พอได้ยินคำพูดของหวังจื้อเฉียงและซูหลานแล้ว ความวิตกกังวลของแขกในงานก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย

นั่นมันก็จริงพวกลูกคนรวยทั้งหลายต่างถูกประคบประหงมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆมากมายจะทนรับความทรมานของการเป็นเขยที่แต่งเข้าถึงสามปีได้ยังไง?

ที่เย่เฉินแสร้งทำท่าคุยโทรศัพท์ก่อนนี้อาจเป็นแค่ความบังเอิญ หรือบางทีเย่เฉินอาจรู้ข่าวนี้มาก่อน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องที่การงานของหม่าเสินกำลังจะจบลงเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว

คุณนายหวังส่งสายตาบอกหวังจื้อเฉียง เขาเข้าใจทันที รีบเดินไปหยิบขวดไวน์ที่หม่าเสินให้มาแล้วเดินไปหาอีกฝ่าย

“หม่าเสิน คุณเอาไวน์ขวดนี้กลับไปเถอะ ช่วงนี้คุณแม่ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ชอบดื่มไวน์แล้วล่ะ”

พอรู้ว่าหม่าเสินโดนยกเลิกสิทธิ์การเป็นตัวแทน หวังจื้อเฉียงก็เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกขานอีกฝ่ายทันที

เมื่อครู่ยังเรียกเถ้าแก่หม่า แต่ตอนนี้กลับเรียกชื่ออีกฝ่ายตรงๆ แทน!

หนำซ้ำยังคืนของขวัญที่อีกฝ่ายให้มาด้วยอีกต่างหาก!

นี่เป็นการแสดงท่าทีอย่างแน่ชัดว่าไม่อยากจะข้องแวะกับหม่าเสินอีกต่อไป!

หม่าเสินรีบกล่าว “คุณหวัง เก็บไว้เถอะ คุณนายไม่ดื่ม พวกคุณก็ดื่มได้นี่นา”

หวังจื้อเฉียงยัดเหล้ากลับเข้าไปในมือของหม่าเสินอย่างแน่วแน่ “พวกเราขอรับน้ำใจไว้แล้วกันแต่พวกเราไม่ชอบดื่มไวน์”

หม่าเสินถือขวดไวน์ด้วยใบหน้าคล้ำเขียว เขารีบกลับไปที่โต๊ะตนเองแล้วเตรียมจะมอบของชิ้นนี้ให้คนอื่นต่อ

“คุณฉิน คุณจ่ง โฮรมาเนกงติปี 90 ขวดนี้ ผมใช้เงินก้อนใหญ่กว่าจะซื้อได้ มาเถอะ พวกเรามาเปิดดื่มกัน พวกเราชอบดื่มมันนี่นา!”

หม่าเสินไม่เรียกเด็กเสิร์ฟด้วยซ้ำ เขาลงมือเปิดขวดไวน์ด้วยตนเอง

แต่หลังจากไวน์ราคาประมาณมิได้นี้ถูกเปิดออกแต่กลับไม่มีใครยอมร่วมวงกับเขา

“คุณฉิน ผมเทให้นะ คุณชิมดูแล้วกัน” หม่าเสินเดินไปหาฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนปฏิเสธอ้อมๆ “ขอโทษด้วย ฉันขับรถมาค่ะ ดื่มไวน์ไม่ได้”

ดื่มไม่ได้?

หม่าเสินยังจำได้อย่างแม่นยำ เมื่อครู่ฉินหงเหยียนยังดื่มให้เขาอยู่เลย!

หม่าเสินเดินไปหาจงเหว่ย อีกฝ่ายโบกมือปฏิเสธ “ผมดื่มแต่เหล้าขาว”

ส่วนคนอื่นๆ บนโต๊ะ กลับรีบฉวยโอกาสนี้ถือแก้วเหล้าเดินไปที่โต๊ะคุณนายหวังแล้วอวยพรหญิงชรา

โต๊ะที่เมื่อครู่ยังครึกครื้น ตอนนี้กลับเหลือแค่ฉินหงเหยียนเท่านั้น

“เจ้าหนูที่น่าสงสาร เนี่ยแหละนะ โลกความจริง”

พอเห็นหม่าเสินตกอับแบบนี้ เย่เฉินอดส่ายหน้าไม่ได้

คนตระกูลหวังรวมไปถึงคนในวงสังคมนี้ช่างมองโลกตามความเป็นจริงอย่างยิ่ง ไม่แปลกเลยที่หวังเจียเหยาจะคบชู้เพราะเรื่องเงิน

หม่าเสินเห็นว่าที่โต๊ะเหลือฉินหงเหยียนก็ไพล่คิดไปว่าอีกฝ่ายยังคงอยากคบหากับเขาอยู่

หม่าเสินยื่นหน้าเข้าไปถาม “คุณฉิน พอจะสะดวกแลกวีแชทกันไหมครับ? ต่อไปหากมีโอกาสผมจะลองนัดคุณอูทานข้าวสักมื้อ”

ฉินหงเหยียนดื่มชาแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้เอาโทรศัพท์มา”

“ครับๆ”

สีหน้าหม่าเสินย่ำแย่อย่างยิ่ง ลูกผู้ชายที่เจ็บที่สุดก็คือไม่ใช่โดนซ้อมแต่เป็นการโดนดูหมิ่นเหยียดหยาม!

หม่าเสินถือขวดไวน์ยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง แต่คนอื่นๆ กลับหัวเราะคิกคัก

พอเห็นท่าทางน่าสงสารแบบนั้นของหม่าเสินแล้ว เย่เฉินก็อดไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายอีกครั้ง

“หม่าเสิน”

จู่ๆ เย่เฉินก็เอ่ยปากเรียกหม่าเสิน เขาหยิบแก้วไวน์เปล่าขึ้นมาแล้วกล่าวต่อ

“ถ้าหากตอนนี้คุณขอโทษผมอย่างจริงใจ ผมจะยอมให้คุณรินไวน์ให้ผม แล้วผมจะให้คุณอูเสี่ยวหงต่อสัญญากับคุณอีกปี”

เย่เฉินไม่ได้พูดตรงๆ แต่การยอมดื่มไวน์ที่หม่าเสินรินให้ก็เป็นการแสดงออกว่าจะยกโทษให้เขา

หม่าเสินรินไวน์ให้ใครก็ไม่มีใครยอมดื่ม เย่เฉินกำลังช่วยเขา

แต่หม่าเสินกลับคิดว่าเย่เฉินจะฉวยโอกาส!

หม่าเสินจึงกล่าวว่า “ไวน์ของฉันมันขวดละหมื่นกว่าหยวน นายอยากดื่มก็บอกมาตรงๆ จะเสแสร้งคุยโวไปทำไม? จะให้ฉันขอโทษเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงอย่างนายเนี่ยนะ? นั่นไม่ใช่ว่าให้ทุกคนในงานดูหมิ่นฉันกว่าเดิมหรือไง? แล้วฉันจะอยู่ในวงสังคมนี้ต่อยังไง!”

เย่เฉินส่ายหน้า “คนน่ารังเกียจยังไงก็มีจุดที่ชวนให้รังเกียจอยู่ดีจริงๆ ด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อแล้วกัน!”

ก่อนหน้านี้เย่เฉินยังสงสารหม่าเสิน ซึ่งนี่อาจเกี่ยวข้องกับการสั่งสอนของคุณปู่ก็เป็นได้ เพราะชายชราสั่งสอนให้เขาเป็นคนจิตใจดี

และเพราะคุณปู่เคยบอกว่าคนจิตใจดีจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น

เมื่อให้โอกาสหม่าเสินแล้ว หม่าเสินไม่รับมันเอาไว้ ตอนนี้เย่เฉินจึงไม่หลงเหลือความเมตตาใดๆ ให้เขาอีก

หม่าเสินจึงเดินถือขวดไวน์แล้วออกจากงานเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว

พอหม่าเสินไปแล้ว เย่เฉินพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นแผ่นหลังที่อ้างว้างของอีกฝ่าย

“ไม่รู้ว่าต่อไปจะได้เจอหมอนี่อีกไหม ถ้าหากมีวันไหนเขารู้ว่าฉันเป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เดาว่าคงจะเสียดายสุดๆ ไปเลยล่ะมั้ง?”

เย่เฉินคิดไปพลางใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นมา

แต่ใครจะรู้หวังหยวนหยวนที่นั่งตรงข้ามกับเย่เฉินเองก็ต้องการจะกินน้ำแกงถ้วยนี้เช่นกัน ช้อนตักน้ำแกงของทั้งสองคนชนกัน

แกร้ง

“โอ้ย น่ารำคาญ ช้อนของฉันชนเข้ากับช้อนของหมอนี่ ช้อนของฉันสกปรกแล้ว ฮือๆ”

หวังหยวนหยวนโอดครวญด้วยความรังเกียจ

หวังซ่าวเจี๋ยรีบร้อนออกหน้าแทนน้องสาว “เย่เฉิน อาหารเยอะแยะไป ทำไมนายไม่กิน จะเจาะจงแย่งน้องสาวฉันทำไม นายดูสิ อาหารจานนี้มันเหมาะกับนายที่ไหน?”

อันที่จริงเย่เฉินกำลังใจลอย จึงไม่ได้สังเกตว่าตนเองกำลังจะกินอะไร

พอมองอย่างละเอียดก็ถึงได้พบว่าเป็นมะละกอต้มพุทราจีนใส่เม็ดบัว

“มะละกอ…”

เย่เฉินมองร่างกายที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของหวังหยวนหยวนแล้วกระดากอายอย่างยิ่ง…