ตอนที่ 33 ความแปลกหน้าและความคุ้นเคย! + ตอนที่ 34 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ! Ink Stone_Romance
ตอนที่ 33 ความแปลกหน้าและความคุ้นเคย!
“ช่างบังเอิญจริงๆ นะ!” เธอพึมพำเสียงเบา แววตามีความเย็นเยือกไหลเวียนอยู่น้อยๆ
เมืองอวิ๋นเยวี่ยไม่ใกล้กับที่นี่เลย ต่อให้รีบเดินทางก็ต้องใช้เวลาหลายวัน แล้วนางจะมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? หนำซ้ำมู่หรงอี้เซวียนคนนั้นก็มาด้วย?
สายตาเธอชะงักอยู่ที่ร่างของมู่หรงอี้เซวียนสักพัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เลยว่าเฟิ่งชิงเกอคนนั้นไม่ใช่เฟิ่งชิงเกอคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เวลานี้ เธอยังแปลกใจอยู่นิดหน่อย หรือว่าชายหนุ่มจะจำได้เพียงใบหน้าเดียว?
สายตาเธอไม่ได้หยุดอยู่ที่ร่างพวกเขานานเกินไป เพราะไม่นานนักเธอก็พบว่า บริเวณรอบๆ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลล้วนมีกองกำลังไม่น้อยต่างกำลังเดินเข้าไปในป่าลึก กองกำลังเหล่านี้มีทั้งที่ห่างไกลกัน และอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่สิบเมตร
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องพบเจอบนเส้นทางนี้ แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะคิดในใจว่า ‘ส่วนลึกของป่าเก้าหมอบนี้มีของอะไรกันแน่? ถึงสามารถทำให้คนพวกนี้วิ่งแจ้นเข้าไปในป่าลึกได้?’
ขณะที่คิดอยู่ ก็พลันรู้สึกว่ามีดวงตาอันดุร้ายกำลังจ้องมองเธอ เธอหันกลับไปทันที พอเห็นก็เลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้ “หมีดำ?”
ตรงที่ห่างจากเธอไปไม่ถึงห้าเมตรมีหมีสีดำตัวใหญ่สูงประมาณสองสามเมตรนอนคว่ำอยู่ มันแยกเขี้ยวและมองเธออย่างดุร้าย ร่างโค้งต่ำลงน้อยๆ ราวกับคิดจะแอบเข้าใกล้เธอ แต่ถูกเธอพบเข้าก่อน จากนั้นได้ยินเสียงหมีดำยักษ์เงยหน้าขึ้นคำรามแล้วกระโจนเข้ามาในทันที
“กรร!”
หมีดำคำรามอย่างหัวเสีย พื้นดินสะเทือนจนสั่นไหวอยู่น้อยๆ เสียงร้องของมันกระจายมาจากพื้นที่สูง แทบจะกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบในชั่วขณะ ทำให้ทั้งคนและม้าบนถนนในป่าด้านล่างต่างก็ได้ยิน
เมื่อเผชิญหน้ากับหมีดำตัวใหญ่ขนาดนี้ เฟิ่งจิ่วไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นไปได้ที่จะสู้ชนะ เธอสบโอกาสขณะที่มันกระโจนมาอย่างกะทันหันก้มตัวลงแฉลบผ่านไป พอพลังเร้นลับพรั่งพรูออกมา ก็ค่อยใช้ฝีเท้าแปลกประหลาดหนีลงไปจากเขา
“กรร กรร!”
หมียักษ์ดำกระโจนใส่อากาศ มันแหงนหน้าส่งเสียงคำรามสองครั้ง ร่างใหญ่โตลุกยืน แล้วไล่ตามเฟิ่งจิ่วไปด้วยความเร็วที่ว่องไวเป็นที่สุด
“เวรล่ะ! ยังมีอีกตัว!”
พอเฟิ่งจิ่วที่วิ่งแฉลบลงเขาไปเห็นหมีสีน้ำตาลวิ่งออกมาตรงหน้า จึงพลั้งปากสบถอย่างไม่อาจทนได้ “โชคอะไรของเราเนี่ย?” ดวงตาเธอหันมองเพื่อหาหนทางหนี…
พอเหล่ากองกำลังที่กำลังเดินเข้ามาจุดลึกที่สุดตรงรอบๆ ยอดเขาได้ยินเสียงหมีดำคำรามลอยมาจากที่สูง ฝีเท้าก็ชะงักลงอย่างอดไม่ได้ แล้วเงยหน้ามองขึ้นไป
หมีดำมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึง และหมีดำในป่าเก้าหมอบก็ไม่ใช่หมีดำทั่วไป แต่เป็นสัตว์ร้ายขั้นสูงระดับสอง
ต่อให้นักรบสิบกว่าคนที่มีพลังเร้นลับขั้นต้นอยากฆ่าหมีดำขั้นสูงระดับสองสักตัว ก็แทบจะพูดได้เลยว่าไม่อาจทำได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเป็นคนที่มาด้านในต่างรู้ดี หากพบเห็นหมีดำอยู่ไกลๆ ก็ต้องหลบเลี่ยง ไม่ควรสู้กันตรงๆ
มู่หรงอี้เซวียนที่อยู่ในป่าพลันเป็นกังวล ฝีเท้าเขาชะงักลง แล้วหันมองขึ้นไปบนยอดเขาในทันที
“พี่มู่หรง เป็นอะไรรึเจ้าคะ?” ใบหน้างามพริ้งของเฟิ่งชิงเกอในชุดกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลสดใสเผยความแปลกใจ พอเห็นสายตาเขาจับจ้องบนยอดเขาไม่วางตา นางจึงอดแหงนมองตามสายตาเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่พบเห็นอะไร
“ไม่มีอะไร” เขาส่ายหัวและยิ้มอย่างอบอุ่น พอมองคนข้างกาย เขากลับมีความรู้สึกแปลกหน้าที่ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับว่า…
คนตรงหน้าไม่ใช่เฟิ่งชิงเกอคนนั้นที่เขารู้จัก เพราะจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน เห็นชัดๆ ว่านางอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความหวั่นไหวเช่นวันคืนเก่าๆ
ทว่าสายตาที่พินิจมองเขาอยู่เมื่อครู่นั้น แม้จะไม่รู้ว่ามาจากใคร แต่กลับทำให้เขาคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้…
…………………………………………………….
ตอนที่ 34 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ!
สายตาสงบนิ่งลุ่มลึกที่เขามองมา ทำให้ใจนางกระวนกระวายอยู่บ้าง มือหนึ่งลูบหน้าเบาๆ พลางถามเสียงอ่อน “พี่มู่หรง ทำไมถึงมองข้าเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ? บนหน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือ?”
เขาไม่ตอบกลับ แค่ยิ้มอย่างสง่างาม “พวกเราไปเถอะ!” จากนั้นจึงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ
เฟิ่งชิงเกอชะงักเล็กน้อย แล้วจึงเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในส่วนลึกของป่า
ระหว่างที่เดิน นางหันหน้ามองเสี้ยวหน้าอันสง่างามและหล่อเหลาของเขาอยู่บ่อยครั้ง เขาทั้งสมบูรณ์แบบและอ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้หัวใจดวงนี้ของนางยิ่งถลำลึก หลงทาง และหวั่นไหวเพราะเขาอย่างควบคุมไม่ได้ เกรงว่านางคงต้องแบกใบหน้าผู้อื่นใช้ชีวิต และนางก็จะไม่เสียใจภายหลังด้วย…
อีกด้าน ตอนนี้เฟิ่งจิ่วกลับอยู่ในสถานการณ์ลำบากนิดหน่อย เพราะหมีดำยักษ์สองตัวด้านหลังไล่ตามเธอมาติดๆ ชั่วยามกว่าแล้ว
เดิมทีนึกว่าสามารถสลัดพวกมันทิ้งไปได้ง่ายๆ ใครจะรู้ การวิ่งของหมีสองตัวกลับเร็วอย่างคาดไม่ถึง หนำซ้ำการสั่นไหวของพื้นดินในขณะที่วิ่งกับเสียงหมีคำรามที่ดังมาจากด้านหลังไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอไม่อาจชะลอความเร็วลงได้เลย
ความเร็วไม่อาจช้าลง แต่จะวิ่งไปตลอดเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ยังรับไม่ไหวนะ!
“อ๊าก! อย่าตามมาอีกเลย ถ้าทำให้ข้าโกรธ ฉันจะสู้กับพวกเจ้าแน่!” เธอเงยหน้าตะโกนเสียงดัง ความเร็วไม่ลดลง แต่ลมหายใจกลับหอบน้อยๆ แล้ว
ก็แค่เก็บยาทิพย์พวกมันมาต้นเดียวเอง ทำให้ต้องวิ่งไล่เธอติดต่อกันกว่าชั่วยามขนาดนี้เลยหรือ?
“กรร! กรร!”
สิ่งที่ตอบรับเธอคือเสียงหมีสองตัวคำราม และความเร็วที่ไม่ลดลงจากด้านหลัง
พอเห็นว่าตรงหน้ามีต้นไม้ใหญ่แข็งแรงอยู่ เธอหอบหายใจพลางหันกลับไปมอง แล้วเร่งฝีเท้าวิ่งไปด้านหน้า ยามเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ค่อยใช้สองขากระโดดสองแขนปีนขึ้นไป อาศัยกิ่งไม้หนึ่งปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่นั้น
“ฮู่! เหนื่อยแทบตาย”
ไม่วิ่งแล้ว เธอนั่งหอบหายใจอยู่บนต้นไม้ เห็นหมีดำยักษ์สองตัวนั้นตามมาถึงใต้ต้นไม้ในระหว่างที่เธอหายใจไปไม่กี่ครั้ง นึกไม่ถึงว่าพวกมันคิดจะปีนขึ้นมาด้วย ยังดีที่ต้นไม้ที่เธอเลือกนอกจากจะแข็งแรงพอตัว ลำต้นก็ยังเกลี้ยงเกลาและลื่นจนไม่อาจปีนขึ้นมาได้ง่ายๆ
“ตึง!”
เป็นไปตามคาด ตัวหนึ่งในนั้นพอปีนขึ้นมาห่างจากพื้นได้ประมาณเมตรหนึ่งก็ตกลงไปนอนสี่ขาชี้ฟ้า เห็นแล้วเธอหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“แต่ว่า ยาทิพย์ต้นนี้ใช้ทำอะไรกัน? ถึงทำให้พวกมันตามมาตลอดไม่ยอมปล่อย?” เธอหยิบยาทิพย์ที่เก็บมาก่อนหน้านี้ออกจากถุงฟ้าดินมาดู เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร
“กรร กรร!”
พอหมีสองตัวใต้ต้นไม้เห็นเธอหยิบยาทิพย์ออกมา ทันใดนั้นก็คำรามเสียงดังขึ้นอีก เมื่อปีนขึ้นไปไม่ได้ หมีทั้งสองตัวจึงช่วยกันออกแรงผลักต้นไม้ ราวกับอยากจะเขย่าให้เธอร่วงลงมา
ต้นไม้สั่นไหวขึ้นทันใด ทำเอาเฟิ่งจิ่วเกือบตกลงไป มือหนึ่งเธอเกาะต้นไม้ไว้พลางก็ตะโกนไปด้านล่าง “พวกเจ้าพอได้รึยังเนี่ย? อยากจะเอายาทิพย์จากข้าคืนไปเรอะ? พวกเจ้าแค่คิดก็อย่าได้คิดเลย”
“กรร! กรร กรร กรร!”
หมีสองตัวคำรามเสียงดังสนั่นอย่างขุ่นเคือง เขย่าจนเฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้คิดว่าคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นหลังจากเก็บยาทิพย์ก็มองไปรอบๆ คิดจะกระโดดจากต้นไม้ต้นนี้ไปต้นอื่น แล้วหาโอกาสหนี
ทว่า ขณะที่เธอยืนขึ้นมา ท้องฟ้าก็พลันมีเสียงดังครืน ประหนึ่งเสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำนั้นกำลังดังกระจายอยู่บนชั้นเมฆ อานุภาพกดดันอันทรงพลังปกคลุมลงมาจากชั้นเมฆด้านบน กลิ่นอายของแรงกดดันที่แสนหนักหน่วงหมุนวนเป็นลมกระโชก พัดจนต้นไม้ทั้งหมดในป่าโยกไหว ใบไม้ร่วงเม็ดทรายต่างก็ม้วนลอยขึ้น
“บรู้ว…”
“กรร!”
“โฮก!”
เสียงตื่นตกใจของเหล่าสัตว์ดังขึ้นมาโกลาหลวุ่นวาย ดังระงมสูงต่ำอยู่ภายในป่า
และตอนนี้ เฟิ่งจิ่วเห็นว่าหมียักษ์สองตัวใต้ต้นไม้ก็หมอบลงตัวสั่นงันงกไม่หยุด คุดคู้กันอยู่บนพื้น…
…………………………………………………….