ตอนที่ 20 ไพ่ไม้ตาย

ปฏิญญาค่าแค้น

ไม่เพียงแต่ผู้ดูแลหลิวที่อยากรู้คำตอบจนใจจะขาด บรรดาชาวบ้านของหมู่บ้านเจี้ยนซีก็เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและรอคอยอย่างใจจดจ่อ หลี่ซิ่วฉายคนจนที่อยู่ในหมู่บ้านเจี้ยนซีมาสามปีแล้ว มีความลับอะไรที่มิอาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้หรือ 

 

 

“ลูกเขยตระกูลเยี่ยที่เป็นเจ้าหน้าที่วังในเมืองหลวงสกุลหลี่ แล้วเจ้าว่าข้ากับตระกูลเยี่ยมีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือ” น้ำเสียงของหลี่ซิ่วฉายฟังดูสดใส ฟังดูผ่อนคลาย ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องราวที่แสนธรรมดาเรื่องหนึ่ง 

 

 

การโยนก้อนหินลงในน้ำจนเกิดเป็นคลื่น เสมือนกับคำพูดของหลี่ซิ่วฉายที่กำลังทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่อยู่ในใจของทุกคน 

 

 

ใครก็ตามที่สมองไว ก็ล้วนเดาได้ถึงตัวตนของหลี่ซิ่วฉาย พร้อมกับความรู้สึกภายในที่ตื่นตกใจมากเกินกว่าจะอธิบายได้ 

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตระกูลเยี่ยมักระมัดระวังเรื่องการพูดการจาเกี่ยวกับลูกเขยที่อยู่ในเมืองหลวงผู้นั้น มีคนเคยพูดว่า เป็นเพราะพ่อตาเยี่ยไม่ยอมรับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ บ้างก็พูดว่าเป็นเพราะตระกูลเคยชินกับการถ่อมตนไม่ชอบป่าวประกาศให้ใครต่อใครรับรู้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การที่เจ้ายิ่งปิดบังมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการดึงดูดให้คาดเดากันไปต่างๆ นานามากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกเขยของตระกูลเยี่ยนั้นดูสูงส่งและดูลึกลับเป็นอย่างมากในสายตาของชาวมณฑลเฟิงอัน เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมดูแลเมืองหลวงนับเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง เท่าที่คนธรรมดาทั่วไปรับรู้ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าหน้าที่ราชวังของเมืองหลวง ล้วนเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งที่ได้รับความเชื่อถือ ล้วนเป็นผู้มีความสามารถเป็นพิเศษซึ่งสามารถกระทำการเรื่องสำคัญของประเทศ ในส่วนที่ว่าดูลึกลับนั่นก็คือ ด้วยเพราะว่าเข้าใจเกี่ยวกับตัวเขาน้อยมากๆ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ถือว่ามีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง ด้วยความที่ดูลึกลับจึงเป็นการง่ายที่จะทำให้ผู้คนเกิดความเคารพยำเกรง 

 

 

ดังนั้นในขณะนี้ ผู้ดูแลร้านหลิวที่กำลังคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของหลี่ซิ่วฉายจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเคารพยำเกรงต่อหลี่ซิ่วฉาย หัวสมองปั่นป่วนไปหมด เรื่องนี้ควรจะจัดการเยี่ยงไรดี ท่านเจ้านายจางได้ยินมาว่าหลินหลันเป็นศิษย์หญิงของหมอฮู๋และนางก็รูปลักษณ์หน้าตาดีมาก เขาจึงเกิดหัวใจหวั่นไหวเป็นอย่างยิ่ง บวกกับก่อนหน้านี้ที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าข้าตาไป ท่านเจ้านายจางจึงต้องการที่จะรีบจัดการเรื่องมงคลนี้ให้เรียบร้อยโดยไว ด้วยเชื่อว่าการจัดงานแต่งงานจะช่วยกำจัดสิ่งชั่วร้ายโดยหวังว่าจะพลิกเรื่องราวแย่ๆ ให้เป็นความสงบสุข ปลดปล่อยความโชคร้าย เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่ากลางทางเกิดมีหลี่ซิ่วฉายโผล่เข้ามาขัดขวาง เขาไม่เชื่อว่าด้วยภูมิหลังตระกูลของหลี่ซิ่วฉาย จะมาสู่ขอหญิงสาวชาวบ้านแต่งงานเป็นภรรยาของเขา หากหลี่ซิ่วฉายยืนกรานที่จะแทรกแซงสิ่งนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ง่ายต่อการจัดการเสียแล้ว 

 

 

ผู้ดูแลหลิวรู้สึกถึงความลำบากใจเป็นอย่างมาก 

 

 

หลินหลันตกใจเป็นยิ่งนัก แม้ว่าก่อนหน้าก็นึกสงสัยว่าเขากับตระกูลเยี่ยเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นหลานชายของตระกูลเยี่ย อีกทั้งยังมีบิดาที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่วังหลวงขั้นสูง เมื่อนึกถึงตอนที่ลงนามในสัญญา ด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึมของเขา หลินหลันเกิดแรงกระตุ้นที่อยากจะทำลายสัญญาไปเสีย ไม่ว่าหลินหลันจะโง่เสียขนาดไหนก็พอเดาออกได้ ว่าการที่เขาพานางกลับไป ก็เพื่อต่อสู้กับใครบางคนเป็นแน่ โดยใช้นางเป็นอาวุธ ถึงคราในราชสำนักเห็นทีว่าคงไม่ง่ายดายไปกว่าการต่อสู้ในคฤหาสน์หรูเป็นแน่ ถึงชีวิตของนางในโลกก่อนหน้าจะได้รับบทเรียนมาแล้ว แต่ทว่า ณ ตอนนี้หลี่ซิ่วฉายโล่กำบังนี้ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์มาก 

 

 

หลินหลันเกิดความสับสนเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

ในส่วนหลินเฟิงและหัวหน้าหมู่บ้านรวมถึงคนอื่นๆ ต่างรู้สึกวางใจขึ้นไปได้เยอะ หลี่ซิ่วฉายเป็นคนของตระกูลเยี่ย เช่นนั้นเรื่องก็จัดการได้ง่ายดายแล้ว 

 

 

ดวงตาของเหยาจินฮวาเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ เมื่อมองไปยังหลี่ซิ่วฉายอีกครั้ง เขาช่างเสมือนหยกที่งดงาม ลักษณะท่าทางสูงส่ง แม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตแขนยาวครึ่งตัวบนสีขาวตัวเก่านั้นก็ไม่ได้ดูขัดลูกหูลูกตาเสียแล้ว คนยากจนสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ก็คือคนจนอยู่วันยังค่ำ ขณะที่หลี่ซิ่วฉายสวมเสื้อผ้าเก่านั่นก็เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที หลังจากโง่เง่าไปชั่วครู่ เหยาจินฮวาก็ได้ตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใด หลินหลันได้หมั้นหมายกับชายหนุ่มรูปงามที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจผู้นี้จริงๆ หรือ ขณะนั้นเองความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ทำไมหลินหลันถึงได้โชคดีเสียขนาดนี้ ไปคว้าเอาสมบัติล้ำค่ามาได้ 

 

 

“ผู้ดูแลหลิว อีกประเดี๋ยวข้าต้องพาหลินหลันกลับไปตระกูลเยี่ย เจ้าเองก็กลับไปบอกจางต้าฮู่ หากเขาขัดข้องใจอะไร ไม่ว่าจะไปบ้านตระกูลเยี่ยหรือไปที่ทำการราชสำนัก ข้าหลี่หมิงอวินจะไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน” มุมริมฝีปากของหมิงอวินแฝงเอาไว้ซึ่งความมุ่งมั่น ราวกับรอยยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้ม มองดูแล้วช่างสง่างามไร้ซึ่งพิษสง แต่จริงๆ แล้วเป็นการสื่อที่ชัดเจนอย่างมาก เป็นการบอกให้เข้าใจได้ว่า หากต้องการจะแย่งผู้หญิงของเขา เขาก็จะไม่ยอมวางมืออย่างถึงที่สุดเป็นแน่ 

 

 

ผู้ดูแลหลิวถึงกับเหงื่อตก เขากล้าท้าทายตระกูลเยี่ยที่ไหนกัน ยังไม่รวมถึงเรื่องของตนเองที่กระทำผิดเอาไว้ ต่อให้เป็นเจ้านายของเขาจางต้าฮู่ก็ยังจำเป็นต้องชั่งใจแล้วชั่งใจอีก แต่ทว่า…เขาก็คงไม่อาจแบกหน้าอมทุกข์เช่นนี้กลับไปได้หรอก? และเมื่อนึกถึงอารมณ์โกรธโมโหของผู้เป็นเจ้านาย ผู้ดูแลหลิวได้แต่เสียใจที่เข้ามารับจัดการเรื่องแย่ๆ เรื่องนี้ เป็นเพราะไม่ได้ดูฤกษ์งามยามดีก่อนออกจากบ้านแท้ๆ ถึงได้ซวยถึงเพียงนี้ 

 

 

“หลี่ซิ่วฉาย…” ผู้ดูแลหลิวเลียริมฝีปากแห้งผากของเขา เอ่ยขึ้นอย่างเจรจา “เจ้านายของข้าได้จัดงานเลี้ยงฉลองที่จวน [1] ไว้เรียบแล้วและทุกคนในเขตเฟิงอานที่มีหน้ามีตาก็จะมาเข้าร่วมด้วย แม้แต่นายมณฑลก็ได้รับเชิญ หากตอนนี้จู่ๆ แม่นางหลินหลันก็มาบอกว่าจะไม่แต่งงาน ทางด้านนั้น คงเป็นการยากที่จะชี้แจงได้…หรือไม่ ท่านและแม่นางหลินหลันเข้าไปชี้แจ้ง เอ่ยอธิบายเสียหน่อยจะได้หรือไม่” 

 

 

หลินหลันแสยะยิ้มเย็นชา ได้ยินมาว่าจางต้าฮู่เป็นต้องจัดงานเลี้ยงทุกครั้งที่เขาได้นางบำเรอเข้ามาเพิ่ม คงอยากถือโอกาสหาเงินสินะ? 

 

 

หลี่หมิงอวินกลับหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็สาดสายตามองทะลุผ่านกลุ่มคนไปยังที่ระยะไกลออกไป ตำแหน่งซึ่งไกลออกไปนั้นกำลังมีกลุ่มคนซึ่งกำลังเร่งรีบมุ่งเข้ามา และหลี่หมิงอวินก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ผู้ดูแลหลิว วันนี้ตระกูลเยี่ยก็จัดงานเลี้ยงไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ผู้อาวุโสของตระกูลต่างก็มากันครบถ้วน เจ้ากลับไปบอกเจ้านายของเจ้า หากว่าเขายินดีมาร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยกันซักจอก ข้าหลี่ผู้นี้ก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง” 

 

 

เมื่อเอ่ยจบ ดวงตาของหลี่หมิงอวินก็หันเหทิศทางเล็กน้อย จ้องมองไปยังหลินหลันซึ่งอยู่ข้างๆ ด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังมองหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตระกูลเยี่ยส่งคนมาเราพวกเราแล้ว เจ้าคงเตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่” 

 

 

รอยยิ้มของเขาเสมือนกับพระจันทร์ที่สว่างไสว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยการแสดงความรัก หลินหลันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เหตุไฉนเขาจึงได้สามารถแกล้งทำถึงขั้นความรู้สึกที่ลึกซึ้งได้เหมือนขนาดนี้ ทักษะการแสดงนับว่าดีงามเกินเหยาจินฮวาเสียอีก! ถึงแม้จะรู้ดีว่าเป็นการแสดงละครจอมปลอม แต่ทว่าหลินหลันก็ยังได้ประโยชน์มากอยู่ดี ความสง่างามแม้จะจอมปลอมก็ถือเป็นอีกลักษณะของผู้หญิง ได้มีว่าที่สามีซึ่งโดดเด่นและมีความสามารถเสียขนาดนี้ ทั้งใบหน้ากลับเจิดจรัสในทันที! 

 

 

“ใช่แล้ว!” หลินหลันเผยรอยยิ้มดีใจอย่างออกนอกหน้า ผู้ดูแลหลิวหรี่ตาอย่างไม่พอใจแล้วใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อ คาดไม่ถึงเลย คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้พบโล่กำบังซึ่งมีไพ่ไม้ตายแข็งแกร่งเช่นนี้ ในเมื่อเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเสียขนาดนี้ นางก็ไม่สามารถเป็นคนแล้งน้ำใจได้ เอาเป็นว่ายังคงทำตามสัญญาต่อไปแล้วกัน!  

 

 

“เส้าเหยีย [2] …ไฉนท่านจึงยังไม่เตรียมออกเดินทางอีก เหล่าฟูเหริน [3] อดใจรอไม่ไหว เลยส่งให้ข้ามาเร่งเส้าเหยีย” ชายวัยกลางคนร่างสูงและผอม ที่คางของเขามีเคราสั้นๆ ประดับอยู่ กำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทีกระตือรือร้นก่อนจะแสดงท่าคารวะให้แก่หลี่หมิงอวิน 

 

 

หลินหลันมองเห็นจินเป่าจู้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อชุ่มตามหลังเหล่าอู๋มาติดๆ สีหน้าท่าทีเต็มไปด้วยความกังวล นางจึงส่งรอยยิ้มให้แก่เขา ครั้งนี้ต้องขอบใจเป่าจู้เป็นอย่างยิ่ง 

 

 

ผู้ดูแลหลิวจำได้ว่าผู้นี้คือเหล่าอู๋แห่งชุมชนผ้าไหม นึกถึงตอนนั้น เหล่าอู่ยังเป็นเพียงลูกน้องของเขาที่คอยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทว่าหลังจากเขาออกมา เจ้านายตระกูลเยี่ยก็ให้เขาขึ้นมาทำหน้าที่แทนเขา ไม่กี่ปีมานี้ เหล่าอู๋ทำให้กิจการชุมชนผ้าไหมของสกุลเยี่ยเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิง! ผู้ดูแลหลิวเมื่อเห็นเหล่าอู๋มาถึงจึงถอยเท้าไปด้านหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว และรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

หลี่หมิงอวินยิ้มอย่างอบอุ่น “ท่านยายยังคงนิสัยใจร้อนเช่นเดิมเลยสินะ!” 

 

 

เหล่าอู๋ฉีกยิ้ม เหล่าฟู่เหรินกำลังร้อนอกร้อนใจจริงๆ จนแทบจะเป็นลมล้มไปแล้วด้วยซ้ำ เพียงแค่ในจดหมายของเส้าเหยียเอ่ยไว้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เหล่าฟู่เหรินก็กระตือรือร้นที่จะปกป้องหลานชายของเขา จึงรีบส่งเขามาขจัดปัญหาให้เส้าเหยียแล้วกลับไปอธิบายให้นางฟังให้รู้เรื่อง เหล่าอู๋กวาดสายตาเรียบเฉยมองไปยังกลุ่มคนเถ้าแก่ แกล้งทำเป็นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “ผู้ดูแลหลิว เจ้านายของพวกเจ้าจัดงานมงคลอีกแล้วรึ ไม่ทราบว่าเป็นแม่นางบ้านไหนกัน…” 

 

 

ผู้ดูแลหลิวลำบากใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ให้บอกว่าพวกเรามาสู่ขอว่าที่ภรรยาของเส้าเหยียตระกูลเจ้า? ให้ตายก็พูดออกไปไม่ได้ ปัญหาแสนปวดหัวนี้โยนไปให้ท่านเจ้านายจางจัดการเองแล้วกัน แน่นอนว่า ยังจำเป็นต้องหาแพะรับบาปซักตัว แพะรับบาปนี้…ดวงตาของผู้ดูแลหลิวกลอกไปมา และสายตาของเขาตกลงยังแม่สื่อหวัง อืม! ก็พูดไปว่าแม่สื่อหวังจัดการเรื่องได้ไม่เรียบร้อย ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ก็มาเอ่ยโกหกหลอกลวงว่าการเจรจาแต่งงานได้สำเร็จลุล่วงแล้ว 

 

 

แม่สื่อหวังมองเห็นผู้ดูแลหลิวมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อดไม่ได้ที่จ้ากังวลใจจนเหงื่ออกท่วมตัว เหยาจินฮวาที่น่ารังเกียจสร้างความเสียหายต่อผู้อื่นเป็นอย่างมาก คราวนี้นางแม่สื่อหวังนับว่าถูกจับฝังลงหลุมเสียแล้ว ทำให้จางต้าฮู่ขุ่นเคืองใจ และไม่แน่ว่าคงเป็นการยากที่จะรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้ อีกประเดี๋ยวต้องหาโอกาสรีบหนีไปเสียถึงจะถูก 

 

 

ผู้ดูแลหลิวตัดสินใจได้ภายในใจ แล้วจึงมองไปยังเหล่าอู๋พลางยกมือขึ้นสองมือขึ้นประสานกันระดับหน้าเพื่อแสดงถึงการทักทาย ตามด้วยรอยยิ้มเกร็งๆ “แค่ความเข้าใจผิด แค่ความเข้าใจผิด” 

 

 

เหล่าอู๋ก็ไม่ได้ซักไซ้เอ่ยความอะไรกับเขามากมาย โน้มตัวลงเล็กน้อยอย่างเคารพขณะเดียวกันก็ผายมือแสดงท่าทีเรียนเชิญ “เส้าเหยีย เช่นนั้นรีบกลับบ้านเถอะ!” จ้องมองหลินหลันชั่วครู่ แม่นางผู้นี้รูปลักษณ์หน้าตาดีอีกทั้งยังสะอาดสะอ้าน แต่ทว่าภูมิกำเนิดช่าง…แม่นางจากหมู่บ้านอีเจี้ยก็เป็นภรรยาของเสนาบดีกรมคลัง นี่ก็ช่างเป็นเรื่องเหนือเกินความคาดหมายแล้ว หากเส้าเหยียรับนางไปเป็นนางรับใช้ก็ยังพอสมเหตุสมผล ไม่รู้จริงๆ ว่าเส้าเหยียคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือว่า…เส้าเหยียเพียงแค่เพื่อช่วยเหลือแม่นางผู้นี้ในการหาข้ออ้างก็เท่านั้น! หวังว่าจะเป็นเช่นนี้แล้วกัน มิเช่นนี้ความกลหลครั้งยิ่งใหญ่นี้ จะจบลงเช่นไรไม่อาจรู้เลย 

 

 

หลี่หมิงอวินพยักหน้า หันไปพูดกับหลินหลัน “ไปกันเถอะ!” 

 

 

หลินหลันนึกขึ้นมาได้หนึ่งเรื่อง เรียกหาท่านป้าจินท่ามกลางกลุ่มชาวบ้าน “ท่านป้าจิน…” 

 

 

ป้าจินเมื่อได้ยินเสียงหลินหลันเรียกหานาง จึงรีบร้อนหยิบกล่องขนาดเล็กออกมาแล้วส่งมอบให้หลินหลัน 

 

 

หลินหลันยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเอ่ยขอบคุณ คว้าเอากล่องขนาดเล็กนั่นแล้วเดินไปเบื้องหน้าของผู้ดูแลหลิว ใบหน้านิ่งเฉย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ณ ที่แห่งนี้ คืนเงินหมั้นตามจำนวนเดิม ทุกคนก็ได้เห็นกันถ้วนหน้าแล้ว พวกเจ้าอย่าได้คิดตุกติกอีกล่ะ!” ขณะที่พูดออกไป ก็ยัดกล่องขนาดเล็กเข้าไปใส่มือของผู้ดูแลหลิวไม่ว่าเขาจะยินยอมรับหรือไม่ 

 

 

เหยาจินฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน “ในกล่องนั่นยังมีเงินส่วนตัวของข้า…” 

 

 

หลินเฟิงจ้องเขม็งดุดันใส่นาง เหยาจินฮวาเม้มปากของนางอย่างเจ็บปวด และพึมพำด้วยความทุกข์ใจ “ในนั้นยังมีสองเงินกับสองเหรียญเงินหนิ!” 

 

 

จินฟู้กุ้ยและคนอื่นๆ พากันยิ้มอย่างดีอกดีใจมองดูหลินหลันจากไปพร้อมกับหลี่ซิ่วฉาย ในที่สุดปัญหาวุ่นวายก็ได้รับการแก้ไขไปด้วยดี 

 

 

หลินเฟิงกลับเป็นห่วงผู้เป็นน้องสาวของตน สถานะตัวตนของน้องสาวกับหลี่ซิ่วฉายนั้นแตกต่างกันลิบลับ แต่งออกไปแล้วจะถูกผู้คนดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือถูกคนรังแกหรือไม่ 

 

 

 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] จวน หมายถึง บ้าน 

 

 

[2] 少爷 อ่านว่า เส้าเหยีย หมายถึง บุตรชายในตระกูลขุนนางซึ่งเป็นคนวัยหนุ่ม 

 

 

[3] 老夫人เหล่าฟูเหริน หมายถึง นายท่านหญิงซึ่งมีอายุสูงวัย