ตอนที่ 24 เด็กชายที่ดูสนิทชิดเชื้อ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานคิดว่าการสอบต่อไปยังคงมาแบบทีละอัน ไม่คาดคิดว่าพอมาถึงสถานที่แล้วเธอจะพบว่ามันแตกต่างจากที่เธอคิดเอาไว้

การสอบความอดทนและความเร็วจัดอยู่ในสถานที่เดียวกัน สถานที่แห่งนี้ก็คือสนามกีฬาขนาดใหญ่ของสถาบัน

เมื่อหลิงหลานกับหลิงฉินมาถึงที่นั่นและกำลังคิดจะเข้าไป หลิงฉินก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาการณ์อยู่หน้าประตูที่ติดตามมาด้วยขวางเอาไว้ และบอกให้รู้ว่าผู้ปกครองเข้าไปเป็นเพื่อนไม่ได้

เดิมทีหลิงหลานก็ไม่ต้องการการคุ้มกันของหลิงฉิน เพียงแต่เธอใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธน้ำใจของคุณปู่พ่อบ้านที่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิงมาทั้งชีวิต พอเห็นสายตากังวลใจของหลิงฉิน เธอก็รีบปลอบเขารอบหนึ่งถึงค่อยเอ่ยลาและเข้าไป การกระทำที่เอาใจใส่นี้ถูกเจ้าหน้าที่ที่ติดตามหลิงหลานสังเกตเห็น

“ไม่นึกว่าเธอจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรขนาดนี้…” เจ้าหน้าที่ที่พาหลิงหลานเดินเข้าไปข้างในกล่าวชมเชย เขาเห็นเด็กมากมายที่ร้องไห้โวยวาย เบื่อหน่าย และมีสีหน้าการกระทำต่างๆ ที่ดูอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป หลิงหลานที่อยู่ในรูปแบบปลอบโยนราวกับผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ แบบนี้ทำให้เขาประหลาดใจไม่หยุด

หลิงหลานยิ้มและไม่กล่าวอะไร จะพูดไม่ได้ว่า ฉันอายุสามสิบกว่าแล้ว ยังจะทำตัวเหมือนเด็กที่จากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้ด้วยเหรอ

บางทีสีหน้าสงบนิ่งและนิสัยที่ดีและใจเย็นของหลิงหลานอาจทำให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเป็นเพื่อนคนนี้รู้สึกดีมาก ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่เด็กบนสนามหญ้าผืนใหญ่ตรงหน้าและอธิบายว่า “ทางนั้นคือเด็กที่เตรียมตัวเข้ารับการสอบ เด็กทางด้านขวาสุดที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยคือเด็กสามัญชน ตรงกลางคือเด็กที่มาจากครอบครัวในระบบกองทัพและรัฐบาล เด็กกลุ่มใหญ่สุดทางด้านซ้ายคือลูกหลานของตระกูลสูงศักดิ์”

หลิงหลานมองไปตามการชี้บอกของเขาและก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยที่กระจุกรวมกันอยู่บนหญ้าฝั่งนั้นต่างก็เป็นเด็กที่เข้าเรียนในปีนี้

มีสถาบันลูกเสือที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้อยู่บนดาวโดฮานับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม สถาบันลูกเสือที่หลิงหลานจะเข้าเรียนแห่งนี้ก็คือสถาบันลูกเสือที่ดีที่สุดในโดฮา ไม่มีที่ไหนเทียบได้ เด็กที่มีคุณสมบัติเข้าสอบของโรงเรียนนี้นอกจากจะเป็นเด็กในตระกูลใหญ่ต่างๆ ที่เดิมทีครอบครองโควตาการสอบ รวมไปถึงพวกเด็กที่มาจากครอบครัวในระบบกองทัพและรัฐบาลแล้ว ยังมีเด็กที่ได้สืบทอดบำเหน็จความชอบเหมือนกับหลิงหลาน เด็กที่สืบทอดบำเหน็จความชอบอาจจะเป็นสามัญชน ตระกูลชั้นสูง และอาจจะมาจากครอบครัวในระบบกองทัพและรัฐบาล ดังนั้นจึงได้แบ่งเด็กออกเป็นสามกลุ่มบนสนามกีฬาอย่างคลุมเครือ

แน่นอนว่าเด็กที่สอบไม่ผ่านจะต้องกลับไปเรียนในสถาบันลูกเสือที่อยู่ใกล้บ้านตัวเองมากที่สุด นี่ก็คือเรื่องที่ช่วยไม่ได้ สถาบันศูนย์กลางลูกเสือของดาวโดฮาต้องการแค่นักเรียนที่ดีที่สุดเท่านั้น พวกเขายอมขาดคนดีกว่ารับคนด้อยคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม เด็กที่สอบไม่ผ่านส่วนใหญ่เป็นเด็กสามัญชนที่มาจากการสืบทอดบำเหน็จความชอบ ทางสถาบันประกาศกับสาธารณะว่า คุณสมบัติร่างกายของเด็กเหล่านี้ไม่ถึงมาตรฐานการเข้าเรียนของสถาบัน ส่วนเรื่องจะมีเบื้องหลังอื่นหรือไม่ นั่นก็ไม่อาจรับรู้ได้

เนื่องจากสถาบันแห่งนี้เลื่องชื่อว่าต้องการนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุด ทุกปีจะเปิดห้องเด็กห่วยแค่สองห้อง…แน่นอนว่าคุณต้องมีเงิน มีอิทธิพล และมีฐานะ!

หลิงหลานรู้ว่านี่คือความหวังดีของเจ้าหน้าที่ เธอรีบส่งรอยยิ้มและเอ่ยว่า “ขอบคุณครับ!”

ต้องบอกว่ารอยยิ้มของหลิงหลานงดงามมาก รอยยิ้มนี้ซึมลึกลงไปถึงไขกระดูกของเธอ ขอเพียงใครหวังดีกับเธอ เธอก็ไม่หวงแหนรอยยิ้มนี้ ชาติก่อนเธอก็อาศัยรอยยิ้มนี้ได้รับความรักเอ็นดูของหมอและพยาบาลในโรงพยาบาล และบวกกับหน้าตางดงามที่สืบทอดข้อดีของบิดามารดาโดยสมบูรณ์ในชาตินี้ ทำให้รอยยิ้มยิ่งมีพลังทำลายล้างเต็มเปี่ยม

เจ้าหน้าที่อดมองด้วยความตะลึงงันไม่ได้ เขาเผลอถูจมูก จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครสนใจถึงค่อยกล่าวเตือนว่า “เจ้าหนู ต่อไปอย่ายิ้มแบบนี้นะ มันไม่ดีกับเธอ”

ถ้าหากบ้านของเด็กคนนี้ไม่มีอิทธิพลมากพอ เวลานี้อายุยังน้อยบางทีอาจจะไม่มีอันตรายมาก แต่ถ้าผ่านไปห้าปีสิบปี ก็ไม่แน่ใจแล้ว

หลิงหลานได้ยินคำพูดก็อึ้งไป เธอกำลังอยากจะเอ่ยถาม แต่เพราะว่าเจ้าหน้าที่ส่งเธอถึงสถานที่แล้ว รอบด้านต่างเป็นผู้คนทำให้ไม่เหมาะจะเอ่ยปาก หลิงหลานเลยได้แต่บอกลาเขาท่ามกลางสายตากังวลและรักเอ็นดูปนสงสารของอีกฝ่าย

“เสี่ยวซื่อ นายว่าเมื่อตะกี้นี้คนๆ นั้นหมายความว่าอะไรน่ะ” หลิงหลานขมวดคิ้วถามเสี่ยวซื่อ

เสี่ยวซื่อไม่พูดอะไร มันเพียงแต่คัดลอกรอยยิ้มของหลิงหลานเมื่อสักครู่นี้มาวางให้เธอดู หลิงหลานไม่เคยเห็นรอยยิ้มในตอนนี้ของตัวเองมาก่อน เธอรู้ว่ารอยยิ้มของเธอสวยมาก สามารถทำให้คนปล่อยวางจิตใจที่ระแวดระวัง สามารถทำให้คนรู้สึกเบิกบาน แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของตัวเอง เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเตือนเธอ

แม่งเอ๊ย ที่แท้หน้าตาดีก็เป็นปัญหาเหมือนกัน อย่างมากเมื่อก่อนเธอก็แค่ดูสวยบอบบาง ยิ้มแล้วทำให้คนรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน รูปลักษณ์แบบยูนิเซ็กส์ของเธอบวกกับใบหน้าที่งดงาม เมื่อยิ้มแบบนี้ด้วยแล้วก็ดูล่อลวงจิตวิญญาณผู้คนได้รางๆ นี่ยังเป็นแค่เด็กอายุหกขวบนะ ถ้าโตขึ้นอีกหน่อย…

หลิงหลานไม่เชื่อว่าความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันจะสิ้นสุดลงในยุคนี้ ถึงแม้ว่าความจริงแล้วเธอเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ไม่อยากให้เกย์มาบอกรักเธอนะ

หลิงหลานตัดสินใจในชั่วพริบตาว่าต่อไปเธอจะยิ้มแบบนี้ไม่ได้แล้ว

เมื่อหลิงหลานเดินเข้าไปก็ทำให้เด็กทั้งสามกลุ่มส่งสายตาทอดมองเข้ามา ก็เหมือนกับที่พูดไว้เมื่อสักครู่นี้ หลิงหลานมีหน้าตาที่ไม่เลวจริงๆ ต่อให้อยู่ในสถานที่ที่มีแต่สาวสวยหนุ่มหล่อ เธอก็อยู่ในระดับชั้นยอด และเด็กๆ ก็แสดงความชื่นชอบของพวกเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา เด็กที่หน้าตางดงามย่อมเป็นที่นิยม

ดังนั้น ในตอนที่หลิงหลานยังไม่ได้เลือกว่าจะทำอย่างไรดี เด็กรูปร่างแข็งแกร่งที่ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มครอบครัวทหารและรัฐบาลก็โบกมือให้เธอแรงๆ แล้วยังตะโกนเสียงดังว่า “ที่นี่ ที่นี่ รีบเข้ามาเร็ว!”

หน้าผากของหลิงหลานขึ้นขีดดำ ร้อนแรงขนาดนี้ หมอนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมเธอไม่รู้จักล่ะ

ทว่าการทักทายของอีกฝ่ายก็ตัดความกลุ้มใจของเธอทิ้งไป ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปช้าๆ แน่นอนว่าเธอต้องช้าอยู่แล้ว ถ้าหากเธอเข้าใจผิด หมอนั่นแค่ทักทายเด็กที่อยู่ด้านหลังเธอขึ้นมา เธอก็สามารถหลีกเลี่ยงการขายหน้าไปได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ความกังวลใจของหลิงหลานก็ไม่จำเป็นเลย เด็กคนนั้นทักทายเธอจริงๆ เพราะว่าเธอยังเดินไปไม่ถึงครึ่งทาง เขาก็วิ่งเข้ามาลากเธอไปด้วยความที่รอไม่ไหว

หลิงหลานมองมือเล็กๆ ที่กุมมือเธอเองแล้วก็ครุ่นคิดด้วยความกลัดกลุ้มว่า เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงจูงมือเธออย่างสนิทชิดเชื้อโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้

แค่กๆ อย่าโทษหลิงหลานเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกในสองชาติที่มีผู้ชายแปลกหน้า เอ่อ เด็กผู้ชายมาจูงมือเธอ เด็กน้อยหลิงหลานที่กล้าหาญของพวกเราก็เลยรู้สึกเก้อเขินแล้ว

เมื่อเดินมาถึงจุดหมาย ยังไม่ทันที่เด็กชายคนนี้จะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงที่ดูฟังดูหึงหวงอย่างรุนแรงดังขึ้นว่า “ฉีหลง เขาเป็นใครกัน”

หลิงหลานจ้องมองไป ที่แท้ก็เป็นสาวน้อยร่างอวบคนหนึ่ง เธอจ้องมองเขาด้วยความดุดัน สีหน้านั้นดูเหมือนกับคนที่ถูกแย่งชิงของที่ตัวเองรักไป

หลิงหลานจนใจ เด็กสมัยนี้แก่แดดขนาดนี้เชียวเหรอ รู้จักหึงหวงเสียด้วย? นอกจากนี้เวลาหึงก็ต้องดูเป้าหมายให้ชัดเจนด้วย ตอนนี้เธอเป็นเด็กผู้ชายนะ?

หลิงหลานเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของเธอน่าจะดูดีกว่าฉีหลงคนนั้น แต่ทำไมสาวน้อยอวบอ้วนเหมือนกับมองไม่เห็นล่ะ มาถึงก็หึงหวง หรือว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ชอบผู้ชายแบบเธอ?

หลิงหลานไม่รู้ว่ายุคสมัยนี้ไม่ได้เป็นยุคที่มองความผอมว่าเป็นความงดงามเหมือนกับในชาติก่อนของหลิงหลาน เด็กที่นี่ต่างเห็นว่าความกำยำบึกบึนแข็งแรงคือความงดงามตามมาตรฐาน ต่อให้หลิงหลานที่ดูเหมือนถั่วงอกป่วยกระเสาะกระแสะจะหน้าตาดีอีกสักแค่ไหน ก็มีเด็กผู้หญิงไม่กี่คนที่จะชื่นชอบเธอได้

ฉีหลงไม่รู้ว่าผู้ติดตามตัวน้อยที่อยู่ข้างกายเขาจะรู้สึกหึงหวง เขาพูดแนะนำให้กับเพื่อนตัวเองอย่างไม่สนใจว่า “เขาเป็นคนที่เข้าสอบพละกำลังก่อนหน้าฉัน อย่าเห็นว่าเขาอ่อนแอบอบบางขนาดนั้นนะ พลังของเขาแข็งแกร่งมาก” ฉีหลงชอบคบหากับคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งกว่าเขา ทำให้เขารู้สึกว่านี่สามารถทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นได้

หลิงหลานอึ้งไป ที่แท้ตอนนั้นฉีหลงก็สนใจเธอแล้ว

………………………………………………….