บทที่ 25: ส่วนลดพิเศษ

โรเอลคิดมาโดยตลอดว่าสินค้าที่ขายในร้านค้าเหรียญทองนั้นแปลกประหลาดมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่สามารถเสริมพลังสายเลือดได้ก่อนหน้านี้ หรือเจ้ายาเสริมพลังนี่ ผลข้างเคียงของพวกมันต่างก็แย่มากเสียจนทำให้เขาสงสัยจริง ๆ ว่าใครจะไปกล้าใช้มันได้ลง

เพื่อไม่ให้ตายจากการบริโภคยาเสริมพลังราคา 500 เหรียญทอง ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,500 เหรียญทองอย่างงั้นเหรอ?

เฮ้ ช่างเป็นการตลาดที่ฉลาดเสียจริง! ยังมีการตลาดที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้บนโลกอีกไหมเนี่ย? ถ้ามันมีผลข้างเคียงอันตราย แล้วทำไมถึงไม่ผสมพวกมันทั้งคู่เข้าด้วยกันตั้งแต่แรกเล่า!

โรเอลถอนหายใจลึก ๆ ก่อนที่เขาจะลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาคที่มีชื่อว่า ‘โลโบร์’ ซึ่งปรากฎว่าไม่มีสถานที่เช่นนั้นอยู่ในพื้นที่ของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเลย โรเอลจึงเลือกที่จะเก็บมันไปถามอาจารย์สอนพิเศษประจำตระกูลที่เป็นคนสอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้

“นายน้อย สถานที่ที่ชื่อว่าโลโบร์นั้นมีอยู่จริง ๆ บนโลก โดยตั้งอยู่ในจักรวรรดิออสทีน เพียงแต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยมีการสู้รบกันเกิดขึ้นที่นั่น บางทีนายน้อยอาจจำผิดรึเปล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

นักวิชาการวัยชราที่มีผมและเคราเป็นสีขาว ผู้มีนามว่าฟลอรี ตอบโรเอลกลับไป

ฟลอรีนั้นเป็นชายผู้มีความรอบรู้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาได้ใช้เวลาในช่วงเยาว์วัยไปกับการท่องเที่ยวรอบโลก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษของโรเอล อย่างไรก็ตามสายตาที่เขามองมายังเด็กชายนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ

นักวิชาการวัยชรานั้นคิดว่าเด็กชายผู้ไร้ความสามารถคนนี้ คงจะเพิ่งเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับโลโบร์จากที่ไหนสักแห่งและต้องการที่จะยกชื่อของมันขึ้นมาเพื่อทดสอบเขา ซึ่งถ้าหากฟลอรีไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ โรเอลก็จะใช้เรื่องนี้เป็นหัวข้อก่อเรื่องให้เกิดความวุ่นวายยุ่งยาก

“… เข้าใจแล้วครับ ในเมื่อมันเป็นแบบนั้น เริ่มบทเรียนกันต่อเลยดีกว่าครับ คุณฟลอรี”

น่าแปลกใจที่โรเอลไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น กลับกันแล้วโรเอลได้ตั้งใจฟังฟลอรีตลอดทั้งคาบเรียน แล้วจึงถามคำถามแปลก ๆ อีกครั้ง หลังจากที่คาบเรียนจบลง

“คุณฟลอรีครับ ตอนนี้ในจักรวรรดิยังพอจะมีแผนที่โลกของช่วงก่อนยุคที่สามอยู่รึเปล่าครับ?”

“แผนที่ก่อนเหตุการณ์ หายนะเสียงเพรียกแห่งวิญญาณงั้นเหรอ? ข้าว่ามันคงไม่ใช่อะไรที่จะหากันได้ง่าย ๆ ในตลาดหรอกนะ แผนที่นั้นเป็นอะไรที่มีค่ามาก หากนายน้อยกำลังมองหาแผนที่ของเมื่อพันกว่าปีที่แล้วล่ะก็…คงจะมีเพียงแต่ราชวงศ์ของแต่ละอาณาจักรเท่านั้นแหละที่จะมีพวกมันในครอบครอง”

“อ่า ขอบคุณมากครับ ผมเข้าใจแล้ว”

โรเอลพยักหน้าจากนั้นก็โค้งอำลานักวิชาการวัยชราอารมณ์ร้าย พลางนึกสงสัยว่า ‘โลโบร์’ ที่ระบบกล่าวถึงนั้น เป็นสถานที่ที่มีมานานก่อนยุคที่สามรึเปล่า?

การอพยพไปทางทิศตะวันตกก่อนการเริ่มต้นในยุคที่สามได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัฒนธรรมของมนุษยชาติ บันทึกทางประวัติศาสตร์จำนวนมากได้หายไปในช่วงเวลานั้น ทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่เอาไว้ในประวัติศาสตร์ที่เป็นที่รู้จัก แม้แต่ภูมิภาคอันเต็มไปด้วยสงครามถึงขนาดที่ต้องที่สร้างยาอันน่าเกรงขามขึ้นมาก็ยังถูกลืมเลือนไปได้

“มันเป็นส่วนนึงของอารยธรรมที่ถูกลืมไปแล้วงั้นสินะ?”

โรเอลพึมพำด้วยความรู้สึกค้างคาใจ

บางทีเขาอาจเป็นคนเดียวบนโลกนี้ ที่รู้เกี่ยวกับภูมิภาคโลโบร์ที่เต็มไปด้วยสภาพสงครามอันคุกรุ่น และยาอันแปลกประหลาดแต่ทรงพลังที่ชาวโลโบร์ได้สร้างขึ้นมา

“ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน เราไม่จำเป็นจะต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะหน่อย สิ่งที่เราควรคิดในตอนนี้ก็คือ เราจะหาเงินมาซื้อมันได้ยังไงมากกว่า”

ไม่มีเวลาที่โรเอลจะมารู้สึกอ่อนไหว เขาจำเป็นต้องรีบหาเงินโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้เอามันมาซื้อยาทั้งสอง ภายในเดือนนี้ ส่วนเหตุผลที่ทำไมเขาต้องรีบร้อนก็คือ…

【ส่วนลดพิเศษรายเดือน สินค้าลด 50%!

ยาเสริมพละกำลังแห่งโลโบร์ รูปแบบที่2

ราคา: 250 เหรียญทอง

ยาลดความร้อนภายในแห่งโลโบร์

ราคา: 750 เหรียญทอง】

“ …”

ลดราคาแบบจำกัดเวลางั้นเหรอ? แถมยังลดตั้ง 50%! นี่มันจะทำให้เราประหยัดเงินได้ถึง 1,000 เหรียญทองเลยนะเนี่ย!

ช่างบังเอิญเสียจริงที่ส่วนลดดันอยู่กับสินค้าที่โรเอลต้องการพอดิบพอดี! แม้ว่าราคาจะยังคงสูงเกินเอื้อม แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามียาที่คล้ายคลึงกับมันขายอยู่ในจักรวรรดิเซนต์เมซิท หรือในอาณาจักรอื่น ๆ ดังนั้นมันจึงน่าจะเป็นยาที่ไม่สามารถหาที่อื่นได้อีกแล้ว

สินค้าในร้านค้าเหรียญทองนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ เดือน โดยมีเพียงไม่กี่รายการเท่านั้นที่จะมีโปรโมชั่นลดราคา นั่นหมายความว่าถ้าหากเขาพลาดโอกาสนี้ไปล่ะก็ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ซื้อมันอีกเลย!

โรเอลต้องโง่มากแน่ ๆ หากเขาไม่ใช้ส่วนลดนี้ให้เต็มที่!

อย่างไรก็ตามราคา 1,000 เหรียญทองก็ยังสูงเกินกว่าที่โรเอลจะเอื้อมถึง เนื่องจากเงินค่าขนมที่เขาได้รับต่อเดือนนั้นมันเพียงแค่ 20 เหรียญทอง! ต่อให้เด็กชายไปร้องขอเงินเพิ่มจากคาร์เตอร์ เขาก็คงจะได้รับเพิ่มขึ้นมาอีกแค่ 100 เหรียญทองเท่านั้น

แม้แต่มาร์ควิสคาร์เตอร์ที่เป็นถึงรองผู้บัญชาการกองทหารอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังมีเงินเดือนเพียงแค่หลักร้อยเหรียญทองเท่านั้นเอง แน่นอนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ธรรมดา ๆ ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเองก็ได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 100 เหรียญทองต่อเดือนไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

โดยนี่คืออัตราเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ที่เกิดจากเงินเฟ้อ เนื่องจากค่าครองชีพอันสูงสุดกู่ของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยซ้ำไป!

แบบนี้เราจะทำยังไงดี? ลองปล้นธนาคารหรือที่ไหนสักที่ดีไหม?

โรเอลครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา จนในที่สุดเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้ นั่นก็คือการแปลงไอเดียเป็นเงินทุนยังไงล่ะ!

ไม่ใช่ว่าโรเอลจะไม่มีหนทางอะไรเลย ในตอนนี้เขานั้นยังมีกุญแจนำไปสู่หีบสมบัติที่เรียกว่าระบบอยู่ ติดเพียงแค่ว่าเขายังขาดเงินที่จะนำสมบัติเหล่านั้นออกมาก็เท่านั้นเอง

ของราคาแพงต่าง ๆ ในร้านค้าเหรียญทองนั้นล้วนเป็นของคุณภาพดี อย่างน้อย ๆ รายการสินค้าที่ถูกจัดเตรียมขึ้นมาโดยระบบก็ยังสามารถเชื่อถือได้ เนื่องจากพวกมันมีการระบุผลข้างเคียงเอาไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน

นอกจากนี้บางชิ้นยังเป็นของเก่าจากในสมัยเมื่อหลายพันปีก่อนอีกด้วย ทำให้พวกมันทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า!

จริง ๆ แล้ว โรเอลก็ไม่อยากที่จะทำอะไรแบบนี้นักหรอก หากเขามีทางเลือกอื่น แน่นอนว่าเด็กชายนั้นไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะนำสินค้าอันตรายออกมาขาย เพราะแค่สินค้าทั่ว ๆ ไปในระบบก็มีศักยภาพมากเพียงพออยู่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีการระบุเอาไว้ว่า ผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่หวังไว้รึเปล่าก็เถอะ

แต่ตอนนี้โรเอลไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนลดแบบจำกัดเวลาถือเป็นอะไรที่เขาไม่อาจต้านทานได้ มันสามารถทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตได้เลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าส่วนลดดังกล่าวนั้นดันไปอยู่ในสองรายการที่โรเอลต้องการที่สุดเสียด้วย

หลังจากที่ยืนยันในแนวคิดได้แล้วว่าแผนนี้จำเป็นแค่ไหน โรเอลก็ตั้งคำถามต่อไปว่าเขาจะไประดมทุนจากใครได้บ้าง?

เด็กชายจำเป็นต้องหาลูกค้าที่ร่ำรวย และเชื่อถือไว้วางใจได้ เขาไม่ต้องการให้ตัวเองถูกหลอกไปตกลงในข้อตกลงที่ตัวเองเสียผลประโยชน์แน่ ๆ อีกทั้งเขาเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ของตัวเองเช่นกัน

ซึ่งคนคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขาทันที โดยคนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ก็คือ มาร์ควิส คาร์เตอร์ แอสคาร์ด บิดาของเขา

ของดี ๆ ก็ควรถูกนำไปใช้โดยคนกันเอง!

หากเป็นการขายสินค้าให้กับพ่อของเขา โรเอลก็พร้อมที่จะนำสินค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดออกมาจากร้านค้าเหรียญทอง

อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือ มันยากเกินไปสำหรับเขาที่จะอธิบายให้คาร์เตอร์ฟังได้ว่า เขาเอาสิ่งของเหล่านี้มาจากไหน อีกทั้งดูเหมือนว่าคาร์เตอร์คงจะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากสินค้าที่ดูน่ากลัวเหล่านั้นอีกด้วย

นอกจากนี้สินค้าส่วนใหญ่ในร้านค้าเหรียญทองนั้นมีอันตรายในระดับหนึ่งเมื่อนำมาใช้หรือบริโภคลงไป เนื่องจากผลข้างเคียงของพวกมันนั้นค่อนข้างรุนแรง มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าโรเอลทำให้พ่อของเขาบาดเจ็บหรือล้มป่วยจากการใช้สินค้าเหล่านั้น

สุดท้ายแล้วโรเอลก็ยังคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุด หากเขาขายสินค้าเหล่านี้ให้กับคนนอก อีกทั้งยังเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ไปทำให้ตระกูลแอสคาร์ดต้องยุ่งเกี่ยวทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินค้าของอันตรายเหล่านี้

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเด็กชายก็มีทางเลือกเพียงไม่กี่ทาง

ห่วงโซ่อุปสงค์ อุปทานของโลกนี้ ไม่ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเหมือนโลกในชาติก่อน​ของเขา จึงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำธุรกรรมมูลค่าสูงระดับนี้ได้

ซึ่งโรเอลก็ได้จำแนกตัวแปรออกมาเป็นสามประเภท

ประเภทแรก ขุนนางคนอื่น ๆ ตัวแปรนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของโรเอล เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้เลยในแวดวงขุนนาง

ประเภทที่สอง งานสังสรรค์ของเหล่าพ่อค้าเร่ ที่มักจะแวะมายังเขตการปกครองแอสคาร์ด ในทุก ๆ ปี พ่อค้าเหล่านี้ล้วนมีความสามารถทางการเงินที่แตกต่างกันไปอย่างมาก และกำหนดการเดินทางของพวกเขาก็ไม่แน่นอนพอที่จะคาดเดาได้

ประเภทสุดท้าย แต่ไม่ท้ายที่สุดในด้านผลประโยชน์ นั่นก็คือพ่อค้าที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตการปกครองแอสคาร์ด ในบรรดาพวกเขาทั้งหมดมีบริษัทการค้าเพียงแห่งเดียวที่โรเอลคิดได้ว่าเขาน่าจะเชื่อถือได้ และมีความสามารถทางการเงินมากพอที่จะซื้อสินค้าแปลกประหลาดของโรเอล

นั่นก็คือ องค์กรการค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเซีย องค์กรที่แผ่กระจายอิทธิพลออกไปเป็นวงกว้างที่สุดเท่าที่จะมองเห็นได้ ‘สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์’