ลูกสาวคนที่สองของเขากู้ชูหยุนเพราะว่าช่ำชองการแต่งกลอนเพลงบทกวี เล่นดนตรีเล่นหมากรุกอ่านหนังสือวาดรูปทุกอย่าง ถูกส่งเข้าราชวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ จนถึงตอนนี้ขุนนางชั้นสูงไม่น้อยในราชสำนักก็ยังอิจฉาเขา เขาก็ภาคภูมิใจอยู่เป็นเวลานานมากจริงๆ
แต่……
ลูกสาวคนที่สามของเขาเขียนอักษรไม่ได้ ไม่รู้จักอักษรสักตัว เข้าราชวิทยาลัยแล้ว เผชิญหน้ากับเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงที่มีความสามารถมากมายขนาดนั้น ก็เป็นความอับอายขายหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีใบหน้าที่อัปลักษณ์ทำให้ผู้คนขยะแขยงอีกด้วย
พระราชโองการออกมาแล้ว นางก็เป็นพระชายาหานแล้ว ดังนั้น นางขายหน้าก็เท่ากับหน้าตาของอ๋องหาน
หากเสนอข้อคิดเห็นกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะต้องดีพระทัยเป็นอย่างมากแน่ บวกกับชื่นชมเขายกใหญ่
และเขาก็เท่ากับว่าได้แตกหักกับอ๋องหานโดยสิ้นเชิงแล้ว
กู้เฉิงเซี่ยงถอนหายใจเบาๆ หวังว่าตัวเองจะเลือกยืนข้างฮ่องเต้ทางนี้จะถูกต้อง
“หากว่าหลันเอ๋อร์ฉลาดได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า ก็คงไม่ถึงขั้นสูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว”
อนุภรรยาห้าซุกศีรษะเข้าในอ้อมอกของกู้เฉิงเซี่ยง กล่าวด้วยเสียงออดอ้อน “หลันเอ๋อร์ยังเล็ก ไตร่ตรองไม่รอบคอบถึงได้ถูกคนทำร้าย โชคที่มีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก เพียงแค่ปิดบังให้ดี เรื่องที่หลันเอ๋อร์เสียบริสุทธิ์ก็จะไม่มีคนรู้เจ้าคะ หลังจากนี้ข้าจะสอนนางดีๆ ยังหวังว่านายท่านจะไม่ท้อใจต่อนาง”
กู้เฉิงเซี่ยงมีเรื่องในใจมากมายเต็มอก กอดอนุภรรยาห้าแน่น
ไม่นาน จวนเฉิงเซี่ยงก็มีพระราชโองการมาอีกฉบับ เนื้อหาของพระราชโองการคือคุณหนูสามกำลังจะเป็นพระชายาหานที่สูงศักดิ์ เกรงว่าสิ่งที่เรียนรู้ในจวนเฉิงเซี่ยงไม่ได้มากมายนัก ดังนั้นจึงได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนต่อในราชวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษ โดยหวังว่าจะกลายเป็นพระชายาหานที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี คุณหนูห้ากู้ชูหลันมีฐานะเป็นเพื่อนร่วมเรียน เข้าเรียนในราชวิทยาลัยพร้อมกัน
ทันทีที่พระราชโองการออกมา กู้เฉิงเซี่ยงรู้สึกตื่นตระหนกอีกครั้ง
สีหน้าของฮูหยินใหญ่ไม่น่าดู ลูกสาวของนางกู้ชูหยุนถูกเลือกเข้าราชวิทยาลัย ที่ผ่านมาเป็นความภาคภูมิของนางมาโดยตลอด ตอนนี้จวนเฉิงเซี่ยงได้ส่งคุณหนูอีกสองคนเข้าไป เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าการดำรงอยู่ของลูกสาวของนางจะลดลงมากแล้วหรือ
อนุภรรยาห้าและกู้ชูหลันดีใจจนแทบคลั่ง อนุภรรยาห้ายิ่งมั่นใจเพิ่มขึ้นว่ายืนอยู่ข้างฮ่องเต้นั้นถูกต้อง
ในจวนอนุภรรยาสาม คุณหนูเจ็ดกู้ชูฉิงเขวี้ยงข้าวของเสียงดังโพ้งเพล้ง ในปากยังด่าไม่หยุด
“กู้ชูหยุนมีความสามารถมากมาย ถูกส่งตัวไปที่ราชวิทยาลัยเป็นกรณียกเว้นก็แล้วไป ฮ่องเต้ต้องการเย้ยหยันอ๋องหานจึงส่งกู้ชูหน่วนไปที่ราชวิทยาลัยเพื่อให้อับอายขายหน้า ข้าก็ยอมแล้ว แต่กู้ชูหลันมีสิทธิ์อะไรที่สามารถเข้าราชวิทยาลัยได้? นางเป็นเพียงลูกสาวเมียน้อยผู้หนึ่ง ยังจะเป็นลูกสาวเมียน้อยที่เสียบริสุทธิ์ไปแล้วอีก”
“จวนเฉิงเซี่ยงมีคุณหนูทั้งหมดสี่ท่าน ตอนนี้พี่สอง พี่สาม พี่ห้าก็ไปหมดแล้ว เหลือเพียงข้าคนเดียวไม่ได้ไป หน้าตาของข้าจะเอาไปไว้ที่ไหน? อนุแม่ ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ”
อนุภรรยาสามเผยใบหน้าที่ดุร้ายออกมา
ไม่เพียงนางที่ไม่ยินยอม นางก็ไม่ยอม
ก็เพราะอนุภรรยาห้าหน้าตาเหมือนกับคนรักที่โตมาด้วยกันของนายท่านที่สุด ฉะนั้นจึงได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน ไม่กี่ปีนี้กดดันพวกนางมาโดยตลอด
ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของกู้ชูหลันถูกคนแย่งชิงไปแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะเหยียบย่ำพวกนางได้อีก
ไม่ใช่ว่านางหยิ่งผยองมากหรือ? เช่นนั้นนางจะตั้งตารอดู ดูว่าพวกนางจะหยิ่งผยองไปได้อีกกี่น้ำ
อนุภรรยาสามกล่าวเสียงดัง “ปีนยิ่งสูง ตกลงมาก็จะน่าสังเวช รีบร้อนอะไร”
ในเรือนอุ่น
ชิวเอ๋อร์รีบดึงกู้ชูหน่วนขึ้นมาจากเตียงอย่างรีบร้อน
“คุณหนู ท่านรีบตื่นได้แล้ว วันนี้ตอนเช้ามีพระราชโองการมาฉบับหนึ่ง ให้ท่านเข้าไปเรียนหนังสือในราชวิทยาลัยทันที นี่เป็นถึงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่เชียวนะเจ้าคะ คนมากมายเบียดเสียดกันก็เข้าไปไม่ได้”
กู้ชูหน่วนกรอกตาขาวแวบหนึ่ง นอนต่อ
ไม่ง่ายที่จะทนผ่านความทุกข์ยากสามปีของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและอยู่มหาวิทยาลัยอีกสี่ปีมาได้ ยังจะให้นางเรียนหนังสืออีก ฟ้าผ่านางให้ตายไปเลยดีกว่า
อีกอย่าง ความกรุณาอะไร เป็นการดูถูกซะมากกว่า
“คุณหนู ท่านนอนลงไปอีกได้อย่างไร แทบจะไม่ทันเวลาแล้วเจ้าคะ เข้าเรียนวันแรกก็สายแล้ว จะสร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับเหล่าอาจารย์ ที่สำคัญที่สุดคือ อ๋องเจ๋อก็เรียนหนังสืออยู่ที่ราชวิทยาลัย หากว่าพวกท่านสองคนสามารถไปมาหาสู่กันได้กันได้ตลอดเวลา บางทีอ๋องเจ๋ออาจจะเปลี่ยนความคิด ขอร้องให้ฮ่องเต้ถอนพระราชโองการถอนหมั้นคืนนะเจ้าคะ”
กู้ชูหน่วนจนปัญญา
พระราชโองการถอนหมั้นออกมาแล้ว พระราชทานงานแต่งงานก็ถ่ายทอดแล้ว อ๋องเจ๋อบอกว่าถอนคืนก็ถอนคืนได้หรือ?
เปลี่ยนท่า กู้ชูหน่วนนอนต่อ
แต่ชิวเอ๋อร์พยายามฉุดกระชากนางสุดแรง กระชากจนนางไม่มีปัญญาจะนอนขี้เกียจได้
“ข้าว่านะนายหญิง เจ้าให้ข้านอนอีกครู่หนึ่งได้หรือไม่ ข้าง่วงมาก”
ให้ตายสิ หลังจากที่คลอเคลียกับชายนิรนามผู้นั้นไปคืนหนึ่ง จนถึงตอนนี้ขาทั้งสองข้างของนางยังคงปวดอยู่เลยนะ
ชิวเอ๋อร์กล่าวอย่างจริงจัง และไม่สนใจว่านางจะโกรธหรือไม่ พูดไปโดยตรง “ไม่ได้ ฮ่องเต้ยังให้คุณหนูห้าเข้าราชวิทยาลัยไปเรียนเป็นเพื่อนพร้อมกันด้วยนะเจ้าคะ คุณหนูห้าชื่นชอบอ๋องเจ๋อมาโดยตลอด นางจะต้องพยายามใช้ความชำนาญหมดทั้งตัวเพื่อเอาใจอ๋องเจ๋อเป็นแน่ พวกเราจะให้คุณหนูห้าแย่งนำไปก่อนไม่ได้นะเจ้าค่ะ”
กู้ชูหน่วนปวดสมอง
อ๋องเจ๋ออีกแล้ว อ๋องเจ๋อน่ารังเกียจนั่นมีอะไรดี ไม่รู้จริงๆว่าทำไมชิวเอ๋อร์ถึงได้ดึงดันขนาดนี้
กู้ชูหน่วนปล่อยให้ชิวเอ๋อร์แต่งตัวให้นาง ตัวเองหยิบหมั่นโถวลูกหนึ่งและกัดลงไปเหมือนระบายอารมณ์
“คุณหนู เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อกู้ชูหน่วนมองไปในกระจก มวยผมที่ชิวเอ๋อร์หวีให้เป็นมวยเหินฟ้า สวยงามมาก ผ้าปิดหน้าสีขาวเรียบปิดใบหน้าที่อัปลักษณ์ของนางไว้ เผยเพียงดวงตาสีขาวและดำตัดกันอย่างชัดเจนสดใสคู่หนึ่ง
แล้วมองลงไปอีก กลับเป็นชุดใหม่เอี่ยมทั้งตัว นางยิ้มเย้ย “ในที่สุดจวนเฉิงเซี่ยงก็ตัดใจส่งเสื้อผ้าใหม่เข้ามาแล้ว?”
“ไม่ใช่สักหน่อยเจ้าคะ ข้าน้อยยืมเงินของพี่น้องในจวนไม่กี่คนเล็กน้อย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้คุณหนู แม้ว่าเนื้อผ้าจะเทียบกับคุณหนูห้าไม่ได้ แต่ยังไงก็เป็นชุดใหม่ คุณหนูใส่ไปราชวิทยาลัยก็ดูมีหน้ามีตาเจ้าค่ะ”
“มือของเจ้าเป็นอะไร?”
กู้ชูหน่วนแผ่มือของชิวเอ๋อร์ออก กลับเห็นอุ้งมือของนางบวมแดง เหมือนถูกอะไรตีมาเช่นนั้น
ชิวเอ๋อร์รีบชักมือกลับไป ซ่อนไว้ด้านหลัง ยิ้มแล้วกล่าวอย่างเก้ๆกังๆ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ตอนที่ทำงานไม่ทันระวังถึงได้บาดเจ็บเจ้าค่ะ”
“พูดความจริง”
กู้ชูหน่วนสีหน้าเคร่งขรึม พลังดุดันทั้งร่าง จับจ้องชิวเอ๋อร์จดจ่อ เหมือนต้องการมองนางให้ทะลุทุกอย่าง
ชิวเอ๋อร์กลัวโดยไม่มีเหตุผล อยู่ต่อหน้านาง นางไม่กล้าโกหกแม้สักประโยค
ทำได้เพียงเล่าตามความจริง “ขณะที่กลับมาจากไปซื้อเสื้อผ้า พบกับสาวรับใช้ข้างกายของอนุภรรยาห้า นางจะให้ข้าน้อยมอบเสื้อผ้าออกไปให้ได้ ข้าน้อยไม่ยอม ก็……ก็เลยถูกทำโทษสองสามทีเจ้าคะ”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนเอาหมั่นโถวในมือโยนทิ้ง บนใบหน้าฉาบไปด้วยความโกรธเคือง หยิบฆ้องวิ่งไปที่ลานบ้าน ต๊องต๊องต๊องเคาะขึ้นมา
ชิวเอ๋อร์กระวนกระวายแล้ว ร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือ รังเกียจที่ข้าน้อยซื้อเสื้อผ้าเนื้อผ้าไม่ดีให้ใช่หรือไม่ หากว่าท่านไม่พอใจ ข้าน้อยจะไปซื้อเสื้อผ้าชั้นดีอีกชุดกลับมาให้ใหม่เจ้าค่ะ”
“คุณหนู ท่านอย่าเคาะอีกเลย เคาะต่อไปอีก จะรบกวนคนในจวนหมดนะเจ้าคะ”
“ต๊องต๊องต๊อง……”
กู้ชูหน่วนเคาะเสียงดังมาก ไม่มีความหมายว่าจะหยุดลงมาสักนิด
คนในจวนทั้งหมดตกใจหมดแล้ว
อนุภรรยาห้าด่าทอยกใหญ่ “กู้ชูหน่วน เจ้าเป็นบ้าแล้วหรือไง เช้าตรู่ตีฆ้องตีกลองอะไรกัน ตัวเจ้าเองไม่อยากนอน แล้วคนอื่นก็ต้องไม่นอนไปพร้อมกับเจ้าหรือไง?”
กู้ชูหน่วนโยนฆ้องในมือทิ้ง ยกมือเพี๊ยะเสียงหนึ่ง สะบัดฝ่ามือตบลงไปที่อนุภรรยาห้าอย่างรุนแรง ราวกับว่าระบายความโกรธเช่นนั้น นางยกมือขึ้นแล้วสะบัดฝ่ามือไปอีก
สองฝ่ามือนี้ใช้แรงมาก ใบหน้าของอนุภรรยาห้าบวมแดงขึ้นมาด้วยความรวดเร็วโดยที่ตาสามารถเห็นได้ รอยประทับสิบนิ้วของฝ่ามือออกมาอย่างชัดเจน
ตื้ด……
บรรดาผู้คนที่ยังง่วงสะลึมสะลืออยู่เมื่อครู่ เพราะว่าฝ่ามือนี้ ความง่วงนอนของบรรดาผู้คนทั้งหมดล้วนไม่มีแล้ว