ตอนที่ 14 ตัดสิทธิ์ตัวแทนของหม่าเสิน

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

วินาทีก่อนนี้คุณนายหวังยังเกลี้ยกล่อมคนมีอำนาจในอวิ๋นโจวทั้งหลายให้ตัดทางทำมาหากินของเย่เฉิน

ต่อมากลับเรียกให้เขาอยู่กินข้าวด้วยกัน

ทำให้คนไม่น้อยไม่เข้าใจการกระทำแปลกๆ ของคุณนายหวัง

ทว่าฉินหงเหยียนกลับมองความเก่งกาจของคุณนายหวังออก ในดวงตาจึงฉายแววชื่นชม

นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ ไม่ใช่หรือ?

เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา

คุณนายหวังกำลังประกาศศักดาว่าตนเองตัดหนทางทำมาหากินของเย่เฉินนั่นเพราะอีกฝ่ายทำร้ายลูกชายตนเองแล้วที่อนุญาตให้เย่เฉินร่วมงานได้นั่นเพราะตอนนี้เย่เฉินยังเป็นเขยของตระกูลหวัง

ในเมื่อยังเป็นเขยของตนเองอยู่ย่อมแปลว่าเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอยู่ในงานเลี้ยงนี่ถือเป็นมารยาทและกฎเกณฑ์

เย่เฉินเองไม่ได้ปฏิเสธเขาเดินตามหวังเจียเหยา หวังซ่าวเจี๋ยที่ถือเป็นรุ่นหลานของเจ้าภาพก็ไปนั่งที่โต๊ะ

ที่นี่ย่อมมีห้องส่วนตัวที่หรูหรามากมายแต่ว่าคุณนายหวังชอบความครึกครื้นดังนั้นจึงเลือกที่จะตั้งโต๊ะจัดงานไว้ที่ล็อบบี้

หวังซ่าวเจี๋ยมองเย่เฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วหัวเสีย

“เย่เฉิน อาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายที่นายจะได้กินที่อวิ๋นโจว กินเยอะๆ หน่อย ต่อไปภายหน้าจะไม่มีหมั่นโถวกินด้วยซ้ำ ฮ่าๆ”

หวังหยวนหยวนน้องสาวของหวังซ่าวเจี๋ยก็เสริมขึ้นมา “พี่ชาย พี่พูดเวอร์เกินไปแล้ว ทำไมจะไม่มีหมั่นโถวกินได้ยังไง? เขาไปขออาหารได้อยู่นะ”

หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะร่วน “น้องพูดถูก ไปขอทานก็พอได้อยู่ พวกเราอนุญาตให้นายขอทานได้นี่ ฮ่าๆ”

วันนี้เย่เฉินฟังคำถากถางของหวังซ่าวเจี๋ยจนเอือมระอาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันอีก

ทว่าพอจู่ๆ หวังหยวนหยวนก็โพล่งออกมา เย่เฉินก็อดปรายตามองเจ้าหล่อนอย่างเสียไม่ได้

พูดไปแล้วหวังหยวนหยวนก็ถือว่าเป็นน้องเมียของเย่เฉิน ถึงแม้จะไม่สวยเท่าหวังเจียเหยาแต่มีรูปร่างน่าชมที่สุดในอวิ๋นโจว

และเป็นเพราะหวังหยวนหยวนไม่ลงรอยกับหวังเจียเหยา ทำให้เขาจึงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับอีกฝ่ายนัก

เมื่อถากถางไปได้เล็กน้อยแล้วเห็นเย่เฉินไม่โต้เถียงอะไร หวังซ่าวเจี๋ยหน้าเขียวคล้ำเขายกแก้วเหล้าเดินไปหาหม่าเสินที่อยู่โต๊ะด้านข้าง

“เถ้าแก่หม่า วันนี้ต้องขอบคุณคุณมาก ภาพที่คุณสั่งให้เย่เฉินถอดเสื้อผ้าที่ด้านนอกมันตราตรึงใจมากเลย เหมือนสอนสุนัขอย่างไรอย่างนั้น!”

หม่าเสินยิ้มขณะชนแก้วกับหวังซ่าวเจี๋ย “คุณชายหวังเกรงใจเกินไปแล้ว ถ้ารู้แบบนี้จะให้คุณอัดคลิปเอาไว้ วันหลังพอเบื่อๆ จะได้เอามาดูแก้เซ็ง”

“ฮ่าๆ เถ้าแก่หม่าพูดถูก น่าจะอัดคลิปเหตุการณ์นั้นเอาไว้จริงๆ”

หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะเสียงดังคล้ายกลัวเย่เฉินไม่ได้ยิน

เย่เฉินปรายตามองหม่าเสิน พออีกฝ่ายเห็นเข้าก็รีบสวนทันควัน

“มองอะไร! ถ้าต่อไปยังกล้าสมัครสายงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ฉันจะตัดขานาย!” แววอาฆาตฉายในดวงตาเย่เฉิน เขาจะต้องจัดการหม่าเสินคนนี้ให้เร็วที่สุด

เย่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาพ่อบ้านของตระกูลเย่ พ่อบ้านฟาง

พ่อบ้านฟางเป็นคนที่คุณปู่จัดให้อยู่ในประเทศเพื่อช่วยเหลือเย่เฉินทำภารกิจต่างๆ

ก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาที่แจ้งเย่เฉินว่าการเป็นเขยของตระกูลหวังสิ้นสุดลงแล้ว ให้ไปทำหน้าที่เป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป

“คุณชายสาม!” พ่อบ้านฟางรับสายอย่างรวดเร็ว

เย่เฉินกล่าว “คนที่อยากกินข้าวกับคุณปู่ของฉัน ที่ทำเดลิเวอรี่คนนั้นชื่ออะไรนะ?”

พ่อบ้านฟาง “คุณหมายถึงอูเสี่ยวหง CEO ของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนเหรอครับ?”

เย่เฉิน “ใช่ เขานั่นแหละ คุณช่วยติดต่อเขาให้เขาตัดสิทธิ์การเป็นตัวแทนอวิ๋นโจวให้ที”

พอเขาเอ่ยจบหวังเจียเหยา หวังหยวนหยวนที่อยู่โต๊ะเดียวกันและคนโต๊ะข้างๆ อย่างหม่าเสินกับฉินหงเหยียนก็นิ่งชะงักค้างไป

พ่อบ้านฟาง “ได้ครับ เขาอยากรู้จักคุณท่านมาตลอด จะต้องยินดีที่ได้ช่วยคุณแน่นอน พูดไปแล้วตอนนี้มูลค่าทรัพย์สินของเขาก็เกือบห้าหมื่นล้าน มีสิทธิ์จะร่วมโต๊ะกับนายท่านได้แล้ว”

เย่เฉิน “อืม หลายปีมานี้หมอนี่เจริญก้าวหน้าทีเดียว ไว้วันหลังช่วยจัดให้เขามาพบผมหน่อย ผมจะเลี้ยงข้าวเขา”

พอพูดจบเย่เฉินก็วางสายไป

แล้วในงานก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

จากนั้น

“ฮ่าๆ”

หวังซ่าวเจี๋ยยิ้มจนแผลบนใบหน้าปริ

“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ เลย เย่เฉิน ตอนนี้นายแกล้งทำตัวใหญ่อะไรของนาย? แถมยังจะตัดสิทธิ์เป็นตัวแทนของเถ้าแก่หม่า? นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”

หม่าเสินเองก็หัวเราะจนตัวโยน “ไอ้หนู จะโม้ก็ช่วยดูสถานการณ์ด้วย นายมาวางมาดที่นี่มีประโยชน์อะไร? คนโง่ที่ไหนจะกลัวนายกัน? ปู่นายเป็นชาวนา คุณอูเขามีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านอยากจะขอร่วมโต๊ะกับปู่นาย? นายฝันอยู่ล่ะสิ!”

สีหน้าหวังเจียเหยาฉายแววเดียดฉันท์ “น่ารังเกียจจริงๆ เป็นคนกากก็ยอมรับไปสิ จะปลอมทำไม?”

มีแค่ฉินหงเหยียนเท่านั้นที่มองเย่เฉินอย่างต้ังใจ

เย่เฉินไม่ตอบและไม่พูดไม่จา เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารที่อยู่ตรงหน้า

ประมาณหกนาทีหลังจากนั้นโทรศัพท์ของหม่าเสินก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ หม่าเสินก็ตื่นเต้นจนวางตะเกียบและชามในมือ ถูมือก่อนจะกดรับสาย

“ฮัลโหลครับ คุณอู!”

พอได้ยินว่าเป็นอูเสี่ยวหงโทรมา คนตระกูลหวังและฉินหงเหยียนก็จ้องเขาและบอกให้คนอื่นเบาเสียงลง

ช่วงนี้ตลาดเดลิเวอรี่กำลังโต อูเสี่ยวหงจึงกลายมาเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ในประเทศ ถือครองทรัพย์สินกว่าห้าหมื่นล้าน

คนรวยในเมืองอวิ๋นโจวที่อยู่ในงาน พวกเขาเองก็อยากจะรู้จักอูเสี่ยวหงผู้นี้ผ่านทางหม่าเสิน

หม่าเสินกล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณอูครับ วันสองวันนี้ผมว่าจะโทรหาคุณพอดี เพื่อคุยเรื่องต่อสัญญา”

อูเสี่ยวหงพูดในสายว่า “ผมเองก็ตั้งใจจะโทรมาแจ้งคุณเลยว่า สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนอวิ๋นโจวของคุณถูกยกเลิกแล้ว!”