ตอนที่ 673 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมไม่สนใจความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น!

 

“ยาอะไร” ฮว่าเหวินเฟิ่งแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

 

 

“ควินิดีน” โม่ถิงตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก อันตรายและข่มขู่

 

 

แม้ฮว่าเหวินเฟิ่งจะหวาดกลัวโม่ถิง แต่เธอก็บังคับตัวเองให้สงบนิ่งและกล่าวปฏิเสธ “แม่ไม่รู้ว่าลูกกำลังพูดถึงอะไร โม่ถิง นี่ลูกปฏิบัติกับแม่ตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ”

 

 

“จะเป็นแม่หรือไม่เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ผมแค่อยากรู้ว่าคุณรู้จักยาที่ชื่อควินิดีนหรือเปล่า”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งถูกบังคับให้จ้องเข้าไปในดวงตาโม่ถิง เธอถึงกับเป็นอัมพาตด้วยแววตาคุกคามของอีกฝ่าย ที่จริงมันมีเสียงซึ่งดังขึ้นในหัวของเธอที่กำลังบอกเธอว่าหากเธอยังคงดื้อดึงอยู่แบบนี้ เธอจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างแน่นอน แต่เธอไม่อาจยอมรับอาชญากรรมที่เธอก่อได้

 

 

“แม่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ก็ต้องรู้จักควินิดีนสิ โม่ถิง ลูกถามแบบนี้หมายความว่ายังไง”

 

 

“คุณเป็นคนจุดไฟเมื่อตอนบ่ายใช่ไหม”

 

 

“ไฟอะไร ลูกกำลังพูดถึงอะไร โม่ถิง ลูกต้องอธิบายมานะว่าทำไมถึงมาขู่แม่แบบนี้” ฮว่าเหวินเฟิ่งเดาว่าโม่ถิงไม่มีหลักฐานอะไรในมือ ดังนั้นเธอจึงสงบลงเล็กน้อยและตั้งคำถามอีกฝ่ายอย่างมั่นใจ

 

 

“ทำไมถึงใส่รองเท้าส้นแบน”

 

 

โม่ถิงก้มลงมือที่เท้าของฮว่าเหวินเฟิ่งอย่างเยาะเย้ยขณะที่เขาเปลี่ยนหัวข้อ

 

 

“ก็มันใส่สบาย” ฮว่าเหวินเฟิ่งตอบ

 

 

“เพื่อปกปิดคราบโคลนเพราะคุณเข้าไปในสวนหย่อมมาใช่ไหม ถ้าผมไปหาคราบโคลนในบ้านของผม ผมก็น่าจะเจอรอยเท้าของคุณด้วยใช่หรือเปล่า” โม่ถิงเดา “ผมคิดว่าต่อให้คุณตาย คุณก็คงไม่สารภาพหรอก”

 

 

“แม่ไม่เคยไปที่สวนหลังบ้านของใครทั้งนั้น”

 

 

“ผมไม่เคยพูดว่ามันเป็นสวนหลังบ้าน” โม่ถิงจับผิดคำพูดของฮว่าเหวินเฟิ่ง

 

 

“แม่ไม่เคยถูกต่อหน้าลูกอยู่แล้วนี่ ในมือแม่อยู่ในมือลูกแล้ว อยากจะทำอะไรเชิญ” ฮว่าเหวินเฟิ่งรู้ว่าทุกสิ่งที่เธอพูดนั่นเป็นสิ่งที่ผิดและรู้ตัวดีว่าโม่ถิงเป็นคนระวังตัว เธอจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ เธอไม่เชื่อว่าโม่ถิงจะหารอยเท้าของเธอในบ้านของโม่ถิงพบ

 

 

ในนานนัก คุณพ่อโม่ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล เมื่อเห็นฮว่าเหวินเฟิ่งถูกควบคุมตัวอยู่ต่อหน้าโม่ถิง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาและส่งสัญญาณให้บรรดาบอดีการ์ดปล่อยตัวฮว่าเหวินเฟิ่ง “โม่ถิง แกเสียสติไปแล้วหรือไง”

 

 

โม่ถิงไม่อยากคุยกับคุณพ่อโม่ จึงพเยิดคางไปที่ลู่เช่อ ส่งสัญญาณให้เขาลากคุณพ่อโม่ออกไป

 

 

“โม่ถิง แกเป็นอสุรกายหรือไง แกคิดจะทำอะไรกับพ่อแม่ของตัวเองเนี่ย”

 

 

“ผมควรเป็นฝ่ายถามคำถามนี้ต่างหาก!” โม่ถิงโต้แย้ง “คุณไปได้แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้จะต้องชดใช้กับทุกสิ่งที่ทำกับถังหนิงเป็นสิบเท่า”

 

 

“แกเป็นบ้าหรือไง นังสารเลวนั่นกำลังได้รับโทษกับสิ่งที่มันก่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของแกด้วย”

 

 

เมื่อได้ยินพ่อของเขาเรียกถังหนิงว่านังสารเลว น้ำเสียงของโม่ถิงเย็นชาขึ้น “ยี่สิบเท่า!”

 

 

“นังผู้หญิงนั่นเอายาพิษอะไรให้แกกิน”

 

 

“สามสิบเท่า”

 

 

“นังสารเลวนั่นมัน…”

 

 

“สี่สิบเท่า”

 

 

ในที่สุดคุณพ่อโม่ก็รู้ตัวว่าเขาไม่ควรว่าร้ายถังหนิง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำที่เรียกถังหนิงจาก ‘นังสารเลว’ เป็น ‘ผู้หญิงคนนั้น’ แทน “ดูเหมือนแกจะถูกผู้หญิงคนนั้นเล่นของใส่จริงๆ สินะ ปล่อยแม่แกเดี๋ยวนี้!”

 

 

“ลู่เช่อ” คราวนี้โม่ถึงไม่ต้องการเสียเวลาอีกพลางส่งสัญญาณให้ลู่เช่อพาตัวผู้ชายคนนั้นออกไป

 

 

เมื่อเห็นดังนั้น ฮว่าเหวินเฟิ่งก็เริ่มหวาดวิตกขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอเริ่มสั่น

 

 

“แกวางแผนจะทำอะไรกับแม่ของแกเพราะผู้หญิงคนนั้น แกมันสัตว์เดรัจฉาน! ฉันจะโทรเรียกตำรวจ” คุณพ่อโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่โม่ถิงเป็นฝ่ายโทรก่อน

 

 

“สารวัตรเหริ่นเหรอครับ ผมโม่ถิง ภรรยาของผมถูกวางยางและเธอเกือบต้องเสียชีวิต ช่วยจัดการสืบสวนเรื่องนี้ที” หลังวางสาย โม่ถิงก็มองฮว่าเหวินเฟิ่งและกล่าวอย่างง่ายๆ “คุณคิดว่าตำรวจจะใช้เวลาคลี่คลายคดีนี้นานแค่ไหน”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งอึ้ง ไม่อาจขยับเขยื้อน

 

 

ทันใดนั้น โม่ถิงก็ส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดปล่อยตัวฮว่าเหวินเฟิ่ง แม้ฮว่าเหวินเฟิ่งจะได้รับอิสระแล้ว…

 

 

…แต่เธอไม่อาจขยับตัวได้

 

 

เธอไม่เคยจินตนาการว่าโม่ถิงจะโทรหาตำรวจ

 

 

เธอคิดว่า จากความสัมพันธ์ของพวกเธอ เขาจะไม่มีวันเอาเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ แต่สุดท้ายเขากลับเลือดเย็นเหลือเกิน

 

 

“โม่ถิง ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจนะ ได้โปรด ครั้งนี้ปล่อยแม่ไปเถอะ

 

 

“แม่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”

 

 

โม่ถิงไม่มีปฏิกิริยา เขาเพียงแค่เอียงหัว “ผมให้โอกาสคุณแล้ว”

 

 

“โอกาสแบบไหนกัน”

 

 

“คุณเป็นคนไม่ต้องการมันเอง”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งตื่นตระหนก รีบคุกเข่าลงต่อหน้าโม่ถิงโดยไม่สนใจสถานะของตัวเอง “ได้โปรด อย่าแจ้งความจับแม่เลย แม่ไม่อยากติดคุก”

 

 

“เหวินเฟิ่ง?” คุณพ่อโม่ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า “คุณกำลังยอมรับว่าเป็นคนวางยาผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ”

 

 

“จิตใจฉันไม่อยู่กับร่องกับรอย ที่รัก ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตาโม่ ช่วยฉันสิ”

 

 

ในที่สุดคุณพ่อโม่ก็เข้าใตว่าทำไมโม่ถิงถึงโกรธ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ที่จริงเขาพยายามเกลี้ยกล่อมโม่ถิงดีๆ “โม่ถิง นี่แม่ของลูกนะ แถมมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้เยอะแยะ มันจะดูไม่ดีกับลูกด้วย ให้อภัยแม่เขาสักครั้งเถอะ สุดท้ายถังหนิงก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ”

 

 

“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับถังหนิงล่ะ”

 

 

“ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น เหวินเฟิ่งก็ยังเป็นแม่ของลูก ลูกจะส่งแม่ตัวเองเข้าคุกไม่ได้”

 

 

พูดอีกอย่างคือฮว่าเหวินเฟิ่งได้รับอนุญาตให้ทำร้ายคนอื่นได้ แต่หากมีใครทำร้ายเธอ คนพวกนั้นสมควรถูกลงโทษ

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณพ่อโม่ ริมฝีปากโม่ถิงก็พลันโค้งขึ้นทันที “ผมไม่ได้แค่จะส่งเธอเข้าคุก แต่ก่อนอื่นผมต้องการให้เธอทุกข์ทรมานด้วย”

 

 

“โม่ถิง!”

 

 

“ก่อนที่คุณจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ คุณควรดูให้ดีก่อน ว่าเธอใช่ภรรยาที่คุณแต่งงานด้วยจริงเหรือเปล่า”

 

 

ทันทีที่โม่ถิงพูดประโยคนี้ ทุกคนต่างอึ้งรวมถึงไป๋ลี่หวาด้วย

 

 

โม่ถิงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง

 

 

“ระบุตัวภรรยาของคุณให้ได้ก่อนที่จะมาขอร้องอะไรให้ผู้หญิงคนนี้” พูดจบ โม่ถิงก็ลุกขึ้นจากที่นั่งราวกับกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจที่เพิกเฉยต่อโลกใบนี้

 

 

ทันใดนั้น ทุกคนต่างมีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ในใจ

 

 

แน่นอนว่า จิตใจของโม่ถิงยังคงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด

 

 

เพราะฮว่าเหวินเฟิ่งและคุณพ่อโม่ไม่รู้ขอบเขตความโกรธของโม่ถิง ไม่รู้เลยว่าเขาวางแผนอะไรและความโกรธของเขาจะพาเรื่องนี้ไปถึงจุดไหน

 

 

“โม่ถิง ลูกรัก โทรไปยกเลิกกับตำรวจเถอะนะ แม่ยอมทำทุกอย่าง แค่อย่าแจ้งตำรวจก็พอ!”

 

 

ในช่วงเวลาแบบนี้ ฮว่าเหวินเฟิ่งยังพยายามจะเรียกเขาว่าลูก

 

 

โม่ถิงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก เพราะความหนักแน่นของโม่ถิง ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาทำได้เพียงยืนเงียบ สุดท้ายทุกคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นนานถึงสองชั่วโมง จนในที่สุดคุณพ่อโม่ก็พูดขึ้น “แกคิดจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

 

 

“จนกว่าภรรยาของผมจะได้สติ” โม่ถิงตอบอย่างเย็นชา “คุณไม่คิดว่าเธอสมควรได้รับคำอธิบายจากพวกคุณสองคนหรือไง”

 

 

“โม่ถิง ผู้หญิงคนนั้นเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับแกหรือไง”

 

 

โม่ถิงยิ้มเยาะ เพราะคำถามของคุณพ่อโม่ฟังดูปัญญาอ่อนไปหน่อย

 

 

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตัดขาดทุกความสัมพันธ์!”