หลังระดับพลังยุทธ์ของอันหลินบรรลุกายแห่งมรรคขั้นแปด เขาก็สามารถฝึกวิชาธาตุดินได้แล้ว
‘พลังบงกชพสุธาขั้นหนึ่ง บรรลุเงื่อนไข นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ ณ ยอดเขาหินนิลดำหนึ่งวัน’
หินนิลดำเป็นยอดเขาเลื่องชื่อแห่งหนึ่งในป่าพันยอด ได้ยินว่าภูเขาดำสนิทมันวาว หากต้องการปีนไต่ขึ้นไปด้วยมือเปล่า ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จเป็นศูนย์
อยากไปให้ถึงจุดสูงสุดของยอดเขาหินนิลดำ วิธีเดียวที่ทำได้คือเหาะเหินขึ้นไป
“เฮ้อ หากเรามีกระบี่เหินเวหาก็คงดี” อันหลินทำหน้ากลัดกลุ้ม
กระบี่เหินเวหาเป็นวิชาเหาะเหินที่นักพรตตั้งแต่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขึ้นไปเท่านั้น ที่จะครอบครองได้
ระดับพลังยุทธ์ของเขาไม่ถึง ต่อให้มีความรู้ทางทฤษฎีพื้นฐาน ก็เหาะไม่ได้
ในเมื่อไม่สามารถเหาะเหินได้ งั้นก็วางการบำเพ็ญเพียรพลังบงกชพสุธาไว้ก่อนแล้วกัน…
อันหลินไม่คิดถึงเรื่องระบบอีก ตอนนี้เรื่องที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ไปถึงภูเขาลูกที่อยู่เบื้องหน้านั้นก่อน
แน่นอนว่า มีอีกเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญเช่นกัน นั่นก็คือค้นหาเป้าหมายซ้ำมีด
มีแค่ในศึกแห่งมิตรภาพเท่านั้น เขาจึงจะมีโอกาสซ้ำมีดได้อย่างผ่าเผย หากว่าเป็นข้างนอก จะมีพวกที่ PH ใกล้หมดมากขนาดนั้นให้เขาจัดการที่ไหนกัน
ไม่นาน อันหลินก็พบศิษย์พี่ที่พลังงานใกล้หมดแล้วคนหนึ่ง
เขาตามเสียงต่อสู้มา มาถึงก็เห็นศิษย์พี่ที่เพิ่งชนะการต่อสู้ไปหยกๆ พอดี
ด้วยเหตุนี้ อันหลินจึงกระโจนออกมาอย่างไม่ลังเล หลังแนะนำตัวแล้ว ก็เริ่มลงมือ ไล่ตีศิษย์พี่คนนั้น
ใช่แล้ว ไล่ตีนั่นแหละ…
ศิษย์พี่คนนั้นรู้ว่าสภาพของตัวเองย่ำแย่ ไม่มีทางสู้อันหลินได้ จึงตัดสินใจวิ่งหนี
แต่อันหลินจะยอมปล่อยให้เนื้อที่อยู่ในเงื้อมมือ หลุดหายไปจากมือตัวเองได้อย่างไร ไม่พูดพร่ำทำเพลงไล่ตามไปทันที
“นี่ เอาหมัดข้าไปกิน!”
อันหลินตามศิษย์พี่จนทัน ปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาออกไป
หมัดสะเทือนขุนเขามีอานุภาพรุนแรงมาก ทำให้วิชาคุ้มกันที่ศิษย์พี่คนนั้นใช้ระเบิดในพริบตา จากนั้นคลื่นพลังของหมัดก็สะเทือนจนร่างของศิษย์พี่ลอยออกไป
แสงทองคุ้มกันของศิษย์พี่ที่กระอักเลือดตกลงสู่พื้นสว่างวาบแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ อันหลินก็กระหยิ่มยิ้มย่อง
“อันหลิน ไอ้คนระยำ ศีลธรรมของเจ้าอยู่ที่ไหน!”
ศิษย์พี่ด่าทอ เขาไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน
อันหลินไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของศิษย์พี่เลยสักนิด เพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ เขาทิ้งศีลธรรมของตัวเองไปตั้งนานแล้ว!
หลังศิษย์พี่ผู้น่าสงสารถูกส่งตัวออกไป เขาก็เริ่มตรวจสอบดูระบบของตัวเอง
‘ความก้าวหน้าของภารกิจ 1/10’
เขาคิดว่าตัวเองโชคดีไม่เบา บริเวณที่ไม่ไกลจากภูเขาลูกนั้น เขาได้ยินเสียงต่อสู้อีกแล้ว
อันหลินเข้าไปใกล้บริเวณที่ต่อสู้อย่างระแวดระวัง เมื่อเข้าใกล้พลังฟ้าดินก็ซัดสาดอย่างรุนแรง คลื่นปะทะของพลังอันน่ากลัวกระจายมา ทำให้เขาพรั่นพรึง
สองคนที่ประมือกันในครั้งนี้ รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งไม่เบา…
อันหลินซ่อนตัวหลังหินก้อนใหญ่ โผล่หัวออกมา แอบเพ่งมองออกไป
หลังเห็นสองคนที่กำลังต่อสู้กัน เขาก็อึ้ง…
“พันธนาการแห่งแสง!” หญิงสาวผมสั้นสีชมพูแกว่งไม้กายสิทธิ์ เสียงไพเราะเพราะพริ้งออกมาจากปากนาง
บอลแสงสาดออกมาจากไม้กายสิทธิ์ในมือของนาง
บอลแสงพุ่งมารวดเร็วมาก พันธนาการผู้ชายที่มีผิวสีแดงในพริบตา
“อ๊าก!”
ผู้ชายคนนั้นคำรามลั่น ร่างกายระเบิดเปลวไฟสีแดง พยายามทำลายพันธนาการของบอลแสง
เปลวไปบนตัวเขาพุ่งขึ้นฟ้า และแผ่ขยายออกมาไม่ขาดสาย
แม้แต่อันหลินที่ชมศึกอยู่หลังก้อนหิน ก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาเป็นระลอกๆ
ผู้หญิงผมชมพูยื่นมือทั้งสองข้างออกมา ฝ่ามือหันเข้าหาผู้ชายคนนั้น ไม้กายสิทธิ์ขนนกที่ลอยอยู่กลางอากาศหมุนอย่างรวดเร็ว พลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งลูกหนึ่งกำลังก่อตัว
“การโจมตีต่อเนื่องของข้านั้นไร้พ่าย เอาลำแสงสุดท้ายของข้าไปกิน!”
หญิงสาวตะโกน เสาแสงของพลังอันแข็งแกร่งก็สาดออกมาจากไม้กายสิทธิ์
เสาแสงลำนี้เป็นเหมือนปืนใหญ่เลเซอร์ พุ่งไปไกลร่วมร้อยเมตร ทำลายเปลวไฟของชายผิวแดงจนแตกกระจาย ทะลุผ่านหน้าอกของเขา ทำให้เกิดร่องลึกลากยาวบนพื้น…
หลังชายผิวแดงถูกเสาแสงละทวง แม้แต่จะพูดยังพูดไม่ได้ กระอักเลือดแล้วล้มลงไป
จากนั้น ม่านป้องกันสีทองก็เริ่มปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวเขา
ชายผิวแดงแพ้พ่าย บนใบหน้าของหญิงสาวผมสั้นสีชมพูไม่มีความดีใจให้เห็นมากนัก
ราวกับนางคิดอะไรขึ้นมาได้ ตบหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ “โธ่! ข้าน่าจะปล่อยสกิล Q E R[1]ติดต่อกันสิ ข้าก็ยังเป็นพวกที่เล่นไม่เอาไหนอยู่ดีงั้นหรือ”
อันหลิน “…”
อันหลินมองอยู่อีกมุมด้วยความงุนงง ความรู้สึกที่คุ้นเคยรุนแรงแบบนี้ ทำให้เขานึกขึ้นได้ทันทีว่า บนโลกมีเกมหนึ่งที่มีชื่อว่า ลีกออฟเลเจ็นดส์
หญิงสาวคนนั้นหน้าตาสวยมาก บนเรือนร่างอรชรเป็นเสื้อผ้าที่งดงามมาก
ผมสั้นสีชมพูด ชุดกะลาสีม่วงชมพูที่เข้าคู่กัน ถุงน่องสีขาว และถือไม้กายสิทธิ์ขนนกด้ามหนึ่ง… ผู้หญิงคนนี้กำลังคอสเพลย์เป็นลักซาน่า[2]สาวน้อยนักเวทย์ใช่ไหม!
ไม่สิ! นางใช้สกิล ‘พันธนาการแห่งแสง’ ‘ลำแสงสุดท้าย’ อะไรนั่นด้วย
นี่มันเกินขอบเขตของการคอสเพลย์ตัวละครแล้ว นี่มันสาวน้อยนักเวทย์ตัวเป็นๆ เลยไม่ใช่หรือไง!
อันหลินรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก เขาไม่อยากคิดแล้วว่าทำไมหญิงสาวที่พิลึกขนาดนี้ถึงโผล่มาอยู่ตรงนี้ได้
การต่อสู้นี้ทำเอาเขาเหงื่อแตกพลั่ก ความคิดเดียวในตอนนี้ก็คือ ไปจากสถานที่บ้าๆ นี่ให้ไวที่สุด
อันหลินรู้ตัวเองดีกว่า ความกดดันที่น่ากลัว พลังทำลายล้างของสงคราม มันเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณชัดๆ!
เจอกับศัตรูแบบนี้ อัตราความสำเร็จในการซ้ำมีดของเขาแทบจะเท่ากับศูนย์
โบราณกล่าวไว้ว่า อูฐผอมยังตัวใหญ่กว่าม้า[3] ซ้ำร้ายสาวน้อยนักเวทย์คนนี้ยังไม่ตาย หลังผ่านการต่อสู้มานางยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย!
อันหลินกลืนน้ำลาย กลั้นลมหายใจ ย่องออกไปเงียบๆ พยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
แต่ขณะนั้นเอง จู่ๆ ร่างกายของเขาก็หยุดชะงัก ราวกับถูกพลังบางอย่างพันธนาการร่างกาย ขยับไม่ได้เลยสักนิด
มันเป็นบอลแสงเจิดจ้า กำลังพันรอบกายอันหลิน ปล่อยพลังแห่งพันธนาการอันยิ่งใหญ่ออกมา
แย่แล้ว ถูกจับได้เสียแล้ว!
เนื้อตัวของอันหลินเย็นวาบ อุทานในใจ กลัวอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ
“ฮ่าๆ ข้ากำลังกลุ้มอยู่เลยว่าไม่มีใครมาให้ข้าฝึกสกิล เจ้าก็เป็นฝ่ายมาหาถึงที่เลย!”
เสียงดีใจอย่างยิ่งของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังอันหลิน
“คราวนี้ข้าจะใช้สกิล Q E R ต่อเนื่องกัน ปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบให้ได้! อืม ข้าต้องทำได้แน่นอน!”
มีเสียงของหญิงสาวที่ให้กำลังใจตัวเองดังขึ้นจากข้างหลังอีกครั้ง
Q E R ต่อเนื่องงั้นเหรอ เมื่อได้ยินประโยคนี้อันหลินก็น้ำตารื้นแล้ว
ชายผิวแดงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณคนนั้น ก็โดนสกิล Q R เข้าไปก็เกือบตายแล้ว…
แต่จัดการกับนักพรตกายแห่งมรรคขั้นแปดอย่างเรา กลับจะใช้ท่า Q E R ที่โหดเหี้ยมปานนี้เลยเหรอ
อันหลินสูดจมูก สัญชาตญาณบอกเขาว่า หากถูก ‘สำแสงสุดท้าย’ โจมตีล่ะก็ เขาต้องจบเห่แน่!
ในกิจกรรมศึกแห่งอิสรภาพแต่ละครั้ง นักเรียนเคราะห์ร้ายที่มีจำนวนไม่เกินสิบคนนั้น หนึ่งในนั้นมีตัวเองอยู่ด้วยจริงๆ… …………………………….
[1] Q E R เป็นปุ่มลัดสกิลของเกม แทนสกิลที่ 1 2 3 ของตัวละครในเกม
[2] ลักซาน่า หรือ ลักซ์ ตัวละครในเกมลีกออฟเลเจนด์
[3] อูฐผอมตายยังตัวใหญ่กว่าม้า หมายถึง แม้ตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน