บทที่ 25 เจ้าอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เนิ่นนานผ่านไป…

นานมาก!

ในที่สุดถานจงหลินที่ดูคลิปซ้ำๆ ไปถึงสามสี่รอบก็มีท่าทางเหมือนดูหนังคลาสสิค เต็มไปด้วยความพึงพอใจ จะเพลินเกินไปแล้ว!

ทำให้รู้สึกอยากดูซ้ำๆ ไม่สิ้นสุด!

ศัลยแพทย์ทุกคนจะมีฮาร์ดไดรฟ์เคลื่อนที่ซึ่งมีหน่วยความจำสูงอยู่ในบ้าน ด้านในจะเก็บคลิปเคสตัวอย่างเอาไว้มากมาย

ของเหล่านี้ล้วนเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า

เมื่อกลับไปถึงบ้าน ตอนที่ไม่มีคนก็จะเอาออกมาดูอีกหลายรอบ สร้างความเพลิดเพลิน!

เฉินชางก็มีฮาร์ดไดรฟ์อยู่หนึ่งอัน แต่ว่า…อ่า แต่ว่าช่างเถอะ ไม่พูดถึงแล้วกัน

…………

สุดท้ายถานจงหลินก็หมุนตัวมา มองไปยังจางเค่อฉิน อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “หัวหน้าจาง อู๋กังได้พบคนเก่งเข้าแล้ว!”

จางเค่อฉินรีบพยักหน้า “ใช่ครับ ครั้งนี้ต้องรบกวนผู้อำนวยการหลิวและหัวหน้าแผนกถานให้ช่วยเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลย”

ถานจงหลินและหลิวซือฉีสบตากันยิ้มๆ “ฮ่าๆ คุณเข้าใจผิดแล้วครับ คนเก่งของอู๋กังไม่ใช่ผม แต่เป็นหมอน้อยคนนั้น เฉินชาง!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนมึนงง

“อะไรนะ?!”

ฉินเยว่เองก็ตกตะลึง

ถานจงหลินชี้ไปที่คลิปแล้วพูดว่า “การผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดเย็บเชื่อมเส้นเอ็นเสียหายที่เรียกได้ว่าเป็นตำราสำหรับเอาไว้สอนได้เลยทีเดียว หมอเสี่ยวเฉินคนนี้มีความเข้าใจในเรื่องการเย็บเส้นเอ็นอยู่ในระดับสูง ถึงแม้จะมีประสบการณ์ไม่มากพอแต่ก็มีความสามารถสูง ทุกครั้งที่เขาเลือกตำแหน่งการแทงเข็มและการสวนเข็มดูเหมือนจะวางแผนมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ ระดับการประสานตัวของเส้นเอ็นของผู้ป่วยจึงอยู่ในระดับดีเยี่ยม…ผมกล้ารับประกันเลยว่ามือของอู๋กังจะฟื้นตัวได้เป็นปกติถึงแปดเก้าส่วนเลย!”

“ยิ่งไปกว่านั้น คุณลองดูวิธีการเย็บผิวหนังของเขาสิครับ คุณไม่รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนศิลปะแขนงหนึ่งหรือครับ? ดูความพิถีพิถันและความจริงจังในการเย็บของเขาสิ เขาถึงกับเห็นผิวหนังเป็นงานศิลปะเลยทีเดียว ไม่ใช่การเย็บแบบธรรมดา เทียบได้กับภาพวาดเลยทีเดียว คุณลองดู!”

จางเค่อฉินดูเปรียบเทียบสภาพมือก่อนหลังจนอึ้งไป

เป็นการเย็บที่ดีมากจริงๆ!

ในฐานะที่เป็นหน่วยปราบปรามอาชญากรรม พวกเขามักจะเกิดบาดแผลภายนอกบ่อยๆ ดังนั้นจึงต้องเจอกับการเย็บแผลหลายครั้ง

ดังนั้นถึงแม้จะไม่เข้าใจเรื่องการเย็บเส้นเอ็น แต่การเย็บผิวภายนอกเขายังเห็นมามาก

การเย็บนี้ไม่เลวเลยจริงๆ!

ถานจงหลินพูดต่อ “ขอพูดอย่างไม่เวอร์เลยนะครับ ทั่วทั้งโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล คนที่เย็บผิวหนังได้ดีกว่าหมอเฉินคนนี้ผมว่ามีไม่ถึงสามคนหรอก”

หลิวซือฉีพยักหน้า “เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ! นี่ผมไม่ได้ถ่อมตัวนะครับ ถึงแม้ผมจะเป็นศัลยแพทย์มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเย็บผิวหนังได้จริงจังขนาดนี้มาก่อน เพราะว่า…มันเป็นเรื่องพื้นฐานเกินไป”

“เฉินชางเพิ่งเป็นหมอ แต่ทักษะพื้นฐานของเขาทำให้รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ!”

“แน่นอน ผมคิดว่าส่วนที่สำคัญที่สุดคงเป็นความสามารถของเขา! เขาสามารถหาจุดเย็บที่ดีที่สุดและวิธีเย็บที่ดีที่สุดได้ นี่นับเป็นคนเก่ง!”

หลังจากพูดจบ หลิวซือฉีก็มองไปยังฉินเสี้ยวยวนด้วยความอิจฉา “ผู้อำนวยการฉินรู้จักเลือกคนเก่งจริงๆ นะครับ หมอคนนี้มีพรสวรรค์ด้านศัลยแพทย์ไม่เลวเลย เป็นคนมีศักยภาพสูง! สั่งสอนอีกเล็กน้อยก็จะเป็นบุคคลผู้มากความสามารถ”

จางเค่อฉินเอ๋อไปแล้ว!

อะไรนะ???

ฉินเสี้ยวยวนก็ตื่นตะลึง!

ผมตำหนิการจัดการของเขาไปเรียบร้อยแล้ว พวกคุณเพิ่งจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับผมเหรอ???

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลชื่นชม ในฐานะที่เขาเป็นผู้อำนวยการ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสีหน้าย่อมเหนือกว่าเรื่องอื่น ยิ่งไปกว่านั้น…ความรู้สึกที่ได้รับคำชมก็ไม่เลวเลย!

เขาหัวเราะแล้วพูดว่า

“อา ปกติผมยุ่งมาก ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องศัลยแพทย์พวกนี้หรอกครับ และผมไม่ค่อยรู้จักหมอเฉินคนนี้ด้วย”

อันเยี่ยนจวินพยักหน้า “หมอเสี่ยวเฉินเป็นพนักงานชั่วคราวที่สมัครเข้ามาในแผนกฉุกเฉินเมื่อสองปีก่อนครับ ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับโรงพยาบาล ดังนั้นท่านผู้อำนวยการไม่เคยเห็นเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่หมอเสี่ยวเฉินมีทักษะพื้นฐานค่อนข้างดี แล้วยังทนรับความลำบากได้ดี มีความอดทนสูง เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง”

ถานจงหลินในตอนนี้รู้สึกสนอกสนใจเฉินชางยิ่งขึ้น ที่แท้ก็เป็นพนักงานชั่วคราวเหรอ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็มองไปยังหลิวซือฉีที่เป็นเพื่อนร่วมงาน กล่าวออกไปตามใจว่า “พนักงานชั่วคราวหรือ? อืม พนักงานชั่วคราวก็ดี! คนหนุ่มก็ต้องฝึกฝนให้มาก!”

หลิวซือฉีเข้าใจความหมายของเขาได้ทันที!

“ใช่แล้ว ผมก็คิดว่าพนักงานชั่วคราวไม่เลวเลย จะต้องฝึกให้มาก!”

“ไปเถอะ พวกเราไปขอบคุณหมอน้อยคนนั้นกัน”

…………

…………

ตอนนี้เฉินชางกำลังจัดการกับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายนอกคนหนึ่ง เฉินชางกำลังเย็บแผล ตอนนั้นเองมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพอดี เห็นว่าเฉินชางกำลังเย็บแผล แต่ว่าวิธีการ…ดูเหมือนจะแตกต่างไปหน่อย

ทันใดนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะจับตามองอย่างตั้งใจ

ได้สังเกตการเย็บแผลในสถานที่จริงแบบนี้ทำให้เห็นส่วนที่แตกต่างจากในเทป

เมื่อเห็นการเย็บของเฉินชาง ทุกคนก็รู้สึกเหลือเชื่อ…

จางเค่อฉินคิดว่า โอ้โห เป็นภาพที่งดงามจริงๆ!

ฉินเสี้ยวยวนคิดว่า โอ้? เชี่ยวชาญจริงๆ

ส่วนอันเยี่ยนจวินขมวดคิ้วราวกับคิดอะไรบางอย่าง

หลิวซือฉีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพ…

ส่วนถานจงหลินถึงกับรู้สึกเหมือนเซลล์ศิลปะในร่างของตัวเองกำลังโป่งพอง ถึงกับอยากร้องเพลงขึ้นมาเลยทีเดียว!

ยิ่งไปกว่านั้น…เขารู้สึกว่าเพลงศิลปะแห่งการแพทย์กำลังปรากฏขึ้นในสมอง! (ดัดแปลงจากเพลงเครื่องลายคราม)

ตวัดเข็มร่างลายบนผิวหนัง ปรากฏลวดลายเส้นร่าง (ตวัดร่างภาพลายครามบนสีพื้น ลวดลายจากปลายพู่กันเข้มหนักจนอ่อนจาง)

ส่วนที่ขาดหายกลับมาสมบูรณ์แบบตามเดิม (ลายโบตั๋นบนตัวแจกันคล้ายดั่งตัวเธอที่ตกแต่งเพียงน้อยนิด)

กลิ่นแอลกอฮอล์โชยผ่านขวด ทำให้ใจของฉันสงบ (กลิ่นหอมของไม้จันทน์ค่อยๆ โชยผ่านบานหน้าต่าง สิ่งที่อยู่ในใจฉันแจ่มชัด)

……

นี่ถึงกับปลุกเซลล์ศิลปะที่ฝังลึกอยู่ในใจฉันได้เลยเหรอ?

ถานจงหลินทอดถอนใจ สายตาที่มองเฉินชางเปลี่ยนไป

ในดวงตาของหลิวซือฉีก็มีประกายไฟลุกโชน

ตอนนี้โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลกำลังขาดแคลนคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพแบบนี้

ถานจงหลินยักคิ้วให้หลิวซือฉี นี่เป็นคนมีความสามารถ พวกเราจะต้องเอามาให้ได้!

หลิวซือฉีพยักหน้าอย่างหนักแน่น กะพริบตาสามครั้ง ยักคิ้วเล็กน้อย ใช่แล้ว นี่เป็นคนมีความสามารถ!

ถานจงหลินขยิบตา ตอนนี้เขายังเป็นแค่พนักงานชั่วคราว อีกเดี๋ยวพวกเราไปเสนอสัญญาของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลกับเขาเถอะ

หนังตาซ้ายของหลิวซือฉีกระตุก ไม่มีปัญหา!

ทั้งสองเป็นเพื่อนเก่ากัน หลังจากเรียนจบคณะแพทย์ก็มาที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลด้วยกัน ทำงานด้วยกันมาหลายสิบปี ผ่าตัดด้วยการมาหลายพันเคส รู้เข้าใจอีกฝ่ายเหมือนกับเข้าใจฝ่ามือของตัวเองแล้ว แค่ส่งสายตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

ฉินเสี้ยวยวนมองดวงตาคนทั้งสอง ชะงักไปโดยพลัน

หรือว่าศัลยแพทย์ผิดปกติแบบนี้หมด?

เขาอดทอดถอนใจไม่ได้ ถ้ามีโอกาสจะต้องคุยเรื่องนี้กับพวกศัลยแพทย์หน่อยแล้ว ห้ามปล่อยให้พวกเขาป่วยเพราะงานเด็ดขาด

แต่ว่า…

เฉินชางเย็บเสร็จก็ยืดตัวขึ้น มองไปยังทุกคนที่เดินเข้ามา

เขาลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฉิน ผู้อำนวยการหลิว หัวหน้าแผนกถาน สวัสดีครับ”

เมื่อทุกคนได้ยินก็ยิ้มจนตาหรี่ ตอบกลับไป

ฉินเสี้ยวยวน “สวัสดี!”

หลิวซือฉี “สวัสดีครับ!”

ถานจงหลิน “ดีๆๆ!”

จางเค่อฉิน “ดีๆๆๆ!”

เฉินชาง “…”

ฉินเยว่ผู้กลายเป็นหมาถูกทิ้งกลอกตามองบน…

[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของฉินเสี้ยวยวน +20!]

[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของจางเค่อฉิน +20!]

[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของหลิวซือฉี +20!]

[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของถานจงหลิน +20!]

เฉินชาง: wtf??

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เฉินชางมีสีหน้าไม่เข้าใจ

ทันใดนั้นเขาพลันคิดไปถึงประโยคหนึ่งที่แม่เคยพูดกับเขา เฉินชางเอ๋ย ออกไปอยู่ข้างนอกไม่เหมือนอยู่บ้าน คนใหญ่คนโตพวกนั้นเจ้าอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ ลูกจะต้องระวังให้ดี

เดิมทีเฉินชางไม่ค่อยเข้าใจกับคำว่าเจ้าอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจกระจ่างแล้วว่าหมายความว่าอย่างไร