บทที่ 18

ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่หญิงสาวคนนั้นพูดเอาไว้ กองพลทหารราบที่ 2 และ 3 เสียทหารไปทั้งหมด 50,000 คนนับตั้งแต่ที่ออกเดินทางมา อีก 20,000 คนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นตอนนี้เหลือแค่เพียง 30,000 คนเท่านั้นที่ยังพอสู้ได้ ต่อให้หญิงสาวอยากจะแต่งตั้งเขามากแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยศถาบรรดาศักดิ์ของชายหนุ่มด้วยเลย

หลังจากสนทนาสั้น ๆ กับถังหยิน อู่ยี่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว ถังหยินเองก็เพิ่งระลึกได้ว่าเขายังไม่รู้จักหญิงสาวคนนั้นเลย จึงได้หันไปถามชิวเจิ้น “เจ้ารู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร ?”

“ผู้หญิง ? ”

“คนที่มอบตำแหน่งหัวหน้ากองให้ข้าไง”

ชิวเจิ้นกะพริบตา พร้อมมองถังหยินด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีแปลก ๆ “เจ้าไม่รู้เลยเหรอ… ว่าทั้ง 2 คนนั้นเป็นคนจากตระกูลอู่ ? ”

ถังหยินยักไหล่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้จริง ๆ

ชิวเจิ้นถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนั้นคือยอดวีรสตรีแห่งตระกูลอู่ ‘อู่เหมย’ และอีกคนก็คือ ‘อู่อิง’ ”

คนที่อยู่ด้านขวาเองก็เป็นหญิงสาวเช่นกันสินะ เพราะอู่อิงใส่หมวกอยู่จึงไม่มีผมให้เห็นสักเส้น แถมใบหน้าของนางเองก็เย็นชาเอามากเสียด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ดังนั้นถังหยินจึงไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิง

ชิวเจิ้นกลอกตามองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงได้พูดขึ้นเบา ๆ “ส่วนเจ้าคนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเจ้าเมื่อกี้นี้ เจ้าต้องระวังให้ดี รอยยิ้มของคนผู้นี้นั้นเต็มไปด้วยความจอมปลอม ข้าคิดว่าเขาไม่น่าเชื่อถือสักนิด…”

ถังหยินรู้ว่าชิวเจิ้นอยากจะพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดมานั้นก็เป็นความจริง ทหารนับ 100 ที่ทั้งสองได้รวบรวมมาถูกนำเข้าไปรวมกับกองกำลังภายใต้การบัญชาการของถังหยินโดยอู่เหมย

คืนนั้น ยามที่ทหารกำลังพักผ่อน อู่ยี่ก็ได้เข้ามาหาถังหยินพร้อมด้วยเครื่องแบบใหม่และดาบเหล็กกล้าอย่างดี หลังจากที่ถังหยินขอบคุณอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ได้หยิบเอาตรากองทัพที่แนบมาด้วยพร้อมมองข้อความบนนั้น “กองพลทหารราบที่ 2 หัวหน้ากองถังหยิน”

อู่เหมยจัดการให้ตามสิ่งที่นางได้บอกจริง ๆ ด้วยการให้ตำแหน่งหัวหน้ากองกับเขา ถังหยินไม่ได้ใส่ใจความอิจฉาของ ชิวเจิ้น และหันไปพูดกับอู่ยี่ว่าตนนั้นสามารถรับเด็กหนุ่มเป็นผู้ช่วยของเขาได้หรือเปล่า ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้น อู่ยี่ก็หัวเราะออกมา “เจ้าตัดสินใจเอาได้เลย ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของเวลา ข้าว่าเจ้าไม่ต้องรีบตัดสินใจหรอก เอ้อ ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่กำลังตามหาเจ้าอยู่ เห็นว่ามีอะไรจะหารือ รีบไปเถอะ ! ”

ชายหนุ่มถาม “สหายอู่ ท่านรู้ไหมว่ามันเกี่ยวกับอะไร ? ”

สีหน้าของอู่ยี่บิดเปลี่ยนไปทันที เขาอยากจะบอกแต่ก็บอกไม่ได้ “เจ้าจะรู้เองเมื่อได้พบท่านแม่ทัพใหญ่”

อู่เหมยและอู่อิงคือแม่ทัพใหญ่ของกองพลทหารกองนี้ มันเป็นความอับอายอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่ต้องมาพ่ายแพ้ และปล่อยให้ทหารแตกทัพกระจายกันไปทั่วแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกางค่ายทหารของพวกนายทหารเลย แท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่การปูผ้าให้ดูดีสมกับการตั้งค่ายเท่านั้น

ถังหยินเดินตามอู่ยี่เข้าไปในค่าย ก่อนที่พวกเขาจะเห็นเข้ากับ 2 สาวที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับแผนที่ รอบ ๆ นั่น มีเหล่าแม่ทัพมากมายนั่งอยู่

ชายหนุ่มขมวดคิ้วหลังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาเดินไปและคำนับให้กับพวกนาง

เมื่อเห็นว่าถังหยินเข้ามาแล้ว อู่เหมยก็ยิ้มออกมาแล้วโบกมือให้เขา “แม่ทัพถัง มาทางนี้เร็ว” หากว่านับตามระบบการทหารในแคว้นเฟิงแล้ว มีเพียงแม่ทัพที่อยู่ในระดับนายกองเท่านั้นที่สามารถถูกเรียกว่าแม่ทัพได้ ถังหยินไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปนั่งข้าง ๆ อู่เหมยอย่างช้า ๆ

อู่เหมยหัวเราะให้กับดาบเล่มใหม่ของชายหนุ่ม “ดาบเล่มนี้น่ะ เหมาะมือเจ้าไหม ? ”

ถังหยินเพิ่งได้รับดาบมา เขายังไม่มีเวลาแม้แต่จะได้ฝึกใช้มันเลย แล้วแบบนี้จะให้เขาไปรู้ได้ยังไงกัน ? ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธก่อนหน้านี้ของเขาคือดาบคู่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็ใช้งานได้ทั้งหมด หากแต่ชายหนุ่มก็พูดออกไปไม่ได้

อู่เหมยจ้องไปยังชายหนุ่ม ดวงตาอันแสนอ่อนโยนนั่นทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งอ่อนยวบยาบได้ นางพูดเบา ๆ “ดาบนี้คือของขวัญจากพ่อของเราที่มอบให้เมื่อครั้งที่เรามีอายุครบ 18 ปี เราหวังว่าท่านแม่ทัพจะใช้มันได้ดีนะ”

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ได้ยินสิ่งนี้ ก็ต้องหลงใหลและตื่นตระหนกเป็นแน่ หากแต่ไม่ใช่กับถังหยิน ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยมีเพื่อนหรือครอบครัวเลย อีกทั้งเขายังไม่ถนัดในการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้หญิงที่พยายามโปรยเสน่ห์ให้เขาเลย

ถ้าหากไม่มีอะไรจะต้องกล่าว ผู้ฟังที่ดีก็ควรจะร่วมเออออกับนางซะ การให้ดาบกับเขานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่นี่เขากลับไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ ? เมื่อคิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มก็พลันยิ้มให้กับอู่เหมยอย่างสุภาพและตอบกลับไปว่า “ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านมาก ท่านแม่ทัพใหญ่อู่”

ไม่มีใครคิดว่าถังหยินจะตอบแม่ทัพสาวเช่นนี้ นางรู้สึกตะลึง อู่อิงที่อยู่ข้าง ๆ นางเองก็มองไปยังชายหนุ่ม ในสายตาของหญิงสาวนั้น พี่สาวของนางคือสตรีที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปอง และไม่ควรจะมีใครต้านทานเสน่ห์ของนางได้

ใบหน้าอู่เหมยแดงและไอนิดหน่อย หญิงสาวมองไปยังแผนที่พร้อมพูดอย่างจริงจัง “พวกเราอยู่ที่นี่ และประตูหน้าด่านตงอยู่ที่นี่”

ถังหยินพยักหน้ามองตามนิ้วของหญิงสาวไป

อู่เหมยขมวดคิ้วแล้วชี้ลงไปบนแผนที่ “เราเพิ่งได้ข้อมูลที่แม่นยำมา พวกหนิงตั้งค่ายทหารบนเส้นทางที่ไปยังประตูตงเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารของเรารอดกลับประตูไปได้ พวกมันมีมากกว่า 80,000 นาย นั่นหมายความว่าถ้าเราจะถอยทัพผ่านประตูตง ก็มีแต่ต้องฝืนฝ่ากองทัพของพวกมันเข้าไปเท่านั้น ! ”

เป็นไปได้หรือที่จะฝ่ากองทัพศัตรูไป ? ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขมขื่น ทหารที่พวกนางมีนั้นเหลือเพียงแค่ 50,000 นายเท่านั้น ถ้านับรวมกับทหารที่เขารวบรวมมา มันก็ยังมีไม่ถึง 80,000 คนด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงความเก่งกาจของเหล่าทหารเลย การที่กองกำลังทหารกว่า 50,000 นายไปปะทะกับ 80,000 นาย ดูยังไงมันก็เป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ

“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ ? ”

อู่เหมยส่ายหัว “พวกมันตั้งแนวป้องกันยาวตลอดทางไป พวกเราถูกตัดขาดจากทุกเส้นทาง”

ถังหยินบ่นพึมพำ “ถ้างั้นก็มีปัญหาแล้วล่ะ”

“ถูกต้อง และนั่นก็ไม่มีทางอื่นแล้วด้วย” อู่เหมยมองถังหยินด้วยสายตาเปล่งประกาย

ภายใต้การจ้องมองของหญิงสาว ถังหยินก็เริ่มรู้สึกว่าเขาถูกหลอกเข้าให้แล้ว ชายหนุ่มอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดออกไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

ถังหยินไม่ได้ถาม แต่อู่เหมยก็พูดออกมาอยู่ดีด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “มีพวกมันมากมาย แต่แนวรบก็เปราะบาง พวกมันกระจายกำลังไปทั่ว ถ้าเกิดว่าเราแบ่งกำลังเข้าโจมตีตรงกลางไปเรื่อย ๆ เพื่อซื้อเวลาให้พวกที่อยู่ทั้ง 2 ด้านเข้ามารวมกัน จากนั้นพวกเราที่เหลือก็จะเข้าจู่โจมมัน”

อาจเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่ใช่ว่านางคิดจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อหรอกเหรอ ? ชายหนุ่มเริ่มหวั่น ๆ กับแผนของอู่เหมยเสียแล้ว

แน่นอนว่า อู่เหมยพูดต่อทันที “แม่ทัพถังคือคนที่มากด้วยความสามารถ แถมยังกล้าหาญชาญชัยยิ่งกว่าใครอื่น ดังนั้นภารกิจโจมตีตรงกลางจึงตกเป็นของกองพันท่าน เรามั่นใจว่าแม่ทัพถังจะต้องทำได้แน่”

“อุ่ก!” ชายหนุ่มแทบจะอาเจียนออกมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงได้แต่งตั้งเขาให้เป็นตำแหน่งสูงแบบนี้ แถมยังให้ดาบรวมไปถึงพยายามโปรยเสน่ห์ใส่เขาด้วย