ตอนที่ 27 รักษาหลิวเฟิงเจิ้น
แม้หลี่ฮั่วเฉินจะรู้สึกว่า วิธีการรักษาคนไข้ด้วยการปลูกถ่าย จุลินทรีย์ จะเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ในเวลานี้ แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่า วิธีนี้จะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการท้องร่วงได้จริงหรือไม่?
หลังจากที่ไม่สามารถตอบคําถามของฉีเลยได้ในที่สุดหลี่ฮั่วเฉินจึงเป็นฝ่ายย้อนถามชายหนุ่มแทน
“อืมม. ข้อโต้แย้งของเธอฟังดูมีเหตุผลมากทีเดียว แต่แทนที่จะถามฉัน ทําไมถึงไม่บอกฉันมาเลยล่ะว่า ในความเห็นของเธอ เธอคิดว่าลําไส้ของคนไข้มีปัญหาอะไรกันแน่?”
หลี่ฮั่วเฉินเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที เขาต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ ทดสอบดูว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้ จะมีความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์สูงส่ง และล้ําลึกเพียงใด? หรือจะเป็นแค่คนอวดรู้คนหนึ่งเท่านั้น..
“ถ้าต้องการให้ผมวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องแม่นยํา ผมคงต้องขอตรวจอาการคนไข้ดู!”
จากน้ําเสียงและคําพูดของหลี่ฮั่วเฉินเวลานี้ ฉีเลยเข้าใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายกําลังให้โอกาสกับเขา จึงได้แต่ตอบกลับไปอธิบายต่อด้วยสีหน้าที่จริงจังเคร่งขรึม
“แต่จากการสังเกตอาการเบื้องต้นเท่าที่เห็นนั้น ผมคิดว่าอาการเจ็บป่วยของคนไข้ในเวลานี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากสภาวะร้อนภายนอก และเย็นภายใน และต้นเหตุนี้ก็เกิดจากร่างกายของคนไข้นั้นเย็นเกินไป
“ภายในเย็นงั้นเหรอ?”
จ้าวโจวเฉินพูดแทรกขึ้นมาทันที พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าฉีเลย และแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับเขาอย่างชัดเจน
“นี่เธอตาบอดหรือยังไง? ไม่เห็นเหรอว่าผู้ป่วยมีไข้สูงมาก?”
“หุบปาก!”
หลี่ฮั่วเฉินหันไปตวาดใส่หน้าผู้อํานวยการจ้าว คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันแน่น พร้อมกับจ้องมองจ้าวโจวเฉินด้วยดวงตาขถึงทิ้ง
“ถ้าคุณมีแผนการรักษาที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็พูดมา! แต่ถ้าไม่มีก็ยืนเฉยๆ แล้วก็หุบปากซะ!”
“พระเจ้า….”
ในขณะที่จ้าวโจวเฉินถึงกับนิ่งเงียบพูดไม่ออก แพทย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง ต่างก็ได้แต่ร้องอุทานอยู่ในใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเช่นเดียวกันว่า เรื่องที่เหลือเชื่อที่สุด ได้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว!
“ท่านหมอหลีถึงกับสั่งให้ผู้อํานวยการจ้าวหุบปากเชียวเหรอนี่? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”
เวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็รู้สึกว่า สมองของพวกเขายังมีไม่เพียงพอ ที่จะคิดหาเหตุผลให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดได้แต่ร้องอุทานอยู่ภายในใจว่า
“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อจริงๆ!”
หลี่ฮั่วเฉินไม่แม้แต่จะสนใจแพทย์คนอื่นๆในห้อง เขาหันไปถามนี่เล่ยต่อทันที “สิ่งที่เธอกําลังจะบอกก็คือ.. เนื่องจากชีใน ร่างกายของคนไข้เย็นเกินไป จึงทําให้ลําไส้ทํางานผิดปกติอย่างนั้นหรือ? แล้วนี่ก็คือต้นเหตุที่ทําให้คนไข้มีอาการถ่ายไม่หยุด และเพราะสาเหตุนี้ ยาฆ่าเชื้อต่างๆจึงไม่สามารถใช้ได้ผลกับคนไข้สินะ?”
ฉีเลยพยักหน้า และตอบกลับไปทันที “ใช่ครับ!”
หลี่ฮั่วเฉินทําสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถามฉีเล่ยต่อว่า “ในเมื่อเธอบอกว่าภายในของคนไข้เย็นเกินไป แล้วเรื่องไข้ที่ สูงล่ะเธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?”
ฉีเล่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว “สาเหตุก็เกิดจากพลังเย็นนี้เช่นกัน! เมื่อหานเสีย*ควบแน่นอยู่ภายในร่างกาย ก็จะทําการขับไอร้อนที่อยู่ภายในออกมานอกร่างกาย และไอร้อนเหล่านั้นก็จะมารวมกันอยู่ตามพื้นผิวของร่างกาย ทําให้ผู้ป่วยมีไข้สูงยังไงล่ะครับ!”
หลี่ฮั่วเฉินได้แต่พยักหน้าหมึกๆ พร้อมกับพึมพําเบาๆ “อืมม.. ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล!”
หลังจากที่แพทย์คนอื่นๆ หายจากอาการตกใจเมื่อครู่ และกลับมาพบว่า เวลานี้ท่านหมอหลี่กําลังปรึกษาหารือเรื่องอาการปวยของคนไข้ กับแพทย์ฝึกหัดอย่างเอาจริงเอาจัง พวกเขาก็ถึงกับต้องตกใจอย่างมาก ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
ในขณะที่จ้าวโจวเฉินนั้น ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆหลี่ฮั่วเฉินด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ําจนเกือบม่วง เพราะความโมโหโทโส
หลังจากที่ถูกหลี่ฮั่วเฉินตวาดไล่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชามากมายเช่นนี้ จ้าวโจวเฉินก็รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก และเวลานี้เขาก็ทั้งโกรธและอับอาย จนแทบอยากจะมุดรูหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว
ในฐานะที่เป็นถึง “แพทย์หลวง” หลี่ฮั่วเฉินย่อมมีความรู้ที่กว้าง และลึกมากกว่าจ้าวโจวเฉิน จึงไม่ได้คิดอะไรตื้นเขินเช่น
เขา
ในกระบวนการดูแลรักษาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนั้น นอกจากในทีมแพทย์จะมีแพทย์แผนปัจจุบันแล้วยังจะต้องมีแพทย์แผนจีนร่วมทีมอยู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลี่ฮั่วเฉินจึงได้มีโอากาสติดต่อ และสนทนาแลก เปลี่ยนความรู้ด้านการแพทย์ กับแพทย์แผนจีนอยู่เป็นประจําสม่ําเสมอ ทําให้เขาได้พบเห็นความอัศจรรย์ของแพทย์แผนจีนอยู่หลายต่อหลายครั้ง
และที่สําคัญ ทําให้เขามีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐานของแพทย์แผนจีนด้วย และในฐานะหัวหน้าทีมแพทย์หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเลย โอกาสที่จะรักษาผิดพลาดหากเกิดโรควิกฤตินั้น จึงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
และในการรักษาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ ต้องไม่ มีคําว่าผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!
การได้เป็นแพทย์ประจําตัวติดตามผู้บริหารระดับสูงของประเทศก็ไม่ต่างจากการติดตามพยัคฆ์ร้าย หากไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจเกิดอันตรายกับตัวเองได้!
หลี่ฮั่วเฉินก้าวเข้าไปใกล้ฉีเลยมากขึ้น พร้อมกับถามขึ้นว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกฉันทีว่า พลังเย็นพวกนั้นเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”
ฉีเลยส่ายหน้าไปมาพร้อมตอบกลับไปว่า “เรื่องนั้นอธิบายได้ยาก ผมจําเป็นต้องตรวจคนไข้อย่างละเอียดอีกครั้งก่อน จึงจะสามารถตอบได้”
“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว!”
จากนั้น หลี่ฮั่วเฉินก็หันไปบอกไต่คุนว่า “ท่านผู้ว่าผมขอเสนอให้หมอหนุ่มคนนี้เป็นคนรักษาภรรยาของคุณ!”
“ท่านหมอหลี่ มันจะไม่เหมาะสมนะครับ”
ผู้อํานวยการโจวรีบร้องทัดทานขึ้นทันที แต่หลี่ฮั่วเฉินกลับยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับประกาศต่อหน้าทุกคนว่า
“เรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นเอง!”
เวลานี้ ไต่คุนเองก็ยังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ยังไม่ต้องการที่จะสอบถามอะไรตอนนี้ อีกทั้งภายในห้องนี้ผู้ที่มีทักษะทางการแพทย์ล้ําเลิศที่สุดก็คือหลี่ฮั่วเฉิน ในเมื่อเขายืนยันที่จะให้แพทย์ฝึกหัดคนนี้ทําการรักษา ย่อมต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่!
“ตกลง!”
ไต่คนพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ในเมื่อท่านหมอหลี่เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ในครั้งนี้ ทุกอย่างก็ขอให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณก็แล้วกัน!”
ความจริงแล้ว หลังจากที่ได้เห็นท่าที่เปลี่ยนไปของหลี่ฮั่วเฉิน ไต่คนก็ได้แต่สันนิษฐานอยู่ในใจว่า แพทย์ฝึกหัดคนนี้น่าจะต้องเป็นหมอที่ต่งซีหยุนเล่าให้เขาฟังแน่ แต่เป็นเพราะภายในห้องมีคนอยู่มากมาย เขาจึงยังไม่ต้องการถามเรื่องนี้ขึ้นมา
ไต่คุนไม่เพียงมีตําแหน่งเป็นถึงผู้ว่าประจํามณฑล แต่เขายังมีธุรกิจอยู่ในมืออีกมากมาย จึงไม่เหมาะสมที่จะให้คนนอกได้รู้ว่า คนที่มีตําแหน่งอยู่ในราชการอย่างเขา จะมี ความสนิทสนมใกล้ชิดกับพวกนักธุรกิจ
เพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดในอาชีพ ทุกคนต่างก็มีวิธีการ และหนทางของตัวเอง..
เมื่อเห็นว่าไต่คุนยินยอมตามนั้น หลี่ฮั่วเฉินจึงได้ เดินนําฉีเลยออกไปจากห้องนั่งเล่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉีเลย ตามฉันมา!”
ภายในห้องผู้ป่วย เมื่อหลิวเฟิงเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาเธอก็ลืมตาขึ้นมองหลี่ฮั่วเฉินทันที พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสี หน้าและน้ําเสียงกระวนกระวายใจอย่างมาก
“คุณหมอหลีไม่จําเป็นต้องอธิบายอะไรค่ะ ฉันขอปฏิเสธการรักษา และไม่ยินยอมที่จะรักษาด้วยวิธีที่คุณแนะนํา!”
หลี่ฮั่วเฉินไม่ถือสา และหันไปพูดกับคนไข้ด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้น จะทดลองรักษาด้วยแพทย์แผนจีนมั้ยล่ะ?”
หลิวเฟิงเจิ้นถึงกับหน้าเสีย เพราะคิดไม่ถึงว่าหลี่ฮั่วเฉินจะไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้น เธอจึงได้แต่ทําสีหน้ากระอักกระอ่วนและตอบกลับไปว่า
“ขอแค่ไม่ใช่วิธีที่น่าเกลียดนั้น ฉันก็ยอมที่จะรักษาค่ะ…”
หลิวฮั่วเฉินโบกมือส่งสัญญาณให้ฉีเลยเข้ามาในห้อง และให้เขาได้ทําการรักษาคนไข้ดู หากเป็นหมอคนอื่น คงจะต้องตื่นเต้นอย่างมาก ที่จู่ๆ ก็ต้องมาทําการรักษาให้กับภรรยาท่านผู้ว่าประจํามณฑลแบบนี้
แต่ฉีเลยกลับมีสีหน้าสงบนิ่งอย่างมาก และทันทีที่หลี่ฮั่วเฉินกวักมือเรียก ชายหนุ่มก็ก้าวเดินเข้าไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีอาการตื่นกลัวแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
หลี่ฮั่วเฉินเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่นึกชมอยู่ในใจ “หมอฝึกหัดคนนี้นอกจากจะมีความรู้ทางการแพทย์ที่ไม่ธรรมดาแล้วลักษณะท่วงท่า สีหน้า และความมั่นอกมั่นใจ ยังไม่ต่างจากแพทย์แผนจีนระดับประเทศที่ฉันเคยพบเห็นมาอีกด้วย!”
หลังจากที่ได้เห็นว่า แพทย์แผนจีนคนนี้ยังคงหนุ่มแน่น หลิวเฟิงเฉินก็เริ่มรู้สึกคลางแคลงใจเป็นอย่างมาก!
“เท่าที่ฉันเคยเห็นมา หมอจีนเก่งๆ จะต้องมีอายุ แล้วก็มีหนวดเคราขาวโพลนไม่ใช่เหรอ? แต่นี่ทําไมยังดูหนุ่มแน่นอยู่เลย..
ในเมื่อรู้สึกสงสัย หลิวเฟิงเจิ้นจึงได้เอ่ยถามเลยว่า “นี่เธอเคยรักษาคนไข้มาก่อนหรือเปล่า?”
ฉีเลยฟังแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบคําถามคนไข้ เพียงแต่ร้องบอกด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“ท่านหมอหลี่เป็นคนอนุมัติให้ผมมารักษาคุณเองครับ! ขอผมตรวจชีพจรคุณหน่อยนะครับ!
หลิวเฟิงเจิ้นถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแม้ว่าเธอจะคัดค้านแผนการรักษาของหลี่ฮั่วเฉิน แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในฝีมือและความรู้ทางการแพทย์ของเขา ในเมื่อหลี่ฮั่วเฉินเป็นคนอนุมัติด้วยตัวเองเช่นนี้ เธอก็รู้สึกมั่นอกมั่นใจขึ้นมาทันที
หลังจากสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไข้ได้แล้ว ฉีเลยก็ได้วางนิ้วมือทั้งสามของตนเอง ลงไปบนข้อมือของคนไข้ จากนั้นจึง นั่งหลับตานิ่งเงียบ คล้ายกับหลวงจีนที่กําลังนั่งทําสมาธิ
จ้าวโจวเฉินอยากจะพุ่งเข้าไปหยุดเล่ย แต่ก็เกรงว่าถูกหลีฮั่วเฉินตวาดใส่หน้าอีกครั้ง จึงได้แต่ถอยกลับมา และพยายามกล้ํากลืนคําพูดทั้งหมดกลับเข้าไปในลําคอ
หลังจากทําการจับชีพจรที่ข้อมือขวาแล้ว ฉีเลยก็ลุกขึ้นไปยีนอีกด้านของเตียง และทําการตรวจชีพจรที่ข้อมือซ้ายของคน
จนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งนาที ในที่สุดฉีเล่ยก็พูดกับหลิวเฟิงเจิ้นว่า “คุณรู้สึกเย็นบริเวณท้อง แล้วก็ปวดท้องใช่มั้ยครับ?”
หลิวเฟิงเฉินเพียงแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง..
“คุณรู้สึกมีอาการบวมที่หน้าอก ปวดศรีษะ ปวดหลัง แผ่นหลังแข็งตึง แล้วก็จมูกแห้งใช่มั้ยครับ?”
ในระหว่างที่เอ่ยถาม ฉีเลยก็ได้ออกแรงกดที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของหลิวเฟิงเจิ้น และค่อยๆไล่ไปจนถึงข้อศอกของเธอ จากนั้นก็จับนิ้วมือของเธอขยับไปมา แล้วจึงออกแรงกดลงบนปลายนิ้วชี้อีกครั้ง
หลังจากที่ทําแบบเดิมซ้ําๆอยู่เช่นนี้ถึงสองครั้ง จู่ๆ หลิวเฟิงเจิ้นก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย!”
หลิวเฟิงเจิ้นลืมตาขึ้นมาทันที พร้อมกับระส่ําระลักพูดออกไปว่า “ฉัน.. ฉันไม่รู้สึกปวดท้องแล้ว ฉัน.. เอ่อ. คุณหมอช่วยกดแบบเมื่อกี้อีกเร็วเข้า!”
น้ําเสียงของหลิวเฟิงเจิ้นดูกระตือรือร้น แล้วก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก!
*หานเสีย ปัจจัยก่อโรคที่เกิดจากความเย็น – ความเย็นเป็นปัจจัยภายนอกที่ทําให้เกิดโรค มีลักษณะคือ ทําให้หนาวเย็นเกาะจับตัว เป็นต้น
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : ยอดคุณหมอสกุลเฉิน
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ําเลิศยิ่ง
“เถ้าแก่เฉิน! ครั้งก่อนคุณสละชีวิตเพื่อช่วยผม แต่ครั้งนี้ผมได้สละชีวิตของตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตของลูกสาวคุณแล้ว
“หนี้ชีวิตที่ผมติดค้างคุณ ผมได้ชดใช้คืนให้จนหมดแล้ว
“เวลานี้ ผมเป็นอิสระแล้ว!”
เรื่อง : ลูกเขยยอดนักฆ่า
เขาคือนักฆ่าอันดับหนึ่งในโลกของวงการทหารรับจ้างฉายาของเขาคือ นักฆ่าอาซูร่า”
ศัตรูได้ยินเพียงแค่ชื่อของเขา ก็ถึงกับหวาดกลัวจนหัวหด!!
เขามีทักษะทางด้านการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา “เก้าเข็มเปิดนภา” ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ําเลิศอย่างไร้ที่ติของเขานี้ ได้ช่วยชีวิตของผู้คนในสนามต่อสู้ไว้ได้มาก มายอย่างนักไม่ถ้วน
และด้วยความบังเอิญ เขาได้กลายมาเป็นลูกเขยของตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง
หลายคนอาจคิดว่าการเป็นลูกเขยในตระกูลที่ร่ํารวยมั่งคั่งเช่นนี้ คงจะต้องทนอยู่อย่างอัปยศอดสู และถูกเหยียดหยามสินะ?
แต่มิใช่หลินหนาน!! เขาคือลูกเขยที่พ่อตารักยิ่ง และกลายเป็นลูกเขยผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้!