ตอนที่ 27 พูดด้วยเหตุผล

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ผีสาวไม่สามารถอาศัยอยู่ในยันต์ได้นาน ไม่อย่างนั้นวิญญาณของพวกนางจะยิ่งอ่อนแอลง สุดท้ายวิญญาณก็จะสลายไปอยู่ดี วิธีเดียวคือส่งวิญญาณของพวกนางเข้าสู่ยมโลก ให้พวกนางได้เข้าสู่วงจรการกลับชาติไปเกิด 

 

 

แต่ว่าการส่งวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างมาก บวกกับผีสาวเหล่านี้ยังถูกกลืนกินสติสัมปชัญญะไปแล้วด้วย มีความเป็นไปได้ที่ไม่อาจต้านทานคาถาส่งวิญญาณจนสลายไปได้ มีเพียงผู้บำเพ็ญเต๋าที่มีวิชาเก่งกาจเท่านั้น ถึงจะสามารถนำวิญญาณเหล่านี้หาทางสู่ยมโลกได้ อีกทั้งยังมีมากมายเป็นฝูงเช่นนี้ ความสามารถของไป๋อวี้ไม่อาจทำได้ คิดไปคิดมา เหล่าเพื่อนเก่าแก่ทั้งหลายของเขาก็ไม่มีคนสามารถทำได้เลย 

 

 

ดังนั้นเขาทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ปู่เท่านั้น หวังว่าท่านจะช่วยเขาในการส่งวิญญาณผีเหล่านี้ 

 

 

อาจเป็นเพราะเพิ่งกินอิ่มจึงอารมณ์ดี เยี่ยยวนพูดง่ายขึ้นทันที พูดจารังเกียจเจ้าซื่อบื้อบางคนเสร็จก็โยนต์ยันต์วิเศษใบหนึ่งให้แล้วไล่ออกจากเจดีย์ไป 

 

 

“ทำไมก็ยังเป็นยันต์” ไป๋อวี้มองยันต์ในมือด้วยสีหน้างงงวย พลิกซ้ายพลิกขวาดูก็ดูไม่ออกว่ามันวิเศษอย่างไร ทำได้เพียงยื่นไปให้อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าหนู เจ้าดูออกหรือไม่ว่ายันต์นี้ใช้อะไรได้” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวพินิจยันต์นั้นอย่างละเอียด ส่ายหัวไปมา “ไม่รู้ ยันต์นี้ส่งวิญญาณไม่ได้เหรอ” 

 

 

“ส่งวิญญาณง่ายขนาดนี้ที่ไหน!” ยากที่จะเจอว่าเจ้าหนูมีคำถามที่สงสัย ไป๋อวี้จึงอธิบายอย่างตื่นเต้น “เจ้าเพิ่งเริ่มฝึกฝนอาจยังไม่รู้ การส่งวิญญาณที่ว่าคือการคลายแรงอาฆาตในใจของวิญญาณ ทำให้พวกนางยินยอมที่จะก้าวเข้าสู่ทางไปยมโลก เข้าสู่วงจรการเวียนว่ายตายเกิด 

 

 

“อะไรคือทางสู่ยมโลก” อวิ๋นเจี่ยวถาม 

 

 

“ก็คือเส้นทางที่ผู้ตายต้องใช้เดินทางเข้าสู่ยมโลกเพื่อไปเกิดใหม่” ไป๋อวี้อธิบายต่อ “เป็นเส้นทางที่มีแต่วิญญาณเท่านั้นถึงจะเห็นได้ คนเป็นไม่สามารถรับรู้ได้ การคลายแรงอาฆาตทำให้วิญญาณมีจิตใจสะอาด ช่วยให้ง่ายต่อการหาทางสู่ยมโลก เพียงแต่วิญญาณสาวเหล่านี้ล้วนถูกกลืนกินสติสัมปชัญญะไปจนหมดสิ้น ถึงแม้จะชะล้างแรงอาฆาตบนตัว พวกนางก็อาจไม่รู้ว่าควรไปอย่างไรอยู่ดี” 

 

 

“ต้องข้ามผ่านเส้นทางสู่ยมโลก ถึงจะเข้าสู่ยมโลกได้เหรอ” 

 

 

“แน่นอน! นั่นเป็นเส้นทางเดียวที่สามารถเข้าสู่ยมโลกได้” 

 

 

“อย่างนี้นี่เอง…” อวิ๋นเจี่ยวมองยันต์ใบนั้นอีกครั้ง สีหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยันต์ใบนี้ซับซ้อนเกินไป ไม่เคยเห็นบนตำราเป็นแน่ แต่ว่ารูปร่างบริเวณมุมขวาล่าง ทำไมช่างเหมือนกับ…ยันต์ระเบิด? 

 

 

“ปกติแล้วการส่งวิญญาณมักใช้การกล่อมเกลา ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใช้ยันต์ได้ แต่ก็ไม่รู้เหตุใดอาจารย์ปู่ถึงได้ให้ยันต์ใบนี้แก่ข้า” ไป๋อวี้จ้องมองไปครึ่งค่อนวัน ยังคงไม่รู้ว่ายันต์ใบนี้มีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็ยกยันต์ใบนั้นขึ้น “ช่างเถอะ ลองใช้ดูก่อนค่อยว่ากัน!” 

 

 

“เดี๋ยว…” อวิ๋นเจี่ยวคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายแก่กลับสะบัดยันต์วิเศษออกไปแล้ว เห็นเพียงแต่มีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้น ยันต์วิเศษในมือเขาก็สลายหายไปในเปลวไฟทันที 

 

 

จากนั้น…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

 

“เอ๋! เกิดอะไรขึ้น” เขามองไปยังรอบด้าน ควักยันต์ที่เก็บฝูงผีขึ้นมาดู ในยันต์นั้นยังคงเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่เข้มข้น วิญญาณด้านในไม่แม้แต่จะหายไป ไหนบอกว่าส่งวิญญาณได้ไง “ยันต์นี้มันใช้ไม่ได้หนิ หรือว่าต้องปล่อยผีออกมา” 

 

 

เขากำลังจะปล่อยฝูงผีออกมา อวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับเบิกตาโพลง ยื่นมือไปดึงชายแก่ให้หลบไปด้านข้างอย่างแรง “ระวัง!” 

 

 

ชายแก่เอียงไปตามแรงดึงจนเกือบจะล้ม ยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง ก็รู้สึกว่าด้านข้างมีพลังอะไรบางอย่างที่เย็นยะเยือกพัดมา 

 

 

หันไปมองถึงได้เห็นว่าบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อกี้ มีอุโมงค์สีดำโผล่ออกมา พลังวิญญาณมากมายรั่วไหลออกมาราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ ยังสามารถมองเห็นร่างที่กึ่งใสกำลังล่องลอยอยู่ด้านใน อีกทั้งยังมีหอสูงสีดำที่แผ่รังสีน่าเกรงขาม ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณใกล้ๆ นั้นอีก 

 

 

“นี่…นี่มัน…” ไป๋อวี้สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ตาเบิกโต มองไปยังอุโมงค์สีดำด้านหน้าอย่างเหลือเชื่อ ในใจผุดคำตอบที่ไม่น่าจะเป็นได้ขึ้นมา “หรือนี่จะเป็น…” 

 

 

“ยมโลก!” อวิ๋นเจี่ยวชี้เข้าไปยังอุโมงค์ สายตาที่ดีเยี่ยมทำให้นางสามารถมองเห็นป้ายที่แขวนอยู่บนหอสูงนั้น…ยมโลก! 

 

 

“เฮ้ย!” เขาแค่ขอให้อาจารย์ปู่ช่วยส่งวิญญาณผีสาวเหล่านี้ ให้พวกนางได้เข้าสู่ยมโลกไปเกิดใหม่ ไม่ต้องวิญญาณสลายก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าอาจารย์ปู่ถึงขั้นช่วยเขาเปิดประตูใหญ่ของยมโลกเลย! 

 

 

ประตูยมโลกไม่ใช่สวนด้านหลังของสำนักชิงหยางที่คิดอยากเปิดก็เปิด อาจารย์ปู่อาศัยยันต์ใบเดียวก็ทำได้แล้ว ท่านเป็นญาติกับยมทูตหรือไง อยากเปิดตรงไหนก็เปิด? 

 

 

ไป๋อวี้ตะลึงเป็นอย่างมาก มองไปยังปากอุโมงค์ที่มีพลังวิญญาณรั่วไหลออกมา ครึ่งวันก็ยังไม่ได้สติ จนกระทั่งได้ยินเสียงเย็นยะเยือกที่ส่งออกมาจากด้านใน “ผู้ใดเปิดประตูยมโลกโดยพลการ?” ตามมาด้วยเสียงของอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ 

 

 

ชายแก่มือไม้สั่นขึ้นมา หมุนไปมาอย่างร้อนรน “ทำ…ทำยังไง มีคนมาทางนี้แล้ว! ไม่ คนที่มาอาจไม่ใช่คน!” เขาไม่กล้าคิดต่อว่าคนที่มาจะเป็นอะไร! แม้แต่คำทักทายยังไม่มี จู่ๆ ก็เปิดประตูยมโลก แค่คิดก็ไม่ใช่เรื่องดี 

 

 

“แย่แล้ว นี่…นี่ปิดยังไง!” 

 

 

“ยันต์เก็บวิญญาณ” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเตือน “รีบใช้!” 

 

 

“ใช่ ยันต์!” ชายแก่ถึงได้สติกลับมา ทันใดนั้นสะบัดยันต์ที่เก็บวิญญาณของเหล่าผีสาวออกไป นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่วิญญาณนับร้อยลอยออกมาจากยันต์ และลอยเข้าไปในอุโมงค์ ทันใดนั้นพลังวิญญาณในยันต์หายไปจนหมดสิ้น ส่วนอุโมงค์สีดำด้านหน้านั้น ก็ปิดลงในทันทีราวกับถุงที่ถูกมัด 

 

 

ไป๋อวี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก อ่อนระทวยไปทั้งตัวก่อนที่จะล้มลงไปนั่งบนพื้น นั่นเป็นถึงยมโลกเชียวนะ เป็นที่เล่าลือกันว่าไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าที่อาจารย์ปู่บอกว่าจะช่วยส่งวิญญาณจะเป็นเช่นนี้ คนอื่นเขาส่งวิญญาณก็เพียงแค่ส่งให้เข้าสู่เส้นทาง แต่เขากลับส่งให้เข้าสู่ยมโลกโดยตรงเลย 

 

 

ครั้งต่อไปที่อาจารย์ปู่ให้ยันต์มา ต้องถามให้ชัดเจนว่ายันต์นั้นมีประโยชน์อะไร น่ากลัวชะมัด “ยังดี สุดท้ายก็ส่งผีสาวฝูงนั้นไปหมดแล้ว” 

 

 

“คงไม่หมด” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ย ก่อนจะชี้ไปยังด้านหลัง 

 

 

“ฮะ?” ชายแก่ตะลึง หันหลังกลับไปมอง ถึงได้พบว่ามีร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา ชุดแดงนั้นมีเลือดที่กำลังหยดลงมาทีละน้อย ดวงตาที่มีแต่หลุมตานั้นจ้องมองมายังเขา จมูก ดวงตา ใบหูมีรอยเลือดเป็นเส้น ชายแก่หันหลังไปทีหนึ่งเกือบจะชนเข้าอย่างจัง 

 

 

เฮ้ย! 

 

 

อะไรเนี่ย! เขาสะดุ้งโหยง ก่อนจะกระโดดถอยออกไปหลบอยู่ด้านหลังอวิ๋นเจี่ยว ลูบไปยังหัวใจดวงน้อยของตัวเองที่ถูกทำให้ตกใจเมื่อกี้ มองพินิจไปยังร่างนั้นอย่างละเอียด นั่นมันผีสาวที่ชื่อแม่ซู่เหนียง 

 

 

“ทำไมนางยังอยู่ที่นี่” เป็นผีทำไมไม่เข้าพวกเนี่ย! 

 

 

“อาจเป็นเพราะสติของนางยังไม่ถูกกลืนกินจนหมดสิ้น” ดังนั้นนางจึงไม่เหมือนกับผีสาวตัวอื่น ที่ถูกชักนำจากพลังวิญญาณในยมโลก ก็เข้าไปในอุโมงค์นั้นทันที 

 

 

ไป๋อวี้ได้ยินเช่นนั้น จึงมองพินิจไปยังแม่ซู่เหนียงตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างของนางถูกพลังอาฆาตปกคลุมไว้ทั้งหมด สติของนางเหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ดังนั้นในดวงตาของนางยังคงหลงเหลือความแค้นที่มีต่อพวกเขาทั้งสอง แต่กลับเป็นเพราะยันต์เก็บวิญญาณในมือของเขา ทำให้นางไม่สามารถเข้าใกล้ได้ 

 

 

“ตอนนี้ทำยังไง” คงไม่อาจรอจนนางถูกกลืนกินสติไปจนหมดสิ้น แล้วค่อยเปิดประตูยมโลกอีกครั้ง 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวไม่ตอบ เพียงแค่มองไปยังยอดของเจดีย์สูงด้านหน้า มีคำถามต้องถามอาจารย์! 

 

 

ไป๋อวี้ปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ยังมีวิธีอื่นไหม” 

 

 

“ท่านคิดว่ายังไง” 

 

 

ไป๋อวี้ “…” ตอนนี้ถอนตัวออกจากสำนักยังทันอยู่ไหม