เหลิ่งรั่วปิงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ฆ่าเขา จากนั้นหันไปยิ้มให้กับลั่วเฮิ่งด้วยความสง่า “คุณลั่ว ดิฉันชื่นชมคุณมานานแล้วค่ะ”
หลังจากที่ลั่วเฮิงตกใจในชั่วพริบตา จากนั้นเขาก็กลับมาเป็นปกติ เพราะถึงอย่างไรก็อยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวยๆ ตัวเขาเองก็เป็นคนเจ้าชู้ ความสงสัยที่มีก่อนหน้านี้จึงหายไปในพริบตา
เขาคิดพิจารณาด้วยความรวดเร็ว เพลิงไหม้ในตอนนั้นรุนแรงแค่ไหน เขารู้ดีกว่าใคร ก่อนที่เขาจะออกไปก็ได้ล็อคประตูหน้าต่างทั้งหมดแล้ว เด็กผู้หญิงอายุสิบสามปีที่บอบบางแบบนั้นจะหนีออกมาได้ยังไง ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่เจอศพของยัยเด็กนั่น แต่ว่าเขาก็ตามหาตัวเธอทั่วทั้งเมืองหลงแล้วก็ยังไม่เจอ เขาจึงคิดว่าเธอน่าจะกลายเป็นผุยผงไปกับเพลิงไหม้ในครั้งนั้นแล้ว
ผู้หญิงหน้าตาดีตรงหน้า ถึงแม้ว่ามองดูแล้วจะคล้ายกับยัยเด็กนั่น แต่ว่าท่าทางกลับไม่เหมือนกัน ยัยเด็กคนนั้นดูอ่อนโยน บอบบาง สิ่งเดียวที่ทำเป็นก็คือร้องไห้ขี้มูกโป่ง แต่ทว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เธอดูผ่าเผย สง่า น่าหลงใหลและดูแน่วแน่เหมือนต้นเบิร์ชสีขาว
ความเจ้าชู้ของลั่วเฮิ่งแผ่ซ่านขึ้นมา ตาชั้นเดียวของเขาหรี่เล็กลงและคลายยิ้ม เหมือนกับสุนัขจิ้งจอก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเจอผู้หญิงสวยๆ แบบนี้กล่าวทักทายคำว่าชื่นชมมานานแล้ว หัวใจก็จะต้องล่องลอยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้ชายที่ลามาอีก
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มกลับอย่างสง่า “คุณลั่ว นี่เป็นนามบัตรของฉันค่ะ วันข้างหน้าต้องรบกวนคุณให้ช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ ด้วยนะคะ”
ลั่วเหิงยิ้มตาหยีจากนั้นรับนามบัตรมาจากเหลิ่งรั่วปิง ทว่าวินาทีถัดไปนั้นต่อให้เขาจะลามกแค่ไหนก็ไม่มีความกล้าแล้ว เขามีสายข่าวที่แม่นยำ ในบริษัทหนางกงเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของเหลิ่งรัวปิงและหนางกงเยี่ย แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไงกันแน่นั้น ไม่มีใครกล้าคิดและคาดเดา ตัวเขาเองก็ไม่ใช่โง่ ไม่ว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกันยังไง แต่ขอแค่เพียงเป็นคนของหนางกงเยี่ยเขาก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
ดังนั้น เขาพยายามกลืนน้ำลายที่เต็มไปด้วยความลามกลงคอ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มประจบประแจง “ที่แท้ก็คุณเหลิ่งนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คุณลั่ว ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิงแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่สง่างาม ทว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นคือความแค้นและต้องการฆ่า
“เอ่อ…คุณเหลิ่งพักอยู่ที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งไปหครับ” ลู่เหิงยังคงประจบเธอต่อ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถไปได้ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ จากนั้นพูดอย่างมีเลศนัย “คุณลั่ว ไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงก็ยกขาเรียวงามขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไปด้วยความสง่างาม
ลั่วเฮิ่งหรี่ตาลง จากนั้นรีบเดินออกไป หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงขึ้นไปบนรถแท็กซี่แล้วนั้น เขาก็บอกกับคนขับรถ “ตามเธอไป! “
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้กับหนางกงเยี่ยเป็นอะไรกัน เขาถึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะปฏิบัติกับเธอยังไง
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้เงยหน้าขึ้น เธอหยิบกระจกแต่งหน้าขึ้นมาจากกระเป๋า มองผิวเผินเหมือนว่าเธอแค่เติมหน้าเท่านั้น ทว่าทุกกิริยาท่าทางของลั่วเฮิ่งล้วนอยู่ในกระจกนั้น เธอไม่ส่งเสียงใดๆ มุมปากของเธอกระตุกยกสูงขึ้นด้วยความเย็นชา เธอต้องการจะทำให้เขาสงสัย แล้วลวงเขาไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ เพื่อให้เขาได้เห็นว่าเธอกับหนางกงเยี่ยมีความสัมพันธ์กันยังไง เห็นได้ชัด เขาหลงกลเธอแล้ว มันเป็นอะไรที่ดีมาก
รถขับวนไปครึ่งเมือง จนมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เหลิ่งรั่วปิงลงจากรถด้วยความสง่างาม แล้วเดินเข้าไป เธอยิ้มแล้วกล่าวทักทายแม่บ้าน แม่บ้านรีบเดินขึ้นหน้ามารับกระเป๋าของเธอ แล้วถามสารทุกข์สุขดิบ
“เธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่หนางกงเยี่ยเลี้ยงไว้จริงๆ ด้วย ไปกันเถอะ” ลั่วเฮิ่งบอกกับคนขับรถ มุมปากของเขากระตุกขึ้นด้วยความพอใจ เขาตัดสินใจที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหลิ่งรั่วปิง ให้ผู้หญิงคนนี้คอยพูดกับหนางกงเยี่ย ซึ่งมันดีกว่าการที่เขาส่งของไปให้หนางกงเยี่ยเป็นสิบๆ ครั้งเสียอีก
เหลิ่งรั่วปิงหันหลังไปมองรถยนต์ของลั่วเฮิ่งที่ขับออกไปไกล กระตุกยิ้มด้วยความพอใจ ลั่วเฮิ่ง ฉันจะทำให้แกเดินมาสู่ประตูนรกทีละก้าว ชีวิตในวันข้างหน้า แกรอเอาไว้ได้เลย!