ตอนที่ 29 อาจารย์ศิษย์ใจเป็นหนึ่งเดียว

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

เยี่ยยวนไม่ชอบผู้หญิง หรือจะพูดให้ถูกต้องคือไม่ชอบสิ่งมีชีวิตเพศเมียทั้งหมด 

 

 

เขาหลับใหลเป็นเวลานานเกินไป มีเรื่องราวมากมายที่จำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้เพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายหมื่นปีมานี้ ทางแห่งการฝึกฝนยากลำบาก แบ่งออกเป็นสี่ระดับคือ ปฐพี นภา เสวียน และจักรพรรดิ ในแต่ละระดับนั้นยังแบ่งออกเป็นระดับย่อยอีกสิบขั้น 

 

 

คนทั่วไปมีความมักมากทางจิตใจทำให้ยากต่อการฝึกฝน ในหลายหมื่นปีมานี้ ยามที่เขาอารมณ์ดีไม่หลับใหลก็ได้ชี้แนะศิษย์ลูกศิษย์หลานเป็นจำนวนมากอยู่ แต่ไม่รู้เป็นเพราะบังเอิญหรืออะไร ลูกศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นชายทั้งสิ้น แต่สอนไปสอนมาก็หนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา อีกทั้งยังเป็นเช่นนี้ทุกคน 

 

 

ศิษย์โง่คนที่หนึ่ง เกิดมาพร้อมร่างกายพิเศษ หลักจากชักนำพลังลมปราณเข้าร่างกายการกระทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการหายใจหรือการเดินล้วนเป็นการฝึกฝน เปิดตาทิพย์ในหนึ่งปี เข้าสู่ระดับจักรพรรดิในเวลาสามปี เข้าสู่ระดับเสวียนในเวลาสิบปี และใช้เวลาหลายสิบปีในการบรรลุระดับปฐพี ลงจากเขาไปฝึกฝนประสบการณ์เป็นเวลาสามปีไม่เคยกลับสำนัก หลายปีต่อมามีเรื่องเล่าว่าเขาเจอหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกผีร้ายรังควาน เพื่อปกป้องหญิงสาวให้รอดพ้นจากอันตราย จึงอยู่ต่ออีกหลายวัน หลังจากนั้น…ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 

 

 

ศิษย์โง่คนที่สอง เส้นชีพจรพอใช้ เส้นชีพจรเสวียนสามารถชักนำพลังลมปราณได้มากกว่าคนทั่วไป เปิดตาทิพย์ในสามปี เข้าสู่ระดับจักรพรรดิในเวลาสิบปี เข้าสู่ระดับเสวียนในเวลายี่สิบปี ใช้เวลาฝึกฝนบนภูเขาอีกสามสิบปีเต็มในการบรรลุระดับปฐพี ลงจากเขาเพื่อปราบปีศาจที่ปั่นป่วนเมืองเมืองหนึ่งเป็นเวลาสามเดือน เล่ากันว่าสถานการณ์ค่อนข้างสาหัส ทันเพียงแต่ช่วยชีวิตหญิงสาวกำพร้าที่เจ็บหนักนางหนึ่งไว้ เพื่อช่วยชีวิตของนางจึงอยู่ดูแลอีกหลายวัน หลังจากนั้น…ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 

 

 

ศิษย์โง่คนที่สาม คุณสมบัติโดยรวมพอใช้ สัมผัสไวต่อพลังลมปราณมากกว่าคนทั่วไปสิบเท่า เปิดตาทิพย์ในห้าปี เข้าสู่ระดับจักรพรรดิในเวลาสิบห้าปี ใช้เวลากว่าสี่สิบปีเต็มในการบรรลุระดับปฐพี ลงเขาเพื่อปราบปีศาจจิ้งจอก ไล่ตามปีศาจสาวไป หลังจากนั้น…ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 

 

 

ศิษย์โง่คนที่สี่ โชคค่อนข้างดี มักออกไปเก็บอาวุธวิเศษที่ถูกทิ้ง โชคช่วยเปิดตาทิพย์ในเจ็ดปี โชคช่วยเข้าสู่ระดับจักรพรรดิในเวลายี่สิบปี โชคช่วยบรรลุระดับปฐพีในห้าสิบปี ช่วยหญิงสาวที่เป็นลมล้มอยู่หน้าอาราม บอกว่าจะพากลับบ้าน หลังจากนั้น…ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 

 

 

ศิษย์โง่คนที่ห้า ไม่มีอะไรดีเลย ห้าสิบปีถึงบรรลุระดับจักรพรรดิ ว่างจนไม่มีอะไรทำจึงบอกว่าโลกด้านล่างเขากว้างใหญ่เช่นนั้น เขาอยากลงไปดู หลังจากนั้น…ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 

 

 

ศิษย์โง่คนที่หก… 

 

 

ศิษย์ทั้งหลายในอารามไม่ค่อยได้มาที่เจดีย์ของเขา ตอนแรกเขายังไม่ได้ใส่ใจมาก แต่เมื่อคนหายไปเป็นจำนวนมาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม คำตอบของคนเหล่านั้น มีเพียงแค่หนึ่งเดียว พวกเขาล้วนพ่ายแพ้ในมือของหญิงสาว 

 

 

หญิงสาว? หญิงสาวเป็นปีศาจอะไรกัน 

 

 

เยี่ยยวนรู้สึกประหลาด แต่ในเมื่ออย่างน้อยเขาได้ชี้แนะศิษย์เหล่านั้น ก็มีหน้าที่ต้องช่วยพวกเขากลับมา ดังนั้นเขาจึงใช้ยันต์ในการค้นหาเหล่าลูกศิษย์ ปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าลูกศิษย์เพื่อรับรู้สถานการณ์ 

 

 

แต่ไม่คิดว่าเหล่าลูกศิษย์นั้นเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมกลับมา แต่กลับเป็นเหล่าหญิงสาวที่มาหลอกพาลูกศิษย์ของเขาไปนั้นตามเขากลับมา 

 

 

บ้างบอกว่าได้รับบุญคุณจากสำนักชิงหยางไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร จึงอยากจะถวายตัวเป็นการตอบแทน บ้างบอกว่าศรัทธาในเสวียนเหมิน อยากเข้าสำนักเพื่อฝึกฝน อีกทั้งยังมีบางคนบอกว่าอยากจะเป็นข้ารับใช้เขาอีก แต่ละคนล้วนคิดสรรหาวิธีมากมายที่จะเข้ามาในเจดีย์ปรากฎตัวต่อหน้าเขา ถึงแม้เขาจะห้ามให้ศิษย์ทุกคนเข้าเจดีย์ แต่พวกนางก็สามารถมาหาเขาได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย บ้างอยู่ยอดเจดีย์ บ้างอยู่หน้าโต๊ะบูชา ยังมีบางคนที่มาถึงเตียง… 

 

 

เยี่ยยวนรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก 

 

 

ไม่เพียงเท่านี้ เหล่าศิษย์โง่ที่เดิมเป็นตายร้ายดีแค่ไหนก็ไม่ยอมกลับมานั้น ดันรีบเร่งกลับมาในทันตา วิ่งมาร้องทุกข์กับเขา พลางพูดพลางน้ำตาไหล ไม่มีท่าทีจากเดิมที่ขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนแม้แต่นิดเดียว 

 

 

ศิษย์คนที่หนึ่ง ท่านอาจารย์ ข้ากับเสี่ยวชุ่ยผ่านความลำบากมาหลายปี จริงใจต่อกัน ที่นางพูดว่าจะถวายตัวให้ท่านเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ท่านช่วยเตือนสตินางที 

 

 

ศิษย์คนที่สอง ท่านอาจารย์ อาหงจะตัดขาดกับข้า พวกข้าแต่งงานกันมานับหลายปีแล้ว ข้าไม่มีนางไม่ได้ ลูกของพวกข้าก็คลอดออกมาแล้ว 

 

 

ศิษย์คนที่สาม ท่านอาจารย์ ท่านคืนสะใภ้ให้ข้าทีเถอะ ข้าเฝ้านางมานับหลายสิบปีแล้ว อีกเดือนเดียวพวกข้าก็จะแต่งงานกันแล้ว ท่านจะมาแย่งกันเช่นนี้ไม่ได้ 

 

 

ศิษย์คนที่สี่ ท่านอาจารย์ หว่านหว่านนางไม่ใช่คน นางเป็นปีศาจจิ้งจอก ท่านเป็นเซียน เซียนกับปีศาจลงเอยกันไม่ได้หรอก คนกับปีศาจยังพอมีหวัง 

 

 

ศิษย์คนที่ห้า… 

 

 

ศิษย์เหล่านี้มาทุกวัน ร้องไห้ทุกคืน เยี่ยยวนรู้สึกรำคาญจนไม่รู้จะรำคาญอย่างไร ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวที่ว่านั้นมีพลังในการทำให้คนหลงใหล สามารถทำให้ศิษย์ที่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยฉลาดนั้นโง่กว่าเดิม เกียจคร้านอย่างไร้สติ ดังนั้นเพื่อความสงบ เขาจึงไล่ศิษย์โง่เหล่านี้พร้อมทั้งหญิงสาวเหล่านั้นออกไปจากสำนักจนหมดสิ้น 

 

 

การกระทำของเขาในครั้งนี้ ราวกับทำให้ศิษย์คนอื่นในสำนักตกตะลึง ในเวลานั้นแต่ละคนล้วนเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ไม่มีใครกล้ามาวิ่งเต้นต่อหน้าเขา 

 

 

ถึงแม้บางครั้งยังมีลูกศิษย์ที่ฝึกไปฝึกมาก็ลงจากเขาแล้วหายไป อย่าว่าแต่พาคนกลับมาเลย แม้แต่พูดต่อหน้าเขาอีกก็ไม่มีคนกล้า ทั้งสำนักชิงหยางราวกับรับรู้ได้ว่า อย่าให้หญิงสาวเข้าเจดีย์ โดยเฉพาะสะใภ้ของตัวเอง เพราะหากเจอกับอาจารย์ปู่ เขาต้องโดนทิ้งในทันทีเป็นแน่ 

 

 

เพื่อเป็นการสืบทอดและความสันติของสำนักชิงหยาง เจ้าสำนักในแต่ละรุ่นล้วนไม่รับศิษย์หญิงทั้งสิ้น ถึงแม้เยี่ยยวนจะกลับเข้าสู่การหลับใหลอีกรอบก็ตาม และนี่ก็กลายเป็นกฎที่ไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรของสำนักชิงหยางมาตลอด จนกระทั่ง…ไป๋อวี้พาอวิ๋นเจี่ยวกลับมา 

 

 

แต่จะว่าไปเยี่ยยวนปลาบปลื้มในตัวศิษย์หลานคนนี้อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่เปรียบเทียบกับศิษย์ที่โง่เขลาก่อนหน้านี้ ศิษย์ที่เกิดมามีตาทิพย์ ฉลาดและมีฝีมือการทำอาหารที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ก็ต้องรู้สึกดีเลิศเป็นธรรมดา แน่นอนว่าที่สำคัญคือฝีมือการทำอาหาร ถึงแม้ว่านางจะไม่มีเส้นชีพจรเสวียนและไม่สามารถฝึกฝนได้ ก็ไม่ได้สำคัญในสายตาเขาแล้ว 

 

 

ในเวลาที่เขากำลังจะตัดสินใจที่จะฝึกฝนนาง แต่กลับรับรู้ว่า นางเป็นหญิงสาว ตอนแรกนั้นเขารู้สึกตะลึง และนึกย้อนไปถึงเหล่าหญิงสาวที่ทำให้ศิษย์ของเขากลายเป็นแบบนั้นไปโดยอัตโนมัติ จึงทำให้เขาไม่อยากจะเข้าใกล้ศิษย์หลานตัวน้อยนี้ จึงถอยกลับเข้าไปในเจดีย์และคอยสังเกตการณ์ก่อน 

 

 

ในไม่ช้าเขาก็พบว่า ศิษย์หลานตัวน้อยคนนี้ไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นแม้แต่น้อย นางไม่เคยมองหน้าเขาด้วยความหลงใหลจนอยากจะกระโจนเข้ามาเช่นเดียวกับคนอื่น ถึงแม้มีมาหาเขาบ้างในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็เพื่อถามเกี่ยวกับวิชาการฝึกฝน ไม่เคยพูดคุยเรื่องอื่นนอกจากนี้ 

 

 

ดวงตาของนางนิ่งสงบมาก สงบเกินไปเสียด้วยซ้ำ สงบราวกับไม่ใช่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้เขาอดสงสัยในเพศสภาพของนางเป็นอย่างมาก 

 

 

“อาจารย์ปู่…” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้รับผลกระทบจากเสน่ห์ของคนต่างแดนเลยแม้แต่น้อยอวิ๋นเจี่ยวสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที มองไปยังคนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างอย่างกะทันหัน “หากท่านยังคงจิ้มหน้าข้าอยู่ เชื่อไหมว่าข้าจะต่อยท่านจริงๆ” หุ่นดินเหนียวก็มีอารมณ์นะ จิ้มมาตั้งแต่เช้าแล้ว 

 

 

เยี่ยยวนถึงชักมือของตัวเองกลับ ก่อนจะถามออกมาตรงๆ “เจ้า…เป็นหญิงสาวจริงๆ? ” ไม่เห็นเหมือนกับหญิงสาวด้านล่างเขาพวกนั้นเลย 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก้มลงมองคัพบีของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้ว “แน่นอนสิ!” เพศสภาพของนางมันดูยากขนาดนั้นเชียว? 

 

 

สายตาของเยี่ยยวนยิ่งมีความสงสัยมากขึ้น นางช่างเป็นศิษย์หลานที่แปลกประหลาด ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นหญิง แต่นิสัยการซึมซับวิชาราวกับเป็นชาย หรือยิ่งกว่าชายเสียอีก ช่างเถอะ เช่นนี้ก็ยิ่งดี ถือว่านางเป็นศิษย์ชายก็แล้วกัน เยี่ยยวนวางใจในที่สุด 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองท่านปรมาจารย์ที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันมาตั้งแต่เช้า เดี๋ยวจิ้มแก้มของนาง เดี๋ยวบีบแขนของนางด้วยสายตาของผู้เป็นหมอ 

 

 

ตามหลักการทางการแพทย์แล้ว เกย์ส่วนใหญ่จะมีความบกพร่องในเรื่องของการรับรู้ทางเพศสภาพเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ชายในตอนแรก ตอนนี้รู้ว่านางเป็นผู้หญิงก็รู้สึกแปลกเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร นางปรับอารมณ์ในใจ คิดว่าเขาเป็นผู้หญิง พูดคุยกับเขาแบบปกติก็พอ 

 

 

ดังนั้นทั้งสองคนเข้าใจในจุดบางจุดตรงกันอย่างน่าแปลกประหลาด 

 

 

เยี่ยยวน นี่เป็นศิษย์ชาย! 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว นี่เป็นพี่สาวน้องสาว!