เมื่อได้ยินอารัมภบทอันคุ้นเคย อันหลินจนปัญญาแล้ว เอ่ยปากอย่างปลงตกกับชีวิตว่า “เจ้าก็อยากมา ‘ฝากเนื้อฝากตัว’ กับข้าด้วยสินะ”
“ฝากเนื้อฝากตัวหรือ”
ชายคนนั้นชะงัก จากนั้นก็กวาดตามองนักเรียนที่แผ่จิตสังหารรอบๆ ทำท่าเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว
อันหลินถึงได้เบนสายตามองชายที่โผล่มากะทันหันคนนั้น
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้นแล้ว เขาก็แสดงอาการแปลกใจ
“เอ่อ ขออภัย จำผิดคนน่ะ”
ชายคนนั้นยิ้มแหะๆ แล้วหันหลัง
ต่อมา เขาก็เริ่มวิ่งหน้าตั้งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่ถูกพัดขึ้นมา…
ข้างกายชายคนนั้น มีสุนัขสีขาวอีกตัว วิ่งไวกว่าเขาเสียอีก…
“จ้าวหวายหยิน เจ้าอย่าเห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วยสิ!” อันหลินตะโกนอย่างสิ้นหวัง
คนที่โผล่มากะทันหันคนนั้น คือสหายคนที่อันหลินเจอในห้องกักตัวนั่นเอง
ตอนนี้เขาเผ่นแน่บไปแล้ว เพียงชั่วครู่ก็หายไปจากสายตาของอันหลิน…
เมื่อเห็นฉากนี้ จงเหวินที่ถือลูกตุ้มดาวตกก็หัวเราะเยาะ “ศิษย์น้องอันหลิน ต่อให้เจ้าตะโกนจนคอแตก ก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก ยอมมาประลองกับข้าแต่โดยดีเถอะ”
“ทั้งที่ข้ามาก่อนแท้ๆ ใครมาก่อนได้ก่อน ข้าลุยก่อน!” หลี่เจิ้งหยางที่ถือกระบี่สีชาดจ้องอันหลินเขม็ง เริ่มกระเหี้ยนกระหือรือแล้ว
“เจ้าลุยก่อนอะไรกัน หากเจ้าเข้าไป จัดการศิษย์น้องอันหลินจนพลังคุ้มกันแพ้รบออกมา แล้วพวกเราจะทำอย่างไร” เฉินซูเป่าพูดอย่างไม่พอใจ
“แต่หากพวกเราเข้าไปพร้อมกันล่ะก็ จะถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมทันที ถึงตอนนั้นพวกเราจะถูกกักบริเวณเพราะทำผิดกติกากิจกรรมอีกด้วย” เซี่ยซือเหยาพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้อันหลินเป็นดั่งกระต่ายน้อยรอเชือด เนื้อตัวสั่นระริกอยู่มุมหนึ่ง…
“เอาอย่างนี้ พวกเราต้องหาเหตุผลที่จะ ‘ฝากเนื้อฝากตัว’ กับศิษย์น้องอันหลินของแต่ละคนมาเหตุผลของใครเหมาะสมกว่า พวกเราจะให้โอกาสคนนั้น ทุกคนคิดว่าอย่างไร”
เฉินซูเป่าที่มีราศีของหนอนหนังสืออย่างเข้มข้นเสนอความเห็น
เมื่อได้ยินข้อเสนอแนะของเฉินซูเป่า อันหลินถึงขั้นน้ำตารื้น!
ในที่สุดก็มีโอกาสได้รู้แล้วว่า เขาตายเพราะเหตุใด รู้สึกมีความสุขจังเลย!
ความเห็นของเฉินซูเป่าต่างก็ได้รับความเห็นพ้องต้องกันจากนักเรียนที่เหลือ
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเริ่มเบนสายตาจับจ้องมาที่อันหลินอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง แววตาราวกับจะเขมือบเขา
เฉินซูเป่ามองอันหลิน ใบหน้ามีความไม่พอใจ เอ่ยปากคนแรกว่า “ตอนที่ข้าเพิ่งเข้าสำนัก อยู่ในกายแห่งมรรคขั้นห้า เพราะระดับพลังยุทธ์ไม่สูง เลยถูกจัดให้อยู่ห้องเก้าสิบ กับเรื่องนี้ข้าไม่มีข้อกังขาใดตลอดระยะเวลาสี่ปี ข้าใช้ความพยายามของตัวเอง ต่อสู้สุดชีวิต ตอนนี้มีระดับพลังยุทธ์กายแห่งมรรคขั้นแปดแล้ว แม้ในกลุ่มนักเรียนชั้นเดียวกัน จะเป็นแค่ระดับกลางๆ ก็เถอะ แต่เมื่อหลายเดือนก่อน ข้าได้ยินว่ามีนักเรียนใหม่ชื่ออันหลินคนหนึ่ง เข้าสำนักด้วยระดับกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ แต่กลับถูกจัดให้อยู่ห้องหนึ่ง!ยิ่งห้องอยู่ลำดับต้นๆ มากเท่าใด แหล่งข้อมูลการศึกษาที่ได้ก็จะมีมากเท่านั้น เขามีสิทธิ์อะไรไปครองที่นั่งห้องหนึ่ง ยึดเอาแหล่งข้อมูลการศึกษาของนักเรียนดีเด่นคนอื่น เพียงเพราะเขามีจดหมายรับรองจากผู้เที่ยงแท้งั้นหรือสำหรับนักเรียนห้องรั้งท้ายที่ดิ้นรนอย่างพวกเราแล้ว เรื่องนี้เป็นการเหยียดหยามอย่างใหญ่หลวง! หลังรู้เรื่องนี้ ข้าจึงตัดสินใจแล้วว่า จะหาโอกาสจัดการอันหลินสักที เด็กเส้นช่างน่ารังเกียจจริงๆ!”
พูดจบ เฉินซูเป่าก็ส่งยิ้มให้อันหลิน มันเป็นรอยยิ้มเหมือนความฝันใกล้จะเป็นจริงแล้ว…
เมื่ออันหลินเห็นรอยยิ้มนั่น ในใจก็เย็นวาบ ที่แท้ศัตรูก็มาจาก ‘เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุด’ นี่เอง
ต่อมา หลี่เจิ้งหยางก็พูดเหมือนกันว่า “เฮ้อ ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ปวดใจยิ่งนัก บนทางเดินของสำนัก ข้าเจอหญิงคนหนึ่ง ข้าตกหลุมรักนาง ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น นางงดงามปานนั้น สูงส่งขนาดนั้น เป็นดั่งหงส์ที่บินร่อนบนฟากฟ้า วันนั้น ข้าสารภาพรักกับนาง จากนั้น ข้าก็ถูกนางปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่ว่า ข้าหลี่เจิ้งหยางไม่ใช่คนที่จะถอดใจง่ายๆ ข้าเปิดฉากตามจีบนางอย่างไม่ย่อท้อ ข้าจะใช้เปลวไฟแห่งรักเอาชนะใจนาง! แต่ไม่กี่วันต่อมา นางก็บอกความจริงอันโหดร้ายกับข้า นั่นก็คือ นางมีคู่ครองแล้ว! เรื่องนี้ทำให้ข้าเหมือนตกลงในอุโมงค์น้ำแข็ง ชีวิตจมอยู่ในความมืดมน แม้ข้าจะไม่อยากเชื่อ แต่นางมักจะเข้าเรียนพร้อมกัน กินข้าวพร้อมกันกับชายคนนั้น ท่าทางสนิทสนมกัน พูดคุยกันสนุกสนาน มันทำให้ข้าจำใจยอมรับความจริงข้อนี้ แต่ข้าไม่พอใจ! ชายคนนั้นมีอะไรดีกันแน่ ทุกการกระทำของเขา ถึงได้ความรักจากหญิงในใจข้า! เรื่องนี้เป็นหนามยอกอกข้ามาโดยตลอด ข้าเลยสาบานว่า ต้องหาโอกาสจัดการชายคนนั้นสักทีให้ได้! อ้อ ผู้หญิงที่ข้าชอบชื่อสวีเสี่ยวหลาน อันหลิน…ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมนางถึงเลือกเจ้าเป็นคู่ครองของนาง!”
พูดจบ กระบี่สีชาดของหลี่เจิ้งหยางก็พ่นเปลวไฟลุกโชนออกมา เช่นกันเดียวกับใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความโกรธของเขา
ฟังถึงตรงนี้ อันหลินทำหน้างุนงง รู้สึกเหมือนมีเลือดรวมตัวจุกแน่นอยู่ในอก
คู่ครอง สวีเสี่ยวหลานงั้นเหรอ
หากชายคนนั้นไม่พูดเรื่องนี้ อันหลินไม่มีทางรู้เลยว่า เขาถูกสวีเสี่ยวหลานใช้เป็นไม้กันหมาแล้ว!
“พี่ชาย เข้าใจผิด เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว!” อันหลินร้องเสียงหลง
หลี่เจิ้งหยางที่กำลังโมโห จะฟังคำอธิบายของอันหลินได้อย่างไร
สิ่งที่อันหลินพูดตอนนี้ จะถูกเขามองว่าเป็นข้ออ้างหนีศึกก็เท่านั้น
“หึ ไม่คิดเลยว่าอันหลินจะมีคู่ครองแล้ว!”
หลังหลี่เจิ้งหยางพูดจบ จงเหวินก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้วเช่นกัน
“มีคู่ครองแล้วแต่กลับทำตัวกำกวมกับศิษย์น้องซูเฉี่ยนอวิ๋น เทพีอันดับหนึ่งของสำนักเรา ทุกครั้งที่ข้าเห็นภาพวาดของศิษย์น้องซูเฉี่ยนอวิ๋นบนอันดับคนดังของสำนัก ใจจะเต้นรัว ชื่นชมอย่างยิ่ง ความงามของนางพิชิตใจข้าได้อย่างสิ้นเชิง แต่ทำไมซูเฉี่ยนอวิ๋นที่เย็นชาอย่างยิ่ง ไม่แยแสใครเลย ถึงชอบขลุกตัวอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งในห้องหลังเลิกเรียน เรื่องแบบนี้ข้าทนไม่ได้จริงๆ! และผู้ชายคนนั้น ยังเป็นคนที่มีคู่ครองอยู่แล้วด้วย! อันหลิน ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!”
ลูกตุ้มดาวตกของจงเหวินขยับ เห็นได้ชัดว่าหิวกระหายแทบทนไม่ได้แล้ว
อันหลินเหนื่อยใจยิ่งนัก
เขาทำเพื่อช่วยสอนภาษาจีนกับภาษาอังกฤษให้ซูเฉี่ยนอวิ๋นทั้งนั้น ถึงได้อยู่ในห้องเรียนกับนางไงเล่า!
ทำไมถึงได้ทำให้เกิดความโกรธเกลียดริษยาแบบนี้ได้ล่ะ!
ขณะนั้นเอง เซี่ยซือเหยาก็เริ่มประณามความผิดของอันหลินแล้วเช่นกัน
“ในยามบ่ายที่มีอากาศสดชื่น ข้าเตรียมตัวจะไปที่โรงอาหารอยู่นานแล้ว เพื่อไปเอาของหวานสตรอว์เบอร์รี่ที่มีจำกัดที่ข้าชอบที่สุด มันเป็นของหวานที่ใครถึงก่อนได้ก่อน จู่ๆ ข้าก็ได้ยินข่าวว่า หลังเลิกเรียน จะมีนักเรียนสองคนแสดงการประลองยุทธ์อันสะท้านฟ้าสะเทือนดินหน้าแปลงดอกไม้! ศึกนี้ดึงดูดความสนใจของข้า ข้าจึงยินดีสละของรัก ไปชมการประลองที่เป็นที่จับจ้องของทุกคน จากนั้น ข้าก็ได้เห็นการต่อสู้ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ เมื่อกลับไป ข้าล้างตาไปหลายครั้ง แต่ก็ยังลืมการประลองครั้งนั้นไม่ได้!”
อันหลิน “…”
เซี่ยซือเหยาน้ำตาคลอ มองอันหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “เพราะดูการประลองของเจ้า ทำให้ข้าพลาดของหวานสตรอว์เบอร์รีที่มีจำกัดไม่พอ แต่ยังทำให้ตาข้าแปดเปื้อนอีก…อันหลิน ระหว่างเราจำต้องมีข้อสรุป!”
อันหลินจะร้องไห้แล้ว การนัดประลองของตัวเองกับหลิวต้าเป่า ก็นำมาซึ่งความเคียดแค้นมากมายขนาดนี้เหมือนกันหรือ
“ศิษย์น้องเซี่ยซือเหยา ของหวานเรื่องเล็ก เขาแย่งความรักของข้าไปต่างหากที่เรื่องใหญ่!” หลี่เจิ้งหยางพูด
“ไม่ เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุดต่างหาก ทำร้ายจิตใจที่สุด!” เฉินซูเป่าพูดอย่างเคร่งขรึม
“เทพีอันดับหนึ่งของสำนักที่ปักอยู่บนมูลวัว[1]ต่างหาก เป็นเรื่องที่สะเทือนใจที่สุดไหมเล่า!” จงเหวินเริ่มโต้แย้ง
“ข้าไม่สน วันนี้ข้าจะต้องได้จัดการอันหลิน มิเช่นนั้นข้าไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธนี้ได้!” เซี่ยซือเหยาไม่ยอมลดละ
ด้วยเหตุนี้ นักเรียนทั้งสี่จึงพากันประณามความผิดของอันหลินไม่หยุด เรื่องที่ใครจะเป็นคนจัดการอันหลิน ตกเป็นข้อพิพาทขึ้นมาอีกครั้ง
จิตสังหารที่น่ากลัวอบอวลไปทั่ว กระต่ายน้อยอันหลินนัยน์ตาพร่าเลือน เขาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าตัวเองมี ‘ความผิดมหันต์’ ขนาดนี้
หรือเราจะยอมรับผิดด้วยการฮาราคีรี[2]ตอนนี้เลย
อันหลินมองไม่เห็นความหวังแล้ว อืม ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าสี่คนนี้ จะจัดการตัวเองโดยไวไม่ยืดเยื้อ…
…………………………….
[1] มาจากสำนวน ดอกไม้งามปักอยู่บนมูลวัว อุปมา หญิงงามที่แต่งงานกับชายที่ไม่คู่ควร
[2] ฮาราคีรี เป็นพิธีกรรมการฆ่าตัวตายรูปแบบหนึ่งในวัฒนธรรมซามูไรของญี่ปุ่น โดยใช้ดาบแทงตัวเองที่ท้องด้านซ้าย ก่อนคว้านดาบไปทางขวา จากนั้นขึ้นคว้านขึ้นด้านบน