ตอนที่ 23 กรอบที่เต็มไปด้วยของโสโครกแบบนั้น ยังต้องไปอาลัยอาวรณ์อะไรอีก!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

นายหญิงแห่งสกุลป๋อวางโทรศัพท์ลง ถูฝ่ามือไปมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หันไปมองไหลหรงที่ยืนอยู่ข้างกาย 

 

 

“ไป ไปโทรหาคุณชายแล้วบอกว่าให้กลับมาท่านอาหารเย็นกับฉัน” 

 

 

“ค่ะ นายหญิง” 

 

 

ไหลหรงตอบรับด้วยรอยยิ้ม หมุนตัวเดินยิ้มแป้นออกไป 

 

 

เพราะต้องไปพบผู้ใหญ่ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการไม่เสียมารยาท เฉินฝานซิงเลยจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเอง 

 

 

ถึงแม้จะว่าชุดที่ชิงจือเตรียมให้จะเป็นชุดใหม่ แต่กระนั้นตลอดหลายวันที่อยู่โรงพยาบาลมานี้ เธอยังไม่เคยได้อาบน้ำอย่างจริงจังสักครั้ง 

 

 

เมื่อนึกได้ดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเบาๆ 

 

 

ขณะที่กำลังชั่งใจอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้น 

 

 

“คุณเฉิน นายหญิงให้ผมมารับครับ” 

 

 

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ!” เฉินฝานซิงรีบจัดการตัวเอง 

 

 

– 

 

 

เดินตามอวี๋ซงผ่านสถานที่ที่พบกับหญิงชราครั้งก่อน 

 

 

ที่รั้วมีประตูที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยสังเกตมาก่อน 

 

 

อวี๋ซงเปิดประตู ให้เธอเดินนำเข้าไป 

 

 

เฉินฝานซิงมองไปยังอีกโลกหนึ่งที่ห่างกันกับสวนสาธารณะของโรงพยาบาลแค่เพียงรั้วกั้นอย่างตื่นตะลึง 

 

 

ลานกว้างที่รายล้อมไปด้วยไม้ใหญ่ พืชพันธุ์ถูกตัดแต่งอย่าสวยงาม ดอกไม้ใบหญ้านานาชนิดถูกปลูกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย 

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจศิลปะการจัดแต่งสวนนัก แต่ก็มองว่าการจัดวางอย่างเรียบง่ายไม่สลับซับซ้อนนี่คงต้องเป็นฝีมือจากนักจัดสวนชั้นสูง 

 

 

นับได้ว่าเป็นที่พักอาศัยที่เรียบง่ายแต่กลับงดงามและพิถีพิถันแห่งหนึ่ง 

 

 

“ท่านอยู่ในนี้เหรอคะ” 

 

 

“ครับคุณเฉิน” 

 

 

เฉินฝานซิงอดที่เหลียวหลังกลับไปมองด้านหลังไม่ได้ จริงๆ แล้วที่นี่ไม่ได้ไกลจากอาคารใหญ่ของโรงพยาบาลมากนัก แต่ตอนนี้สามารถมองเห็นอาคารดังกล่าวผ่านบรรดาไม้สูงได้เพียงบางส่วนเท่านั้น 

 

 

“นี่เป็นทางลัดครับ นายหญิงท่านไม่ชอบอยู่คนเดียวเลยสั่งให้คนเปิดประตูนี้ไว้ บางครั้งก็จะออกมาพูดคุยกับคนในสวนสาธารณะของโรงพยาบาล” 

 

 

ทะลุมายังทางเดินเล็กๆ ใจกลางความเขียวชอุ่ม อวี๋ซงอธิบายพลางเดินนำเธอเข้าในยังบ้านพัก 

 

 

“คุณผู้หญิงครับ คุณเฉินมาถึงแล้ว” 

 

 

“เข้ามาเลยๆ!” 

 

 

น้ำเสียงเร่งรีบและดูอัธยาศัยดีของหญิงชราดังออกมา เฉินฝานซิงจึงเดินเข้าไปอย่างรีบร้อน 

 

 

แค่หญิงชราเห็นได้เห็นหน้าเธอก็รีบดึงมือเธอเข้ามา 

 

 

มือของหญิงชราที่เหลือเพียงความหยาบกร้าน ทว่าความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้นกลับทำให้เธอค่อยๆ เดินตามเข้าห้องรับแขกไปด้วยหัวใจที่สั่นไหว… 

 

 

เมื่อได้เห็นว่าในบ้านเดี่ยวหลังโตมีเพียงคนรับใช้ไม่กี่คนกำลังทำงานกันเงียบๆ อย่างเป็นระเบียบ ยิ่งทำให้ความรู้ผิดของเธอเพิ่มมากขึ้นไปอีก 

 

 

“ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ช้าไปตั้งหลายวัน…” 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ชินซะแล้วล่ะ แค่หนูคิดว่าจะมาหาย่า ย่าก็ดีใจมากแล้ว” 

 

 

ยามเมื่อมองไปในดวงตาสุกใสที่ถูกย้อมไปด้วยความรู้สึกผิด ทำให้นายหญิงแห่งสกุลป๋อยิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยแสนดีคนนี้เข้าไปใหญ่ 

 

 

เฉินฝานซิงถูกลากไปนั่งตรงโซฟา หญิงชราเดินตามมานั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมทั้งดึงมือเธอเขาไปจับไว้อย่างเดิมไม่ยอมปล่อย 

 

 

ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจและเอ็นดูจนเฉินฝานซิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับความโปรดปรานอย่างน่าประหลาดใจ 

 

 

หลายปีมาแล้วที่เธอไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเธออบอุ่นขนาดนี้ 

 

 

กลับกันคนที่เธอเจอส่วนใหญ่มักเป็นพวกที่รังเกียจและดูถูกเหยียดหยามเธอหลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลเฉิน… 

 

 

“ไหนบอกย่าสิว่าหนูเข้าโรงพยาบาลได้ยังไง” 

 

 

ท่าทางดูตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย 

 

 

“…ไม่มีอะไรค่ะ แค่ไม่ระวัง…” 

 

 

นายหญิงแห่งสกุลป๋อกระชับฝ่ามือที่จับมือของเธออยู่ให้แน่นขึ้น 

 

 

“ทำไมไม่พูดความจริงล่ะ เด็กน้อย?” 

 

 

แพขนตายาวสั่นระริก ราวกับส่วนอ่อนแอที่สุดของหัวใจได้พังทลายลงเกิดเป็นความเจ็บที่ยากจะอธิบาย 

 

 

เธอเบี่ยงใบหน้าเย็นชาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง น้ำเสียงเจือความขื่นขมและอ้างว้าง 

 

 

“พูดไป…ก็ไม่มีใครเชื่อ” 

 

 

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แล้วจะต้องหวังอะไรได้อีก 

 

 

“เด็กโง่เอ๋ย ความคิดนี้ไร้เหตุผลสิ้นดี หนูเอาแต่ขังตัวเองให้อยู่ในกรอบเดิมๆ มีเพียงไม่กี่คนที่นั่นที่จะได้สัมผัสหนู หนูต้องก้าวออกมาอย่างจริงจังสักที ที่ที่เต็มไปด้วยของโสโครกแบบนั้น ยังต้องอาลัยอาวรณ์อะไรอีก”