ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 15 คุ้มค่ากับความลำบาก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แม้เพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในเขตใจกลางหุบเหวได้ไม่นาน แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

เยี่ยจิ่ง ซือคงจิง และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ต่างก็มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือเบาๆ อาหู่ก็เข้าใจได้ในทันที พร้อมกับหยิบเตาหอมออกมาจากห่อสัมภาระอีกครั้ง

อาหู่เปิดฝาเตาหอมออก จากนั้นก็นำเครื่องหอมที่มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันจำพวกหนึ่งใส่เข้าไป

บางชนิดแค่มองจากรูปลักษณ์ภายนอกก็รู้ได้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา แต่บางชนิดกลับมีสีเทาหม่นๆ บ้าง สีดำสนิทบ้าง ดูไม่สะดุดตาแต่อย่างใด

อาหู่ใส่เครื่องหอมลงไปจุดไฟ แล้วปิดฝากลับลงไปใหม่ จากนั้นค่อยวางเตาหอมลงบนพื้นดินตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่นานนักก็มีควันลอยออกมา

บรรดาศิษย์จากเขากว่างเฉิงมองดูกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ควันเหล่านั้นกระจายตัวออกจากเตาหอม ก่อนจะหลอมรวมกับหมอกสีดำที่อยู่ภายในหุบเหวปราการมังกร

เมื่อถูกกระตุ้นด้วยควันจากเตาหอม ปราณพิษที่แต่เดิมดุร้ายอยู่แล้ว ก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้นอีกในทันใด

หากเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของปราการมังกร หมอกดำที่แปรเปลี่ยนมาจากปราณพิษในเขตใจกลางหุบเหวแห่งนี้ดูสงบและเบาบางกว่ามาก

แต่วินาทีนี้ หมอกดำกลับโหมกระหน่ำซัดสาดใส่ มองดูแล้วเข้มข้นและหนาแน่นกว่าพื้นที่ใดที่เคยผ่านมาก่อนหน้านี้

ทุกคนพากันสะดุ้งตกใจ แต่ก็ยังรักษาความสงบนิ่งไว้ เพราะพวกเขาเองก็รู้ว่า เยี่ยนจ้าวเกอทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน

ดังนั้นแล้ว แม้ว่าหมอกดำเหล่านั้นจะยังคงปั่นป่วนบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาทำร้ายผู้คน กลับหมุนวนเข้าหากันแทน

บนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎรอยยิ้มจางๆ จากนั้นจึงเห็นหมอกดำตรงหน้าไหลวนเข้าหากันจนมีลักษณะคล้ายน้ำวนขนาดใหญ่เก้าวง ก่อนที่ตรงกลางของน้ำวนจะค่อยๆ ปรากฏของเหลวสีทองที่กำลังกลิ้งไปมา

น้ำวนขนาดยักษ์ทั้งเก้าแปรเปลี่ยนเป็นลูกแก้ว ซึ่งมีพลังพลุ่งพล่านเชื่อมต่อกัน

เยี่ยนจ้าวเกอตบลงไปที่ผิวของเตาผลึกหินชั้นในครั้งหนึ่ง ฝาของเตาหลอมพลันเปิดออก ภายในเตาพลันสั่นสะเทือนและส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมาทันที

ของเหลวสีทองที่อยู่ตรงกลางน้ำวนทั้งเก้านั้น ถูกเตาผลึกหินชั้นในดูดออกมา และไหลลงไปในตัวเตาอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ของเหลวเหล่านั้นจะไหลวนไปมาไม่หยุดหย่อน เพื่อชะล้างเตาผลึกหินชั้นในภายใต้การชักจูงของน้ำวน

ศิษย์น้องร่วมสำนักทุกคนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอัศจรรย์ใจ พวกเขารู้สึกเพียงว่า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่าดูๆ ไปแล้วก็ร้ายกาจมากทีเดียว

บัดนี้สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอหนักแน่นขึ้นหลายส่วน ดูมีความตั้งใจมากยิ่งกว่าตอนสู้กับเฉาหยวนหลงเสียอีก

เตาผลึกหินชั้นในคือความทุ่มเทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากเกิดความผิดพลาดคงน่าเสียดายยิ่งนัก

ลำพังแค่สภาพแวดล้อมของปราการมังกร หากไม่ระวังทำให้เตาผลึกหินชั้นในระเบิด จนปราณพิษเกิดระเบิดไปด้วย คงไม่มีใครตรงนี้รอดออกไปได้แน่

แต่ว่านี่ก็เป็นเพียงการป้องกันเหตุไม่คาดฝันเท่านั้น สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามีภาพโครงร่างที่ผ่านการจำลองเหตุการณ์ในหัวของเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

เมื่อได้รับการชำระล้างอย่างต่อเนื่องจากของเหลวสีทอง ผนังด้านในเตาก็ค่อยๆ มีแสงทอประกายสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ประกายแสงที่หมุนวน ดูราวกับเมฆหมอกยามสะท้อนแสงตะวันเรืองรอง ทำให้ปราการมังกรที่มืดมนในวินาทีนี้ดูเหมือนกับว่าสว่างขึ้นมาอีกหลายส่วน

อาหู่ที่อยู่ด้านข้างพลันหยิบดาบยาวเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะส่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ

ดาบเล่มนั้นเป็นเพียงอาวุธทั่วไป ไม่ใช่อาวุธวิเศษ และไม่ใช่อาวุธสงคราม

เยี่ยนจ้าวเกอถือดาบไว้ในมือขวา แล้วงอนิ้วที่มือซ้ายดีดลงบนคมดาบเบาๆ จนเกิดเสียงดังกังวาน

หลังจากเสียงเงียบลง เยี่ยนจ้าวเกอก็โยนดาบยาวเล่มนั้นเข้าไปในเตาผลึกหินชั้นในด้วย

เตาผลึกหินชั้นในสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดาบยาวที่อยู่ด้านในลอยอยู่ตรงกลาง ราวกับถูกพลังงานที่ไร้รูปร่างตรึงไว้ ขณะเดียวกันแสงสว่างที่โอบล้อมอยู่รอบดาบก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ

ยังมีหินที่แปลกประหลาดอีกมากมายอยู่ร่วมกับดาบธรรมดาเล่มนั้น เยี่ยจิ่งและคนอื่นๆ เพียงแค่พอแยกแยะออกว่าเป็นวัสดุที่ใช้หลอมอาวุธเท่านั้น

ดาบธรรมดาเล่มนั้นลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ส่วนวัสดุต่างๆ หมุนวนอยู่รอบตัวดาบ พลางเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

วัสดุบางชนิดเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว บางชนิดถูกบิดจนเปลี่ยนรูปร่าง บางชนิดแตกจนกลายเป็นตะกอนชิ้นเล็กๆ ยิ่งกว่านั้นมีบางชนิดระเหยหายไปในอากาศ ก่อเกิดเป็นกลุ่มควันในพริบตา

ความสว่างภายในเตาเจิดจ้ามากขึ้น จนสุดท้ายก็ไม่สามารถมองตรงๆ ได้ เห็นเพียงแต่แสงไฟที่เป็นประกายดุจอัญมณีลอยขึ้นจากด้านใน ก่อนที่มันจะกลืนกินดาบธรรมดาเล่มนั้นไป

ส่วนด้านนอกเตาหลอม ของเหลวสีทองที่อยู่ในใจกลางของน้ำวนทั้งเก้าระเหยกลายเป็นไอไปหมดแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอจับจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างเงียบสงบ ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าขยับกว้างขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซือคงจิงและคนอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด เพราะทุกคนล้วนมองไปยังเตาหลอมด้วยความสนอกสนใจ พวกเขาหลายคนเพิ่งเคยเห็นการหลอมอาวุธครั้งแรก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งของในตำนานเช่นเตาผลึกหินชั้นในเลย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เตาผลึกหินภายในถึงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นแสงสว่างทั้งหมดก็หายวับไปในพริบตา

มีการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่แข็งแกร่งส่งมาจากภายในเตาหลอม ก่อนจะมีดาบยาวสีดำเงาเป็นประกายลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ

ระดับปราณและอานุภาพของของสิ่งนั้นมากยิ่งกว่าอาวุธวิเศษระดับล่างที่เยี่ยจิ่งและคนอื่นๆ มีเสียอีก

ซือคงจิงมองดาบยาวเล่มนั้น “เป็นอาวุธวิเศษระดับกลางของจริง…”

ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงคนอื่นๆ ก็เป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องอาวุธดีเช่นกัน จึงพากันส่งเสียงชื่นชมออกมา

“ใช้เวลาหลอมสร้างทั้งหมดเท่าไร” มีคนถามขึ้นเบาๆ ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วคิดในใจ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง

ตอนนี้พวกเขาเชื่อสนิทใจแล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความสามารถพอที่จะหลอมอาวุธวิเศษสิบหกชิ้นภายในเวลาหนึ่งเดือนได้จริงๆ ทั้งยังเป็นการทำให้สำเร็จได้โดยการเจียดเวลาสั้นๆ ที่ว่างจากการฝึกวิชาอีกด้วย

ทุกคนมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอและเตาผลึกหินชั้นใน ก่อนจะมีไฟลุกโชนขึ้นในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เป็นเตาผลึกหินชั้นในในตำนานจริงๆ ช่างทรงพลานุภาพเหลือเกิน!”

“ศิษย์พี่เยี่ยนไม่ได้หลอกลวง เมื่อผ่านการปรับแก้ให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ เตาผลึกหินชั้นในจะยิ่งแข็งแกร่งและเข้าใกล้คำว่าเตาหลอมในตำนานมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เป็นอาวุธวิเศษระดับล่าง ตอนนี้เป็นอาวุธวิเศษระดับกลาง อนาคตย่อมเป็นอาวุธวิเศษระดับสูง กระทั่งอาวุธวิญญาณก็คงจะไม่ได้เป็นแค่ความฝันแล้ว!”

“ขอแค่ให้เวลาศิษย์พี่เยี่ยนและเขากว่างเฉิงของพวกเรามากพอ อนาคตจะเป็นอย่างไร เป็นถึงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้วจะอย่างไร อนาคตสำนักของเราต่างหากที่จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกแปดพิภพ!”

“ต่อให้นับแต่นี้ไปวรยุทธ์ของศิษย์พี่เยี่ยนไม่ก้าวหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าแค่เพียงเรื่องที่ทำให้เตาผลึกหินชั้นในในตำนานกลับสู่โลกอีกครั้ง ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของเขาถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสำนักเขากว่างเฉิงแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์พี่เยี่ยนจะไม่ก้าวหน้าขึ้นเลยได้อย่างไร หากพูดถึงวรยุทธ์ที่มี ก็เล่นงานเฉาหยวนหลงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เสียจนย่ำแย่ได้แล้ว!”

“เหยียบอัจฉริยะคนอื่นๆ จนจมมิดได้ ศิษย์พี่เยี่ยนเป็นยอดอัจฉริยะ ยอดปีศาจตัวจริง!”

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือครั้งหนึ่ง ดาบยาวเล่มนั้นพลันลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขา หลังจากที่ตรวจดูแล้ว เขาถึงพยักหน้าเบาๆ ‘อืม ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ การมาปราการมังกรครั้งนี้ไม่สูญเปล่า ยิ่งข้ามีข้อมูลพื้นฐานมากเท่าใด การเริ่มต้นทางฝั่งของท่านพ่อก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น’

ชายหนุ่มลองกวัดแกว่งดาบไปมา ทำให้ปราณดาบเย็นยะเยือกไหลเวียนอยู่ในอากาศ จนทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บจับใจไปด้วย

เขาโยนอาวุธวิเศษระดับกลางชั้นนั้นให้อาหู่เก็บรักษาไว้

น้ำวนที่เกิดจากหมอกดำยังคงลอยอยู่กลางอากาศและหมุนวนไม่หยุด ส่วนเตาหลอมก็ยังดูดของเหลวสีทองข้างในน้ำวนออกมา เพื่อทำการชำระล้างไปอีกขั้น

“การชำระล้างต้องใช้เวลาอีกสักพัก พวกเจ้าทุกคนอยากทำอะไรก็ไปทำเถิด” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น

ทุกคนพยักหน้ารับคำ ทว่าคนส่วนใหญ่ยังคงมองเตาผลึกหินภายในด้วยแววตาชื่นชมโดยไม่ยอมละสายตา

เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา เพียงประคับประคองพลังขับเคลื่อนเตาหลอมพลางพูดกับอาหู่ว่า “เมื่อครู่นี้เฉาหยวนหลงท่าทางคล้ายเพิ่งกลับมาจากด้านนอก มีความเป็นได้สูงว่าเพิ่งไปทำเรื่องบางอย่างมา”

“ครั้งนี้คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มายังปราการมังกรก่อนจะเกิดความผิดปกติ เจ้าไปสืบดูว่าพวกเขามาทำอะไร”

“ขอรับ คุณชาย” อาหู่พยักหน้า

…………