ตอนที่ 50 ค่าตัว + ตอนที่ 51 ฝันสลาย

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ตอนที่ 50 ค่าตัว

เธอคิดว่าครั้งนี้จะต้องถูกโบยเสียอีก

ทว่าครั้งนี้เล่อเหยาเหยาไม่เพียงไม่ถูกโบย และเนื่องจากอาหารที่ทำเมื่อตอนเช้าเป็นมื้อที่ท่านอ๋องเสวยได้มากที่สุด ดังนั้นพ่อครัวหลี่ไม่เพียงได้อยู่ทำงานต่อ ท่านอ๋องยังประทานรางวัลให้พวกเขาทั้งสามคน คนละสองตำลึงเงิน

เมื่อหยิบสองตำลึงเงินก้อนเล็กๆ ขึ้นมา เล่อเหยาเหยาพลิกซ้ายพลิกขวาดูพร้อมชั่งน้ำหนักในมืออยู่นาน ก่อนที่จะขมวดคิ้ว พลางพลุ้ยปากร้องเสียงดังขึ้น

“สองตำลึงเงิน ท่านอ๋องขี้เหนียวชะมัดเลย!”

สองตำลึงเงินสามารถซื้ออะไรได้กัน!

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เสี่ยวมู่จื่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามส่งเสียงฟู่ขึ้นมา น้ำแกงผักที่เพิ่งกินเข้าไปถูกพ่นออกมาทั้งหมด ยังดีที่เล่อเหยาเหยาหลบได้ทัน ไม่งั้นต้องถูกพ่นจนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำแกงแน่

อยากรู้นัก เมื่อเช้าเธอเพิ่งถูกหัวหน้าขันทีลี่พ่นน้ำลายใส่จนเต็มหน้า จึงไม่อยากถูกพ่นน้ำแกงพ่นใส่หน้าตอนกินข้าวมื้อกลางวันอีก!

“เสี่ยวมู่จื่อ เจ้าทำอะไร!”

หลังจากหลบพ้น เล่อเหยาเหยาจ้องไปที่เสี่ยวมู่จื่อที่อยู่ตรงข้ามอย่างเกรี้ยวกราด

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ข้ารับใช้ในตำหนักอ๋องทุกคนจึงหมุนเวียนกันมากินอาหารที่โรงอาหารแห่งนี้

ทว่าเพราะสมัยโบราณมีการแบ่งแยกชนชั้นที่ชัดเจน ดังนั้นแม้เป็นเพียงโรงอาหารก็มีการแบ่งระดับ

ตัวอย่างเช่นหัวหน้าขันทีลี่ผู้ยิ่งใหญ่ในตำหนักอ๋องแห่งนี้ นอกจากท่านอ๋องเขาคือคนที่มีอำนาจมากที่สุด

ดังนั้นอาหารทุกมื้อของหัวหน้าขันทีลี่ล้วนกินอยู่ที่ห้องของตัวเอง และอาหารยังหลากหลายอีกด้วย!

นอกจากหัวหน้าขันทีลี่ ในตำหนักอ๋องยังมีหัวหน้าอีกหลายคน พวกเขาต่างทำหน้าที่ในแต่ละฝ่ายของตำหนักอ๋อง และยังต้องจัดการคนที่อยู่ในอีกจำนวนไม่น้อย

เหล่าหัวหน้าพวกนี้จะได้กินอาหารอยู่อีกห้อง ทั้งอาหารก็ไม่เลวทีเดียว

มีทั้งปลา เนื้อ ผัก รวมถึงน้ำแกงกระดูกหมูอีกเป็นต้น

เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ อาหารของคนที่เหลือในตำหนักอ๋องเป็นเพียงอาหารปกติ

โดยเฉพาะขันทีหน้าใหม่อย่างเล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อที่เพิ่งเข้าวังมาหนึ่งเดือน

เพราะเพิ่งเข้ามาตำหนักอ๋อง ระดับชั้นจึงเป็นชั้นที่ต่ำที่สุด อาหารที่กินจึงแย่ยิ่งกว่าเสียเสียอีก

น้ำแกงผักหนึ่งถ้วย หมั่นโถวสองลูก และจานเล็กๆ ที่เรียกว่าเนื้อผัดผัก ความจริงการค้นหาชิ้นเนื้อจากเนื้อผัดผักจานนี้ยากเสียกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก

และข้าวสวยที่ตักได้ตามใจ หากไม่อิ่มสามารถตักข้าวเพิ่มได้

เมื่อก่อนตอนที่อยู่โรงเรียน อาหารที่กินแม้จะไม่ดีมาก แต่ถ้าเทียบกับที่นี่เล่อเหยาเหยารู้สึกอย่างร้องไห้ขึ้นมา

โดยเฉพาะตอนนี้ร่างกายเธอยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ถ้ากินพวกนี้ทุกวัน แล้วเมื่อไหร่คัพเอของเธอถึงจะกลายเป็นคัพซี!?

ยังมีร่างกายราวถั่วแขกของเธอที่ขาและแขนเล็กสั้นนี้ เมื่อไหร่ถึงจะโตขึ้น!?

เธอไม่อยากเป็นคนแคระ!

ดังนั้น เมื่อหัวหน้าขันทีลี่ให้เงินรางวัลสองตำลึงเงินแก่เธอ เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกสงสารตัวเองมาก ไม่รู้ว่าเงินสองตำลึงเงินนี้จะซื้อไข่ไก่และมะละกอบำรุงตนได้มากขนาดไหน!

คาดไม่ถึงว่าขณะที่เล่อเหยาเหยาบ่นเรื่องนี้ให้เสี่ยวมู่จื่อฟัง กลับทำให้เสี่ยวมู่จื่อตื่นตกใจเช่นนี้

ทว่าก็ไม่แปลก เนื่องจากเล่อเหยาเหยาเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกจึงไม่เข้าใจเรื่องราวที่นี่ และไม่รู้ชัดว่าสองตำลึงเงินนี้ สำหรับขันทีน้อยเช่นพวกเขาเป็นรางวัลที่มีค่ามากเลยทีเดียว

“เสี่ยวเหยาจื่อ เมื่อวานเจ้าคงไม่หกล้มจนเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่!? เจ้ายังจำตอนที่เราขายตัวมาที่นี่ว่าได้กี่ตำลึงเงินหรือไม่?”

เสี่ยวมู่จื่อที่นั่งอยู่ตรงข้าม พลันดวงตาเบิกกว้าง มองยังเล่อเหยาเหยาอย่างสงสัยและตกใจ

เมื่อเห็นเสี่ยวมู่จื่อมีสีหน้าตกใจ เล่อเหยาเหยากลับดื่มน้ำแกงผักอย่างสบายอกสบายใจพร้อมพยักหน้าเอ่ยพูดออกมาตามจริง

“ไม่รู้!”

…………………………………………………………………..

ตอนที่ 51 ฝันสลาย

เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ อีกทั้งความทรงจำที่ผ่านมาของเจ้าของร่างนี้ล้วนไม่มีเลย เธอจะรู้ว่าเจ้าของร่างนี้ขายตัวมาเท่าไหร่ที่ไหนกัน

ดังนั้นเมื่อเล่อเหยาเหยาได้ยินประโยคต่อมาของเสี่ยวมู่จื่อ จึงตกใจจนพ่น้ำแกงผักที่กินเข้าไปเมื่อครู่ออกมาจนหมด

“อะไรนะ!? เจ้าว่าเท่าไหร่กัน!?”

“ไอหยา เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าอยากตายหรือไร ถึงพ่นน้ำแกงเต็มหน้าข้าเช่นนี้!”

เสี่ยวมู่จื่อที่ถูกเล่อเหยาเหยาพ่นน้ำแกงใส่ที่ใบหน้า ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำแกงออกจากหน้า พลางกล่าวโทษเล่อเหยาเหยา

ทว่าเสี่ยวมู่จื่อทราบดีว่าเล่อเหยาเหยาตั้งแต่เมื่อวานเปลี่ยนไปเป็นคละคน จำเรื่องราวมากมายไม่ได้ แต่เขาคิดเพียงว่าเล่อเหยาเหยาหกล้มจนสมองเสียหาย ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ

“สองตำลึงเงิน ตอนที่พวกเราขายตัวเข้ามาที่ตำหนักอ๋อง เงินค่าตัวคือสองตำลึงเงิน อีกทั้งลงนามในสัญญาเวลาสามปี”

เสี่ยวมู่จื่อชูนิ้วขึ้นพลางเอ่ยอธิบาย

เมื่อได้ยินคำพูดเสี่ยวมู่จื่อ มุมปากเล่อเหยาเหยาจึงอดกระตุกไม่ได้ ด้วยสีหน้าพูดไม่ออก

คิดไม่ถึงว่าคนที่นี่จะไร้ค่าเช่นนี้ แถมร่างนี้ยังมีค่าแค่สองตำลึงเงิน

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว ฮือๆ ชีวิตช่างลำบากเสียจริง!

อาจเพราะเห็นใบหน้าโศกเศร้าของเล่อเหยาเหยา เสี่ยวมู่จื่อจึงนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนเอ่ยปลอบใจ

“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าอย่าทำเช่นนี้สิ หรือเจ้าลืมไปว่าแม้ค่าตัวพวกเราจะมีค่าเพียงสองตำลึงเงิน ทว่าภายในสามปีนี้ ทุกเดือนพวกเรายังจะได้เบี้ยหวัดอีกสองตำลึงเงินนะ!”

“อะไรนะ!? ถ้าอย่างนั้นทำงานอีกเดือนเดียวจนได้สองตำลึงเงิน ข้าก็สามารถไถ่ตัวเองออกไปจากที่นี่ได้ใช่หรือไม่!?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาที่หมดอาลัยตายยาก พลันร่างกายราวถูกฉีดเลือดไก่ หลังเสียงตึงดังขึ้นเล่อเหยาเหยาเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น

เพราะถึงอย่างไรเธอไม่อยากอยู่ที่ตำหนักอ๋องแห่งนี้ โดยเฉพาะพญายมแสนน่ากลัวของที่นี่ แม้เขาจะไม่เคยทำอะไรเธอ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขาความหวาดกลัวจะพรั่งพรูออกมาจากใจ

เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่สอบได้คะแนนไม่ดี ถูกครูที่ปรึกษาปีศาจเรียกไปพบที่ห้องทำงาน สายตาอันดุร้ายและความกดดันที่มองไม่เห็นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด!

ดังนั้นหากพบกับโอกาส เธอจะไปจากที่นี่แน่นอน!

โดยเฉพาะเมื่อเธอทะลุข้ามมิติเวลามาแล้ว ต้องเดินทางออกตระเวนไปตามแคว้นต่างๆ เพื่อชมวิถีชีวิตชาวบ้านแต่ละแห่ง ถึงจะเสียแรงเปล่ามาที่นี่

บางทีขณะที่เธอกำลังท่องเที่ยวไปทุกที่ อาจจะพบกับชายหนุ่มสุดหล่อ จากนั้นทั้งสองเหมือนรักแรกพบ ค่อยๆ ตกหลุมรักกัน และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเหมือนดั่งเทพนิยาย

ยิ่งคิดภายในสมองของเล่อเหยาเหยาวาดภาพฉากอันสวยงามออกมาออกมาไม่หยุด ดวงตากลมโตงดงามคู่นั้นเปล่งประกายแวววาวแสนงดงามออกมา!

ทว่าน่าเสียดายมันเป็นเพียงความฝันอันงดงาม แต่ในความจริงกลับเป็นสิ่งที่โหดร้าย ประโยคต่อมาของเสี่ยวมู่จื่อเหมือนดั่งน้ำเย็นที่ถูกสาดลงบนศีรษะของเธอ

“เสี่ยวเหยาจื่อเจ้าลืมอีกแล้วหรือ!? สัญญาขายตัวที่พวกเราทำบนนั้นระบุไว้ชัดเจนว่า หากลงนามแล้วภายในสามปีมีเงินพอไถ่ตัวได้ ล้วนต้องรอให้ครบสามปีก่อนถึงจะยกเลิกสัญญาได้ ดังนั้นสามปีนี้เราจำเป็นต้องอยู่ในตำหนักอ๋องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด!”

…………………………………………………………………..