เพื่อนเพียงคนเดียว

“ถานเปิงเปิง?” สายตาของอวี๋เยว่หานดูตกตะลึง ราวกับสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป

 

 

เป็นชื่อที่แปลกอะไรอย่างนี้

 

 

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วยังอยู่ในห้องทำงาน จึงบอกให้ผู้ช่วยอย่าเพิ่งพูด

 

 

เขากดโทรศัพท์ภายใน ให้เลขาพาเธอออกไปเล่นก่อน

 

 

หลังจากเสี่ยวลิ่วลิ่วออกไปแล้ว เขาถึงจะเอ่ยปากอีกครั้ง “เรื่องเป็นยังไงมายังไง”

 

 

ผู้ช่วยรีบร้อนวางข้อมูลในมือลงตรงหน้าเขา

 

 

นอกจากข้อมูลปูมหลังของถานเปิงเปิงแล้ว ในข้อมูลยังแนบรูปภาพที่เธอใส่เสื้อกาวน์อยู่ในโรงพยาบาลด้วย

 

 

ใบหน้าสดสวย สีหน้าสงบเสงี่ยม สวมแว่นตากรอบทองดูเป็นมืออาชีพมาก…

 

 

ดูแล้วเธอก็มีภาพลักษณ์ของหมอมืออาชีพเต็มเปี่ยม

 

 

“ยังคงหาข้อมูลปูมหลังก่อนอายุยี่สิบของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่เจอ แต่พวกเราพบว่าหลังจากเธออายุยี่สิบแล้ว คนที่พอจะนับได้ว่าเป็นเพื่อนก็มีเพียงคนเดียว นั่นก็ถือถานเปิงเปิง” ผู้ช่วยพูดจบพร้อมสีหน้าเจือความสับสน

 

 

พวกเขาสืบมานานขนาดนี้ แต่แทบจะไม่ได้อะไรเลย

 

 

แม้แต่เขาก็เริ่มสงสัย ว่าเครือข่ายข้อมูลของตระกูลเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า

 

 

ยังดีที่คราวนี้ได้อะไรกลับมาบ้าง

 

 

“ถานเปิงเปิงเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลครับ เพิ่งย้ายไปอยู่แผนกจิตเวช เหมือนจะรู้จักกับเหนียนเสี่ยวมู่เพราะความสัมพันธ์ของหมอกับคนไข้ นอกจากเวลาทำงานแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่แทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร ถานเปิงเปิงคนนี้ข้อยกเว้น และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะไม่เลวเลย”

 

 

ชีวิตของเหนียนเสี่ยวมู่ราบเรียบมากจริงๆ

 

 

นอกจากทำงาน ก็แทบจะไม่มีความบันเทิงอะไร

 

 

ก่อนหน้านี้เธอเรียนวิชาพยาบาล ต่อมาก็มาเป็นพยาบาล

 

 

แต่พวกเขาสืบไม่พบอะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว

 

 

เธอไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อน…

 

 

ผู้ช่วยยังจำได้ ตอนพวกเขาเจอเหนียนเสี่ยวมู่ที่โรงพยาบาลเป็นครั้งแรก เขาไปสอบถามมาว่าวันนั้นเหนียนเสี่ยวมู่ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่เจอถานเปิงเปิง

 

 

แต่สืบต่อไปแล้วก็ไม่เจอเรื่องอื่น

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เพียงแค่นำเค้กไปที่โรงพยาบาลในวันเกิดของเพื่อน ไม่มีตรงไหนผิดปกติ

 

 

“สืบเรื่องของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ งั้นก็สืบแค่ถานเปิงเปิง” เสียงทุ้มต่ำของอวี๋เยว่หานดังขึ้นอย่างเชื่องช้า

 

 

นิ้วเรียวยาวจีบรูปภาพที่แนบมากับเอกสาร เขาชำเลืองมองมันครั้งหนึ่ง นัยน์ตาสวยหยาดเยิ้มซ่อนความระแวดระวังเอาไว้

 

 

อยากจะปกปิดฐานะของตัวเองเป็นเรื่องง่ายมาก แต่อยากปกปิดฐานะของคนข้างกายนั้นยากกว่ามาก

 

 

หาถานเปิงเปิงพบ ก็เท่ากับพบรอยรั่วจุดหนึ่ง

 

 

ขอเพียงสืบสาวตามรอยรั่วนี้ไป ไม่ช้าก็เร็วต้องพบว่าเป็นเหนียนเสี่ยวมู่เป็นใครกันแน่

 

 

อวี๋เยว่หานหลุบตา วางรูปภาพในมือลง ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “ไปสืบเดี๋ยวนี้ว่าถานเปิงเปิงเป็นคนยังไง พวกเธอรู้จักกันได้ยังไง แล้วก็เหนียนเสี่ยวมู่ดูจะต้องการเงินมาก ฉันต้องรู้ว่าทำไม”

 

 

ในหัวของเขามีภาพดวงตาเป็นประกายตอนที่เธอพูดถึงเงินทุกครั้ง

 

 

ปฏิกิริยาแบบนั้นไม่ได้เสแสร้งเลยจริงๆ…

 

 

“ครับ” ผู้ช่วยโค้งตัวด้วยความนอบน้อม แล้วจึงหมุนตัวออกจากห้องทำงานไป

 

 

ห้องทำงานประธานบริษัทโอ่โถงว่างเปล่าลงไปถนัดตา

 

 

อวี๋เยว่หานหลุบตา กำลังจะหยิบเอกสารขึ้น แค่สายตากลับเหลือบเห็นรูปวาดของเสี่ยวลิ่วลิ่วเสียก่อน

 

 

รูปวาดไก่เขี่ยของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

 

 

เพียงแต่ฝีมือการวาดนั้น…

 

 

เขากวาดสายตามองเสาไฟฟ้าบนรูปวาด นึกถึงคำพูดของใครบางคนได้ในทันที วาดได้เหมือนจริงราวกับมีชีวิต

 

 

เขามีสีหน้าดำคล้ำแล้ว

 

 

เขากดโทรศัพท์ภายใน “ประกาศให้แผนกประชาสัมพันธ์ทราบ เอกสารสำคัญทุกอย่างที่ต้องส่งมาที่ห้องทำงานผม ให้เหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนเอามาส่งทั้งหมด”