ตอนที่ 18 การเลือกที่ยากลำบาก

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานเปิดหน้าจอ มีบทเรียนทุกอย่างข้างในหมวดวิชา ไม่ว่าจะเป็นทักษะต่างๆ ทางด้านพิณ หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดรูป แม้กระทั่งเย็บปักถักร้อยต่างมีอยู่ในนั้น แน่นอนว่ามีเคล็ดวิชาศิลปะการต่อสู้แบบพิเศษ ถึงขนาดที่ยังมีวิชาที่แปลกประหลาดหายากจำนวนมากที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อดูคะแนนแลกเปลี่ยนที่อยู่ด้านหลังแล้ว มันมีตั้งแต่หนึ่งคะแนนจนไปถึงหลายร้อยคะแนนแตกต่างกันไป แล้วยังมีบางอันที่ต้องใช้คะแนนหนึ่งพันหรือสองพันแต้มไม่เท่ากัน

ส่วนรายการแลกเปลี่ยนจำพวกเกมหรือสิ่งบันเทิงก็แพงมาก มันเริ่มต้นที่ห้าสิบแต้มและแพงขึ้นมานิดหน่อยจนกระทั่งไปถึงห้าพันหรือหนึ่งหมื่นแต้ม แน่นอนว่าหมวดนี้ก็มีของมากมายทุกชนิด เช่น หมวดเกม ในนั้นมีทั้งประเภทเกมยุคโบราณ เวทมนตร์ ล่าสังหารในวันสิ้นโลก หุ่นรบอวกาศ การต่อสู้ และยังมีหมวดที่เรียกว่าเกมจีบหนุ่มหรือจีบสาว…

หมวดบันเทิงก็ยิ่งมีเยอะกว่า ของที่ให้ความเพลิดเพลินต่างๆ ที่คุณสามารถนึกออกต่างก็มีหมดทุกอย่างในนี้ เมื่อหลิงหลานเห็นแถวศิลปะประกอบกามารมณ์อย่างเพลิดเพลินในห้อง เธอก็รู้สึกตาบอดทันที

เชี่ย นี่ยังเป็นมิติการเรียนรู้ที่อบรมสั่งสอนเยาวชนที่โดดเด่นเหรอ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนโดนคลื่นลมโหมกระหน่ำตีเข้าหน้าเลยล่ะ

หลิงหลานปิดของประเภทสิ่งบันเทิงเกมพวกนั้นทิ้งไปโดยไม่ลังเล และกดเปิดหลักสูตรการเรียนรู้ เวลาบีบกระชั้นชิดมาก เธอจะเสียเวลาไม่ได้ ในเมื่อต้องแลกคะแนน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้คะแนนเกียรติยศพวกนี้มาแลกเปลี่ยนกับของที่เธอต้องการมากที่สุดในเวลานี้ให้ดี

หลิงหลานมีตัวเลือกที่ตัดสินใจได้แล้วอยู่ในใจ เธอกดเปิดหมวดหมู่การต่อสู้ และเลือกประเภทป้องกันออกมาจากข้างใน

ข้างในหน้าจอปรากฏทักษะพิเศษสำหรับป้องกันการต่อสู้นับไม่ถ้วน หลิงหลานเริ่มเลือกจากลำดับรายการที่ใช้คะแนนเกียรติยศแลกเปลี่ยนต่ำมากที่สุด

สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเคล็ดวิชาที่สามารถใช้คะแนนหนึ่งแต้มในการแลกมา เคล็ดวิชากายเหล็ก คำอธิบายด้านล่างคือเมื่อฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ก็จะสามารถเปลี่ยนผิวหนังทั่วทั้งร่างกายให้มีคุณสมบัติเหล็ก สามารถป้องกันการโจมตีหนัก เมื่อฝึกจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ทั่วทั้งร่างกายจะมีสีโลหะ หลิงหลานปัดเคล็ดวิชานี้ทิ้งไปโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิด เธอเป็นผู้หญิงนุ่มนวลบอบบางนะ จะให้ผิวหนังตัวเองเปลี่ยนเป็นสีโลหะได้อย่างไร แล้วเธอก็ไม่ได้อยากเป็นไอรอนแมนด้วย

ต่อมาก็คือเคล็ดวิชาลับที่ใช้คะแนนเกียรติยศสิบแต้มในการแลกเปลี่ยน มันมีตัวเลือกมากกว่ารายการที่ใช้คะแนนหนึ่งแต้ม แต่พอนับแล้วก็มีแค่สิบรายการเท่านั้น หลิงหลานรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก คะแนนเกียรติยศหนึ่งแต้มก็จะมีเคล็ดวิชาหนึ่งอัน คะแนนเกียรติยศสิบแต้มก็จะมีเคล็ดวิชาสิบอัน ถ้าอย่างนั้นเคล็ดวิชาที่ใช้คะแนนห้าสิบแต้มด้านล่างก็จะมีห้าสิบรายการด้วยใช่ไหม

หลิงหลานย่อมคิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ตอนนี้ความสนใจของเธอทั้งหมดวางอยู่ในรายการสิบอย่างนี้ ถึงอย่างไรเวลาก็เหลือแค่สิบนาทีเท่านั้น เธอจะเสียเวลามากไม่ได้

เคล็ดวิชากรงเล็บเหยี่ยว? …อะไรนะ ฝึกฝนแล้วมือก็จะเหมือนกรงเล็บเหยี่ยว? นี่ทำไม่ได้หรอก

ศีรษะเหล็ก? จะต้องเอาหัวโหม่งทำร้ายตัวเองทุกวัน? ต่อให้หาเรื่องทารุณกรรมก็ไม่ได้หากันแบบนี้นะ ไม่เอาเด็ดขาด

ดัชนีทองคำ? ทุกวันต้องใช้นิ้วทิ่มต้นไม้? ป่วยหรือไง เมินมันไป

ขาสวรรค์พร่อง? ฝึกฝนจนเส้นเลือดโป่งที่ขา? นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ปัดทิ้งไป

แขนชะนี? เมื่อฝึกฝนจนถึงตอนท้ายแล้ว แขนก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับชะนี? แม่งเอ๊ย ถึงแม้ว่าชีวิตนี้เธอจะได้แต่ใช้ชีวิตเป็นผู้ชายเท่านั้น แต่เธอก็ไม่อยากกลายเป็นมนุษย์วานรนะ นั่นมันโหดร้ายมากเกินไปแล้วจริงๆ ตัดทิ้งเด็ดขาด

…ทำไมวิชาลับพวกนี้ต้องอาศัยการทำร้ายตัวเองถึงจะได้รับมาด้วยนะ ไม่อย่างนั้นก็ฝึกฝนจนร่างกายเปลี่ยนรูปร่าง หลิงหลานดูถูกด้วยความสับสนอยู่ในใจ ในตอนที่หลิงหลานอยากจะทิ้งวิชาลับที่แลกเปลี่ยนด้วยคะแนนเกียรติยศสิบแต้มพวกนี้ เธอก็เห็นเคล็ดวิชาที่ใช้คะแนนสิบแต้มในการแลกเปลี่ยนที่อยู่ท้ายสุด นั่นก็คือ กระต่ายทะยานฟ้า

กระต่ายทะยานฟ้า: วิชาจำกัด ต้องการระดับความยืดหยุ่นของร่างกายที่ดีเลิศ เงื่อนไขต่ำสุดคือต้องมีความยืดหยุ่นอยู่ที่ระดับ B ขึ้นไป แนะนำว่ามีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นกับผู้ที่มีความยืดหยุ่นระดับ A ขึ้นไป

หลังจากที่ฝึกฝนทักษะนี้รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทว่ามีพละกำลังเพิ่มขึ้นสามเท่าขึ้นไป ตัวเลขเป็นรูปธรรมจะเกี่ยวข้องกับระดับความยืดหยุ่นของร่างกายผู้ฝึกฝนรวมไปถึงระดับความเข้มข้นในการฝึกฝน โปรดทำการศึกษาไตร่ตรองด้วยตัวเอง

วิธีการฝึกฝน: …

หลิงหลานเห็นกระต่ายทะยานฟ้านี้ก็ใจกระตุก วิธีการฝึกฝนทักษะนี้ดูปกติอย่างยิ่งและไม่ได้ทำร้ายตัวเองแน่นอน นอกจากนี้เงื่อนไขนี้ก็ดูกำหนดขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ควรทราบว่าท่าพื้นฐานทั้งเก้าที่เธอฝึกฝนก็คือท่าที่เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย อาจารย์หมายเลขเก้าบอกไว้ชัดเจนมากว่า เมื่อฝึกฝนท่าพื้นฐานทั้งเก้าแล้ว ความยืดหยุ่นของร่างกายก็จะถึงระดับ A

ปกติแล้ว ความยืดหยุ่นของเด็กทารกที่ถือกำเนิดมาสามารถไปถึงระดับ B ได้ แต่ถ้าหากไม่ฝึกฝนทักษะทางกายภาพ เช่น ท่าพื้นฐานทั้งเก้า ยิ่งเด็กทารกเติบโตขึ้น ระดับความยืดหยุ่นก็ยิ่งด้อยลง ระดับความยืดหยุ่นของผู้ใหญ่ทั่วไปจะเสื่อมลงถึงระดับ F-D

ถ้าหากทักษะที่ฝึกฝนเป็นทักษะการต่อสู้มือเปล่าด้านการโจมตีละก็ เช่นนั้นระดับความยืดหยุ่นก็จะลดลงรุนแรงอย่างยิ่งยวด แม้กระทั่งระดับ D ก็อาจจะไปไม่ถึง ถ้าหากฝึกฝนทักษะทางกายภาพสายสมดุลละก็ อย่างมากก็คงระดับความยืดหยุ่นได้ที่ระดับ C แน่นอนว่าอัจฉริยะที่ร้ายกาจเป็นพิเศษก็สามารถไปถึงระดับ B ได้

ส่วนสายป้องกัน ต่อมาจะแบ่งเป็นสายย่อยหลักๆ สองสายซึ่งก็คือสายทนทานและสายยืดหยุ่น สายทนทานคือเพิ่มระดับความทนทานของร่างกายให้สูงขึ้นเพื่อทำการป้องกัน ดังนั้นระดับความยืดหยุ่นก็จะด้อยลงไม่น้อย เพราะฉะนั้นระดับความยืดหยุ่นของร่างกายจะใกล้เคียงกับสายสมดุล มีเพียงสายยืดหยุ่นเท่านั้นที่สมชื่อ นั่นก็คือระดับความยืดหยุ่นของร่างกายผู้ที่ฝึกฝนจะสามารถถึงระดับ A ขึ้นไป

และท่าพื้นฐานทั้งเก้าที่หลิงหลานเรียนรู้ในตอนต้นก็คือสายยืดหยุ่น ในตอนนั้นมิติการเรียนรู้ไม่ได้สอบถามหลิงหลานเรื่องการแบ่งเช่นนี้ เป็นเพราะว่าหลิงหลานเป็นผู้หญิง เดิมทีระดับความยืดหยุ่นกลไกเซลล์ของเธอก็สูงมากอยุ่แล้ว ดังนั้นมันย่อมจัดให้เธออยู่ในสายยืดหยุ่น เพราะฉะนั้นถึงได้มีอาจารย์หมายเลขเก้าซึ่งเป็นผู้หญิงปรากฏตัวขึ้นมา

ดูท่ามิติการเรียนรู้จะตระหนักได้ถึงเพศสภาพ มันก็ไม่อยากสร้างผู้หญิงกล้ามเหล็กออกมาเหมือนกัน

ในใจของหลิงหลานได้ทำการตัดสินใจแล้ว อย่างไรก็ตามเธอยังคงเปิดดูเคล็ดวิชาด้านล่างที่สามารถใช้คะแนนเกียรติยศห้าสิบแต้มในการแลกเปลี่ยน แน่นอนว่าของที่แลกเปลี่ยนด้วยคะแนนเกียรติยศยิ่งสูงของก็ยิ่งดี แต่เงื่อนไขข้อจำกัดก็ยิ่งสูงเช่นกัน มีเคล็ดวิชามากมายที่ต้องการระดับความแข็งแกร่งของร่างกาย ระดับความยืดหยุ่นรวมไปถึงระดับทักษะทางกายภาพ หลิงหลานรู้ดีว่า ต่อให้ตอนนี้เธอแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาพวกนี้ เธอก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้ในสามถึงห้าปี ถึงอย่างไรตอนนี้ร่างกายของเธอยังไม่ถึงเงื่อนไขที่ต้องการ เธอยังต้องฝึกฝนอีก

เวลานี้เองหมายเลขหนึ่งก็เอ่ยปากเตือนว่า “เวลาเหลือไม่มากแล้วนะ เธอเลือกได้หรือยัง”

หลิงหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เลือกได้แล้วค่ะ ฉันเลือกกระต่ายทะยานฟ้า”

หมายเลขหนึ่งเอ่ยเตือนว่า “กระต่ายทะยานฟ้าใช้คะแนนเกียรติยศแค่สิบแต้มเท่านั้น เธอยังมีอีก 139 แต้ม ยังอยากเลือกอะไรอีกไหม รบกวนเลือกมาทันที”

หลิงหลานส่ายหน้า “ฉันอยากเลือกแค่นี้ค่ะ ตอนนี้ยังไม่ต้องการอย่างอื่น”

หมายเลขหนึ่งแค่นเสียงเย็น “เธอยังเหลือคะแนนเกียรติยศมากมายขนาดนั้น เธออยากจะทิ้งให้เสียเปล่าหรือไง”

หลิงหลานยิ้มเหมือนกับจิ้งจอกน้อย “มันจะทิ้งไปเปล่าๆ จริงหรือคะ”

หมายเลขหนึ่งจ้องเขม็งมาที่เธอ สายตาของเขาสงบนิ่งและมั่นคงราวกับกำลังบอกเธอว่า ถ้าเลือกกระต่ายทะยานฟ้าจริงๆ ละก็ คะแนนเกียรติยศที่เหลือจะถูกลบทิ้งไปจริงๆ

หลิงหลานถูกหมายเลขหนึ่งมองจนรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย ความคิดแต่เดิมเริ่มสั่นโคลง หรือว่าจะแลกคะแนนเกียรติยศทั้งหมดเลย และรอจนบรรลุเงื่อนไขถึงค่อยเรียนในเวลาต่อมา?

แต่นี่ก็มีปัญหาเช่นกัน นั่นก็คือเธอไม่รู้ว่าต่อไปมิติการเรียนรู้จะมอบอะไรให้เธอ ถ้าหากของที่เธอเลือกที่จะแลกเปลี่ยนในตอนนี้ไม่เหมาะกับการใช้ในภายหลังล่ะ นั่นก็เป็นการสิ้นเปลืองเหมือนกันนะ

จะเดิมพันตอนนี้? หรือว่าจะเดิมพันหลังจากนี้? หลิงหลานรู้สึกสับสน เธอเงยหน้ามองไปที่หมายเลขหนึ่ง หวังว่าจะหาคำชี้แนะจากหมายเลขหนึ่งได้บ้าง ควรรู้ไว้ว่าสาเหตุที่เธอไม่ใช้คะแนนเกียรติยศทั้งหมดก็เพราะคำพูดของหมายเลขหนึ่ง หรือว่านี่เป็นการเข้าใจผิดของเธอ?

………………………………………