บทที่ 23: ฉันต้องไปที่นั่นกับใครนะ ?

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 23: ฉันต้องไปที่นั่นกับใครนะ ?

อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล

นี่เป็นสถานที่ที่โรเอลคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากมันเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่องในเกมอาย ออฟ โครนิเคิลที่เขาเคยเล่นในอดีตชาติ

อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลเป็นประเทศที่ชวนให้นึกถึงสถาบันการศึกษาอันเต็มไปด้วยนักวิชาการที่ฉลาดที่สุดมารวมตัวกันเพื่อความก้าวหน้าในการวิจัยของพวกเขา

นักศึกษารุ่นใหม่ที่เดินทางมาที่นี่เองก็ทำเพื่อความก้าวหน้าในการศึกษาเช่นกัน มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มสาว

แม้ว่าในโลกก่อนหน้านี้โรเอลจะไม่เคยอ่านลงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือจุดประสงค์เบื้องหลังสถานที่ต่าง ๆ ในเกม แต่ด้วยคำอธิบายของคาร์เตอร์เขาสามารถเข้าใจได้คร่าว ๆ ว่าอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลมีอิทธิพลมากเพียงใด

“ถึงขนาดสามารถก่อตั้งอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาได้… ภาคีแห่งปัญญามีอิทธิพลมากถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอครับ?”

“มันไม่ใช่แค่ภาคีแห่งปัญญาเพียงไม่กี่กลุ่มหรอกนะ อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลน่ะ ได้รับการสนับสนุนจากภาคีแห่งปัญญาที่สำคัญเกือบทั้งหมด! เนื่องจากพวกเขามุ่งเน้นไปที่การวิจัย กฎระเบียบต่าง ๆ จึงมีความหละหลวม อีกทั้งยังเป็นอาณาจักรที่เป็นมิตรกับอาณาจักรเพื่อนบ้านอื่น ๆ อีกด้วย ความยืดหยุ่นนี้ทำให้อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลสามารถสร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะศูนย์กลางการศึกษาของโลกได้

มันจึงเป็นสถานที่ที่เหล่าชนชั้นสูงของอาณาจักรต่าง ๆ มักจะส่งผู้มีพรสวรรค์ของตัวเองมาเพื่อศึกษาหาความรู้”

เมื่อพูดมาถึงจุดนี้คาร์เตอร์ก็มองไปทางโรเอลและอลิเซียด้วยรอยยิ้ม

“ในอนาคตพวกเจ้าทั้งสองคนก็จะถูกส่งไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พ่อหวังว่าพวกเจ้าทั้งคู่จะมีความสุขกับชีวิตในรั้วโรงเรียนที่นั่น”

“ท่านพ่อ ท่านเคยเรียนที่นั่นมาก่อนงั้นเหรอคะ?”

อลิเซียผู้หยุดร้องไห้มาสักพักแล้ว เอ่ยถามด้วยความอยากรู้

คาร์เตอร์มองออกไปพลางหวนรำลึกถึงความหลัง จากนั้นจึงพยักหน้าและตอบกลับไป

“แน่นอนสิ ข้าจบการศึกษามาจากที่นั่น ช่วงเวลาที่ข้าอยู่ที่นั่นทำให้ข้าเลือกที่จะใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งปัญญาของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล แทนที่จะเป็นความเมตตาของจักรวรรดิ เรียกได้ว่าประสบการณ์ที่นั่นมีผลอย่างยิ่งต่อชีวิตของข้าเลยก็ว่าได้”

ในขณะที่ผู้นำตระกูลแอสคาร์ดกำลังหวนนึกถึงอดีตของเขา ดวงตาของอลิเซียก็กะพริบตาด้วยความตื่นเต้น และเริ่มตั้งตารอเวลาที่ตนเองจะได้เดินทางไปยังอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล

ส่วนทางด้านโรเอลนั้น… ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษไปแล้ว

เข้าเรียนที่อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลงั้นเหรอ? ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย! นั่นไม่ใช่การเดินทางไปโรงเรียน แต่เป็นการเดินไปขึ้นลานกิโยตินชัด ๆ!

ท่านพ่อ ท่านรู้ไหมว่ามีชนชั้นสูงในทวีปนี้กี่คนที่ต้องการจะบั่นหัวลูกชายสุดที่รักของท่าน? ถ้าจะส่งฉันไปที่นั่นจริง ๆ ล่ะก็ ช่วยเตรียมหลุมศพไว้ให้ฉันล่วงหน้าเลยก็ได้นะ!

โรเอลมีข้อร้องเรียนนับร้อยเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ของบิดา แต่เขาก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เด็กชายจึงทำได้เพียงแค่บังคับตัวเองให้ยิ้มออกมาอย่างเครียด ๆ

หลังจากนั้นไม่นาน คาร์เตอร์ก็วกกลับมาที่ปัจจุบันและอธิบายต่อ

“นอกจากเหล่านักวิชาการที่มารวมตัวกันเป็นภาคีแห่งภูมิปัญญาอันยิ่งใหญ่ของเหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์แล้ว อีกแนวร่วมที่ใหญ่พอ ๆ กันก็น่าจะเป็นของเหล่าอัศวิน”

“อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์” เด็กชายเอ่ยขึ้น เป็นอะไรที่เดาได้ไม่ยากเลย

“ใช่แล้วล่ะ อัศวินเองก็มีเส้นทางวิวัฒนาการในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขามีจำนวนภาคีน้อยกว่า เนื่องจากรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ล่ะบุคคลเสียมากกว่า โดยผู้ที่ควบคุมภาคีอัศวินที่ใหญ่ที่สุด และกุมความลับที่อยู่เบื้องหลังคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความกล้า ก็คือราชวงศ์เพนดอร์”

โรเอลพยักหน้าเงียบ ๆ กับคำพูดของบิดา ขณะที่กำลังทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ

คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดนั้นเป็นดั่งเทคโนโลยีหลักทางการทหารของแต่ละอาณาจักร เป็นความลับเบื้องหลังความแข็งแกร่งของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาสามารถรักษาความลับของเส้นทางการวิวัฒนาการของตนเองเอาไว้ได้ พวกเขาก็จะสามารถเลี้ยงดูผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ในอนาคตที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้เสมอ

โดยเฉพาะตระกูลเซไซต์ ด้วยการส่งเสริมจากพลังทางระดับสายเลือดของพวกเขา ทำให้ตระกูลเซไซต์สามารถสร้างผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านั้นไปอีก

บ้าที่สุด! มันสายเกินไปแล้วรึเปล่า ที่เราจะไปพึ่งพานอร่าในตอนนี้ ?

ชั่วขณะนึง โรเอลได้เผลอคิดไปอย่างจริงจังว่าเขาควรจะเสียสละร่างกายตนเองยอมสยบกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของนอร่ารึเปล่า แต่เด็กชายก็ได้ทิ้งความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าบนโลกนี้ไม่มีองค์กรคุ้มครองสัตว์อย่าง PETA[1] ยังไงซะการพึ่งพาตัวเองก็เป็นหนทางที่ดีที่สุด!

“ท่านพ่อ แล้วคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของผมคืออะไรงั้นเหรอครับ?”

“การจะจำแนกกำหนดคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดได้นั้น อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ต้องไปถึงระดับแก่นแท้ 5 แต่ตอนนี้เจ้ายังเป็นเพียงระดับแก่นแท้ 7 ซึ่งก็สามารถใช้คาถาเวทพื้นฐานทั่ว ๆ ไปได้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดหรอกนะ” ผู้เป็นพ่ออธิบาย

“ …”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เราอ่อนแอเกินไปจนไม่มีใครต้องการสินะ ข… เข้าใจแล้ว

โรเอลพึมพำกับตัวเองในความคิดของเขา แต่จริง ๆ แล้วเด็กชายก็รู้สึกโล่งใจที่ตนเองไม่ได้มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดในครอบครองเช่นกัน

เพราะจากสิ่งที่เขาได้ยินมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนมนุษย์นั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของตนเองจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง​ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่อันตรายหากโรเอลมี คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของเขา

โรเอลอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการตรวจสอบสภาพร่างกายของระบบ ก่อนที่ระบบจะเปลี่ยนแปลงของต่าง ๆ ในร้านค้าเหรียญทอง เป็นวัตถุเพิ่มประสิทธิภาพที่ดูอันตรายและน่ากลัวต่าง ๆ เพื่อให้ “ตรงกับ” ความต้องการของเขา

หากอ้างอิงจากเหตุการณ์นั้น ศักยภาพร่างกายของเขาอาจจะไม่ได้เข้ากันกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ความเมตตาของทูตสวรรค์ และความกล้าของอัศวินก็เป็นได้

คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด 3 รูปแบบหลักเพียงรูปแบบเดียวที่พอจะเป็นความหวังของเขาได้ก็คือภูมิปัญญา แต่คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับโรเอลนั้นน่าจะเป็นรูปแบบของพวกนอกรีตเสียมากกว่า เพียงแต่ถ้าเขาคิดจะไปตามเส้นทางนั้นล่ะก็ เขาจะต้องก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง

คนนอกรีตธรรมดาจะถูกเนรเทศเมื่อถูกจับได้ แต่มีความสัมพันธ์กับลัทธิชั่วร้ายบางอย่างก็มีโอกาสที่เขาจะถูกประหารชีวิตในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเขาเป็นพิเศษเนื่องจาก โรเอลคนก่อนนั้นเคยเป็นสมาชิกของลัทธิชั่วร้าย

เพื่อหลีกเลี่ยงเดธแฟล็กนี่คือสิ่งที่โรเอลต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองมาคิดดูดี ๆ หนทางที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คงจะเป็นการไม่เดินทางไปยัง อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลเสียตั้งแต่แรก ทำไมโรเอลจะต้องเอาตัวเองไปที่นั่น เพื่อพบกับตัวเอกและสาว ๆ ตัวละครหลักด้วยล่ะ? มันคงจะดีกว่ามากถ้าเขาเลือกที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดต่อไป เพลิดเพลินไปกับชีวิตอันหรูหราอย่างมีความสุข!

“ท่านพ่อ ท่านก็รู้เกี่ยวกับศักยภาพร่างกายของผมดีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้สนใจในพลังของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดด้วย ผมแค่อยากจะบริหารเขตการปกครองของพวกเราให้ดี ผมต้องไปที่อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลจริง ๆ หรือครับ”

โรเอลพยายามถามถึงเหตุผล

ทันใดนั้นแววตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นของอลิเซียก็พลันดับวูบไปในทันที ส่วนคาร์เตอร์เองก็ส่ายหัวเช่นกัน

“ยังไงเจ้าก็ต้องไป”

“ทำไมกันล่ะครับ?” เด็กชายยังต้องการเหตุผล

“อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลไม่ได้มีแค่การฝึกอบรมสำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีหลักสูตรการศึกษาหลักที่จำเป็นสำหรับการเข้าไปอยู่ในแวดวงขุนนางด้วยเช่นกัน

การศึกษาที่เจ้าเคยได้ร่ำเรียนมาจะเป็นตัวช่วยให้เจ้าสอบผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่สำคัญนั้นไม่ใช่แค่ในด้านผลการเรียนของเจ้า แต่เป็นเรื่องของการหาเส้นสายจากเพื่อนฝูงที่นั่นต่างหาก”

คาร์เตอร์จิบชาขณะพูด

“ที่ที่เจ้ากำลังจะไปก็คือสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มันเป็นสถาบันการศึกษาที่เหล่าเยาวชนผู้มีความสามารถมากที่สุดในทวีปเซียได้มารวมตัวกัน เรียกได้ว่าผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลขุนนางใหญ่ ๆ ของอาณาจักรต่าง ๆ ล้วนอยู่ที่นั่นทั้งหมด ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลของ 5 ตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งจักรวรรดิ เจ้าเองก็ต้องสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษานี้เพื่อชื่อเสียงของตัวเจ้าเอง” เขาเหลือบมองไปที่ลูกชายสักพักแล้วพูดต่อว่า

“สำหรับคนชั้นสูงแล้ว การเข้าสังคมนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อนที่ได้พบปะผ่านงานสังสรรค์นั้น เทียบไม่ได้เลยกับเพื่อนร่วมชั้นที่ใช้ชีวิตวัยเยาว์มาด้วยกัน แม้เจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งที่เจ้าเติบโตขึ้นแล้วเจ้าจะต้องเข้าใจแน่”

โรเอลเห็นด้วยอย่างยิ่งกับประเด็นที่สองของคาร์เตอร์ มิตรภาพความสัมพันธ์ร่วมกันตั้งแต่ในวัยเยาว์นั้นย่อมเรียบง่ายและบริสุทธิ์กว่า เทียบกับมิตรภาพในวัยผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยปัจจัยภายนอกต่าง ๆ มากจนเกินไปจนทำให้ปราศจากความไร้เดียงสาของมิตรภาพในวัยเด็กแล้วมันแตกต่างกันมาก

“นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่สำคัญที่สุดอยู่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เจ้าต้องมุ่งหน้าไปที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านั่นก็คือ…”

คาร์เตอร์วางถ้วยน้ำชาลงแล้วมองไปยังบุตรชายของเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“…เจ้าต้องไปที่นั่นกับองค์หญิงนอร่า”

“อะไรนะ?”

ใบหน้าของโรเอลที่สุขุมสงบสติอารมณ์มาโดยตลอดบิดเบี้ยวไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของบิดา

[1]​ PETA : ย่อมาจาก People for the Ethical Treatment of Animals เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1980 โดย อิงกลิด นิวคลิค และ อเล็กซ์ ปาเชโค มีจุดประสงค์เพื่อพิทักษ์สิทธิของสัตว์