปยังผู้ควบคุมจ้าวที่ตอนนี้ราวกับกำลังจะบ้าคลั่ง
“เสียของ ไอ้ฉิบหาย นี่มันเสียของชัดๆ นี่เจ้าไม่รู้รึไงว่านี่คือผลกระจ่างจิตที่ข้าให้เจ้าออกไปหามาน่ะ”
ผู้คุมจ้าวได้ก้าวเท้าเข้ามาหาก่อนที่จะกระทืบเท้าไปมาด้วยความปวดใจ