ตอนที่ 23 เหลิ่งจื่อมู่ v จ้าวเมิ่งซี
จ้าวเมิ่งซีค่อย ๆ ก้าวออกไปโดยทำให้ทุกสายตานั้นล้วนจับจ้องมาที่เธอ มันทำให้เธอดูงดงามกว่าที่เคย
เมื่อเธอเดินขึ้นมาบนเวทีก็ได้มองไปยังเหลิ่งจื่อมู่ที่อยู่ห่างออกไป 10 ฟุต และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“จ้าวเมิ่งซี ผู้ใช้สัตว์อสูรไฟเลเวล 27”
เหลิ่งจื่อมู่ขมวดคิ้ว เขาเหมือนจะไม่พอใจกับท่าทีเย็นชาของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา “เหลิ่งจื่อมู่ สัตว์อสูรไม้มีด เลเวล 29”
คำพูดเหล่านั้น ทำให้ทุกคนต่างก็พากันเงียบ สัตว์อสูรของทั้งสองคนนี้เลเวลสูงจริง ๆ แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนคาดหวังกับการต่อสู้ของทั้งสองไปด้วย
หวังเย่าถามขึ้น “สัตว์อสูรไม้มีดเป็นแบบไหนกัน ? ทำไมชื่อมันฟังดูแปลก ๆ ”
โจวอวิ๋นส่ายหน้า “เหลิ่งจื่อมู่นั้นน่าทึ่ง ไม่มีใครกล้ารังแกเขา เด็กนักเรียนส่วนมากต่างก็พากันไปเป็นลูกน้องของเขา จ้าวซวนถึงจะมีนิสัยเกเร แต่ก็ไม่เคยไปยุ่งกับเขา ถึงจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรของเขาเป็นแบบไหนแต่ก็เดาได้ว่าคงอยู่ระดับทอง”
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ เหลิ่งจื่อมู่คนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในอนาคตจริง ๆ หรือ ?
เขาเริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา
“เธออยากจะพูดอะไรไหม ? ” เหลิ่งจื่อมู่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ สำหรับเธอแล้ว ฉันให้อะไรก็ได้ ตราบใดที่เธอเอ่ยปาก ฉันจะยอมแพ้ให้ก็ได้”
จ้าวเมิ่งซีส่ายหน้าและพูดขึ้น “ไม่จำเป็น ฉันขึ้นมาบนเวทีไม่ใช่เพื่อคะแนน แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แม้ว่าโอกาสชนะของฉันจะไม่มาก เพราะอสูรไม้มีดของนายก็อยู่ระดับทองเหมือนกัน แต่ฉันจะไม่มีทางอ้อนวอนใคร นี่ไม่ต้องนับนายเลย”
“ทำไมเธอถึงเกลียดฉันขนาดนี้ ? ” เหลิ่งจื่อมู่แสดงท่าทีสับสนออกมา “ในเมืองอรุณแห่งนี้ไม่มีใครดีเท่าฉันแล้ว ฉันคลั่งไคล้เธอจนแทบบ้า ไม่มีใครให้ความสุขกับเธอได้ดีไปกว่าฉันอย่างแน่นอน”
จ้าวเมิ่งซีแสดงท่าทีเฉยเมย เธอไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องการแข่งขัน
แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจจะปล่อยให้อีกฝ่ายสับสนได้ เธอต้องแสดงจุดยืนเรื่องนี้ให้ชัดเจน
“ในเมื่อนายอยากรู้ว่าทำไม งั้นฉันก็จะบอกให้นายฟัง ฉันรู้ว่านายน่ะยอดเยี่ยม แต่นายไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ นายดูน่าเบื่อและมืดมน ถ้าได้อยู่กับนาย ฉันคงเบื่อตายแน่ ๆ ฉันรู้ว่านายอาจจะเจ็บปวดที่ได้ยินแบบนี้ แต่ถ้านายสนใจฉันจริง ๆ ก็ฟังคำแนะนำของฉันเอาไว้ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ทำไมต้องเจาะจงหาคนรักในโรงเรียนด้วย ? ด้วยความแข็งแกร่งของนายแล้ว นายสามารถเข้ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยได้ ที่นั่นมีสาวดี ๆ มากมายจนนายเลือกไม่ถูกเลยล่ะ ” จ้าวเมิ่งซีพูดพร้อมชี้นิ้วออกไป จากนั้นก็มีแสงสีทองส่องประกายออกมา แสงนั้นสั่นไหวไปมาก่อนจะรวมตัวกันเป็นสัตว์อสูรไฟพร้อมกับทำให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้น
เหลิ่งจื่อมู่เห็นแบบนั้นก็เลิกสนใจเธอ เขาได้เรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมา มันมีรูปร่างประหลาด มันเหมือนกับต้นไม้ที่มีรากฝังไปที่พื้น กิ่งก้านของมันเปล่งประกายราวกับเหล็กกล้า ก้านของมันราวกับใบมีด
“นี่คือต้นไม้มีดของเขางั้นหรือ ? ” ผู้ชมโดยรอบพากันใจหายวูบ มันดูราวกับใบมีดของสัตว์อสูรที่พร้อมจะฆ่าศัตรูตอนไหนก็ได้
เหลิ่งจื่อมู่กวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา เขาเหมือนกับพอใจกับท่าทีของทุกคน
“ขอบคุณที่เตือน ฉันก็ไม่ได้รู้สึกรับไม่ได้อะไรหรอก เพียงแต่อดสงสารเธอไม่ได้ที่มีตาหามีแววไม่ โตขนาดนี้แล้ว ยังเอาแต่ใจไม่เลิก แถมยังเลือกที่รักมักที่ชังอีกด้วย ฉันตามจีบเธอมานาน นอกจากความสวยที่น่าดึงดูด เธอยังมีพ่อเป็นผู้บัญชาการ”
เหลิ่งจื่อมู่พูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ “ตั้งแต่อดีตมานั้น คนส่วนใหญ่มักจะมองหาคู่ครองที่เหมาะสม เมื่อคนแข็งแกร่งร่วมมือกัน พวกเขาก็จะพากันรุ่งโรจน์ เธอคงไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกได้ว่าเธอคงไม่ใช่ลูกสาวที่ดีนัก เธอไม่ใช่คนเชื่อฟัง ถ้าฉันแต่งงานกับเธอจริง ๆ นั่นคงถือว่าเป็นตราบาป ฉันคงต้องคอยเอาใจเธอตลอดไปตลอดชีวิต ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สามีควรจะทำ”
บทสนทนาเหล่านี้ทำให้ทุกคนพากันพูดอะไรไม่ออก
หวังเย่าไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ดูเหมือนว่าความคิดของเหลิ่งจื่อมู่จะบิดเบี้ยว เขามีแนวความคิดผู้ชายเป็นใหญ่
พวกครูต่างก็พากันกุมขมับ พวกเขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
อวิ๋นเสี่ยวเสี่ยวเหมือนจะสนใจเหลิ่งจื่อมู่ขึ้นมา เธอพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคนที่แต่งงานกับเขาคงน่าสงสาร และคงเป็นได้แค่หุ่นเชิดที่จะต้องเสียความเป็นตัวของตัวเองไปนะ”
“เธอรู้มากขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงมาไล่ตามฉันอีก ? ” หวังเย่าแทบหมดคำพูด ผู้หญิงนี่เก่งกันจริง ๆ แม้แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยสักนิด
ตอนนั้นทุกคนหวังว่าจ้าวเมิ่งซีจะเถียงกลับ
จ้าวเมิ่งซีกลับยักคิ้ว เธอเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “เอาเถอะ ในเมื่อนายคิดได้แบบนั้นก็ดี อย่างน้อยนายก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ แต่ฉันหวังว่านายจะคิดและทำทุกอย่างตามใจตัวเองได้”
แม้ว่าจะฟังดูเหมือนเห็นด้วย แต่นี่คือคำถากถาง มีแค่พวกผู้ชายเท่านั้นที่ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“เลิกไร้สาระเถอะ เมื่อเธอไม่คิดจะมาเป็นของฉัน งั้นฉันจะเอาเธอมาครองด้วยกำลัง” เหลิ่งจื่อมู่โบกมือพร้อมกับสัตว์อสูรของเขาที่สั่นไหวก่อนจะยิงใบมีดออกมาใส่ตัวจ้าวเมิ่งซี
จ้าวเมิ่งซีตอบโต้อย่างรวดเร็ว เธอรีบยกมือขึ้นและพูดขึ้นมา “ไปได้”
สัตว์อสูรไฟที่เหมือนกับหนามสีทองได้ยิงลูกบอลไฟออกไป ภายใต้การควบคุมของจ้าวเมิ่งซี ทำให้บอลไฟนั้นพุ่งเข้าชนกับใบมีดไม้ได้อย่างแม่นยำ
การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายนั้นทำให้ที่นั่นราวกับมีอุกกาบาตตกลงมา ใบมีดไม้เองก็ตกลงไปที่พื้นพร้อมกับลูกไฟที่ถูกทำลายไป
มันราวกับดอกไม้ไฟ
เหลิ่งจื่อมู่กัดนิ้วพร้อมกับบีบเอาเลือดออกมาแล้วสาดใส่สัตว์อสูรของเขา จากนั้นสัตว์อสูรก็ตัวแดงก่ำราวกับเพิ่งอาบเลือดมา
สัตว์อสูรไม้มีดได้ยิงใบมีดออกไปอีก แต่ตอนนี้ขนาดของใบมีดไม่ต่างอะไรจากลูกปืนใหญ่ เสียงตัดอากาศของมันราวกับลูกเหล็กที่ถูกเขวี้ยงออกไป
จ้าวเมิ่งซีหรี่ตาลงพร้อมกับสั่งให้อสูรไฟรวมพลังเพื่อสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ขึ้นมา ก่อนจะยิงออกไป
ตอนนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมา !
ทั้งสนามได้รับผลกระทบจากการปะทะกันครั้งนี้ ประกายไฟนับไม่ถ้วนกระจายออกมาโดยรอบ จนทำให้ผู้ชมต้องถอยออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว