ตอนที่ 12 การข่มข่มขู่ที่ไร้สาระ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งลอยพลิ้วลงมาจากบนหลังคา

มู่อวู่ซวงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งกร้าวของคนผู้นี้ได้ราง ๆ จึงขยับเข้าไปปกป้องมู่เฉียนซี ท่าทีของเขาสงบเยือกเย็นไม่หวาดหวั่น

ผู้เฒ่าใหญ่เห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นอย่างมีโทสะ “เจ้าเป็นใครกันถึงได้กล้าบุกรุกเข้ามายังคฤหาสน์สกุลมู่ รู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด ?!”

“จับตัวตาเฒ่าถือดีที่บุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์สกุลมู่ไว้เดี๋ยวนี้!”

เหล่าผู้เฒ่าสกุลมู่พากันส่งเสียงเอ็ดตะโร แต่ทว่าเมื่อซวนหยวนหลี่เทียนมองใบหน้าของคนผู้นั้นชัดเจนแล้ว สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที พร้อมตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

“หุบปากซะ พวกเจ้าอยากตาย แต่ข้ายังไม่อยากจะตายไปพร้อมกับพวกเจ้า”

ซวนหยวนหลี่เทียนระเบิดโทสะอย่างรุนแรง สร้างความตกใจให้แก่มู่หรูอวิ๋นที่อยู่ข้างกายไม่น้อย

มู่เฉียนซีมองดูบุรุษผู้มาใหม่ เขาเป็นเพียงชายชราที่ดูธรรมดาไร้พิษสง นางรู้จักเขาและก่อนหน้านี้นางยังเคยพบเขามาก่อน เพราะเขาก็คือพ่อบ้านไป๋ในจวนของบุรุษผู้น่ากลัวดั่งอสูรผู้นั้น!

พ่อบ้านไป๋มาแล้ว ถ้าอย่างนั้นมนุษย์ก้อนน้ำแข็งนั่น…

มู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังหลังคาบ้านตัวเอง แต่ก็ไม่พบบุรุษที่ทำให้นางหวาดกลัวอย่างที่คาด

ซวนหยวนหลี่เทียนเดินเข้าไปหาพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างยำเกรง

“พ่อบ้านไป๋ ไม่ทราบท่านมาได้อย่างไร ?”

ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างก็งุนงงในท่าทีของอ๋องหนุ่ม

เมื่อครู่นี้หลี่อ๋องระเบิดโทสะเพราะพวกเขาทำกิริยาไร้มารยาทกับผู้เฒ่าท่านนี้ คนทั้งหลายจึงพาลคิดไปว่าชายชราผู้นี้จะเป็นยอดฝีมือจากดินแดนอันไกลโพ้น สถานะสูงส่งเสียอีก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเพียงพ่อบ้านธรรมดาได้

แต่ในเมื่อเป็นแค่เพียงพ่อบ้าน เหตุใดหลี่อ๋องถึงได้ยำเกรงเขาเช่นนี้เล่า หรือต่อให้เป็นถึงขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ ก็ไม่เห็นต้องเกรงกลัวมากถึงเพียงนี้เลยนี่นา

ผู้อื่นไม่รู้จักพ่อบ้านไป๋ แต่ซวนหยวนหลี่เทียนนั้นรู้จักดี ในตำหนักของซวนหยวนจิ่วเยี่ย นอกจากเขาแล้วก็มีพ่อบ้านไป๋ผู้นี้เท่านั้นที่เป็นมนุษย์

ตำหนักแห่งนั้นหลังจากที่เขาเคยเข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่เคยคิดอยากจะเยื้องกรายเข้าไปเป็นครั้งที่สองอีก

หลังจากที่เกือบถูกคนน่ากลัวผู้นั้นส่งไปเยือนปรโลกมาแล้ว หลี่อ๋องก็ไม่คิดอยากจะเจอหน้าผู้เป็นเจ้าของตำหนักนั่นอีกเลย

ซวนหยวนหลี่เทียนเกรงกลัวซวนหยวนจิ่วเยี่ยจับจิต เมื่อเห็นพ่อบ้านของบุรุษน่ากลัวมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ก็ทำเอาตกใจจนแทบสิ้นสติเลยทีเดียว

“ข้าและผู้นำตระกูลมู่นับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน ได้ยินว่านางสิ้นชีวิตแล้ว จึงได้มาเคารพศพ ไม่นึกว่าท่านหลี่อ๋องจะทำให้ข้าได้ดูละครสนุกเยี่ยงนี้”  พ่อบ้านไป๋เอ่ยอย่างแย้มยิ้ม

ในใจของซวนหยวนหลี่เทียนตื่นตระหนกไม่น้อย เขาร้อนรนจนต้องถามขึ้นว่า… “พ่อบ้านไป๋ ท่านอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ ?”

ยามนี้ใจเขาหวังเพียงแค่ว่า พ่อบ้านไป๋จะไม่เห็นอะไรมากนัก ทว่าพ่อบ้านชรากลับพยักหน้าตอบ

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมาถึงตั้งแต่ที่ท่านอ๋องเข้าคฤหาสน์สกุลมู่มาพร้อมกับโลงศพมรกตนั่นแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของซวนหยวนหลี่เทียนก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “พ่อบ้านไป๋ ขะ ข้า… อย่างไรเสียข้าก็เป็นพี่น้องกับองค์ชายเก้า ท่านจะ…”

คำวิงวอนของหลี่อ๋องยังไม่ทันจบลง เสียงของมู่อวู่ซวงก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน “ในเมื่อท่านผู้เฒ่าเห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านพอจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ข้าฟังได้หรือไม่ ?”

ถึงแม้มู่อวู่ซวงจะตาบอดแต่ใจนั้นไม่ได้มืดบอดไปด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าซีเอ๋อร์ไปรู้จักกับพ่อบ้านไป๋และเยี่ยอ๋องผู้เป็นนายได้อย่างไร แต่ที่แน่ชัดก็คือ พ่อบ้านผู้นี้มีใจมาเพื่อช่วยเหลืออย่างจริงแท้

พ่อบ้านไป๋ตอบพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เริ่มตั้งแต่…”

พ่อบ้านไป๋ช่างมีพรสวรรค์ด้านการบอกเล่าเรื่องราวยิ่งนัก เขาเรียงลำดับตั้งแต่เริ่มจนจบและเล่าออกมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อเล่าถึงช่วงที่น่าโกรธเคือง เขาก็แสดงท่าทีประกอบได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างน่าประทับใจ

ส่งผลให้ผู้เฒ่าทั้งหลายแห่งตระกูลมู่และซวนหยวนหลี่เทียนไม่อาจสรรหาถ้อยคำใดมาโต้แย้งได้

เมื่อมู่อวู่ซวงฟังจบก็เดือดดาลขึ้นทันที

“ซวนหยวนหลี่เทียน กล้าดีอย่างไรมาลงไม้ลงมือกับผู้นำตระกูลมู่ในบ้านของข้า ท่านคิดว่าเพราะตนเองเป็นถึงองค์ชายแห่งราชวงศ์ซวนหยวนแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรท่านงั้นหรือ ?”

และต่อให้มู่อวู่ซวงลงมือสังหารซวนหยวนหลี่เทียนจริง ๆ เกรงว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ยก็ไม่อาจจะทำอะไรราชายอดยุทธ์ระดับเก้าผู้นี้ได้

สมญาผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ยของมู่อวู่ซวงนี้ ไม่ได้มีไว้เรียกขานให้สนุกสนานเล่นเท่านั้น

สีหน้าของซวนหยวนหลี่เทียนเปลี่ยนเป็นเครียดคล้ำ ในตอนนั้นเองมู่เฉียนซีก็เอ่ยขึ้น

“ท่านอา ท่านอย่าได้โมโหเลย ท่านก็ออกมาช่วยข้าได้ทันเวลาแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ ตอนนี้ข้าสบายดี”

“แต่… หลี่อ๋อง หากวันนี้ท่านยังอยากจะมีลมหายใจในตอนออกจากประตูสกุลมู่ล่ะก็ ได้โปรดทำตามข้อตกลงด้วย”

มู่เฉียนซีแสยะยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา

“ไม่มีทาง”

ซวนหยวนหลี่เทียนแค่นเสียงลอดไรฟัน หากวันนี้เขาต้องถูกยัดเข้าโลงศพและหามออกจากคฤหาสน์สกุลมู่ไปจริง ๆ แล้วละก็ ต่อไปเขาคงจะไม่มีหน้ายืนยืดอกอยู่ในเมืองจื่อตูแห่งนี้อีกแล้ว

“เหอะ! ในเมื่อท่านรนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้”

มู่อวู่ซวงตอบกลับเสียงเหี้ยม ในวาจานั้นมีกลิ่นอายสังหารอันเยือกเย็นแฝงอยู่ไม่ซ่อนเร้น

องครักษ์เงาที่ยืนอยู่ข้างกายของหลี่อ๋องเห็นเค้าลางเลวร้ายจึงเอ่ยขึ้น

“ท่านอ๋อง พวกเราจะขวางนายท่านสามไว้เอง ท่านรีบหนีไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกกระจอก ฝีมือเท่านั้น คิดว่าจะปกป้องท่านอ๋องของพวกเจ้าได้อย่างนั้นหรือ ?”

มู่อวู่ซวงเอ่ยอย่างเหยียดหยาม

“ลงมือ”

ทันทีที่มู่อวู่ซวงสะบัดมือ ร่างในชุดดำก็ลอยตัวลงมาอย่างปราดเปรียว เพียงพริบตาเดียวก็เข้าควบคุมองครักษ์เงาของหลี่อ๋องไว้ได้

หลีอ๋องและเหล่าผู้เฒ่าสกุลมู่ต่างตะลึงงัน คนเหล่านี้คือ ‘เงาซ่อนเร้น’ ที่สกุลมู่เลี้ยงเอาไว้อย่างนั้นรึ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

“ตาย หรือจะทำตามข้อตกลง หลี่อ๋องเลือกข้อใด ?”

มู่อวู่ซวงเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ทว่ารังสีสังหารในวาจานั้นมิได้บางเบาตามไปด้วย

ซวนหยวนหลี่เทียนสัมผัสถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาใกล้และกำลังจะกลืนกินเขาได้ในทันที

ทั้งเนื้อทั้งตัวหลี่อ๋องสั่นสะท้าน ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด

“ในเมื่อข้าแพ้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะทำตามที่ได้ตกลงไว้ แต่ไหนแต่ไรมาข้าเองก็เป็นผู้รักษาสัจจะวาจาอยู่แล้ว”

“ฮ่า ๆ ๆ น่าขำ รักษาสัจจะวาจารึ เพิ่งมาพูดเอายามนี้ ท่านไม่รู้สึกว่าตลกไปหน่อยหรือ ?”

มู่เฉียนซีหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจสีหน้าของหลี่อ๋องที่เดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวซีดขาว

เขาอยากจะหาข้อแก้ต่างให้ตนไม่ต้องเสียหน้า แต่มู่เฉียนซีสตรีสมควรตายผู้นี้กลับไม่ยอมรามือ

“มู่เฉียนซี เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ หญิงร้ายกาจเช่นเจ้า ข้าไม่มีวันยอมรับเจ้าเป็นคู่ครองอย่างเด็ดขาด เมื่อกลับไปตำหนักอ๋องแล้ว ข้าจะให้เสด็จพ่อทรงมีพระราชโองการถอนหมั้นเจ้า ต่อให้ข้าต้องตายก็จะถอนสัญญาหมั้นที่น่ารังเกียจนี้ให้ได้”

.