ภาค 1 บทที่ 19 ใต้เท้าหลี่ผู้ผดุงความยุติธรรม

จอมศาสตราพลิกดารา

บทที่ 19 ใต้เท้าหลี่ผู้ผดุงความยุติธรรม ProjectZyphon

“ยินดีกับใต้เท้าด้วยที่กำจัดพรรคเสินหนง สำเร็จโทษโจวอู่และเจิ้งหลงซิงภายในคราวเดียว ตั้งแต่วันนี้ไป อำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์อยู่ในการควบคุมของท่านแล้ว” นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงที่อยู่ด้านหลังหลี่มู่ยิ้มสอพลอกล่าว

หลี่มู่จู่ๆ ก็ชะงัก แล้วหันหลังกลับมามองเฝิงหยวนซิง

“เจ้าคิดว่าข้าฆ่าพวกเขาเพื่อชิงอำนาจอย่างนั้นหรือ?” หลี่มู่กล่าว

ยิ้มของเฝิงหยวนซิงแข็งทื่อ

หลี่มู่เบนสายตามากวาดมองเหล่าทหารที่คุกเข่าอยู่

ไม่สู้ใช้โอกาสนี้สร้างแรงกดดันอีกไม่ดีกว่าหรือ?

ดังนั้นขุนนางเมืองหนุ่มจึงรีบแสดงออกถึงความยุติธรรม ฮึกเหิมเร่าร้อน

 “พวกเจ้าฟังข้าให้ดี ข้าสังหารสองคนนี้เพื่อรักษากฎบ้านเมือง เพื่อกำจัดเนื้อร้ายในอำเภอขาวพิสุทธิ์ ล้างแค้นให้ผู้บริสุทธิ์ที่ตายอนาถในพรรคเสินหนงซึ่งเปรียบเสมือนโรงเชือด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวบ้านอำเภอขาวพิสุทธิ์ และเพื่อธำรงความเที่ยงธรรมในการปกครองส่วนท้องถิ่นของจักรรรดิต้าฉินเราไว้” หลี่มู่กล่าวอย่างมีอุดมการณ์และห้าวหาญ หลังจากแสดงด้านที่ใจกว้างไร้ความเห็นแก่ตัวแล้วก็กล่าวต่อว่า “หากโจวอู่และเจิ้งหลงซิงรักประชาชนจริง แม้พวกเขาจะยึดตำแหน่งข้า คิดหรือว่าข้าจะสังหารพวกเขา?”

เฝิงหยวนซิงรีบตอบกลับ

“ใช่ๆๆ ใต้เท้ารักความยุติธรรม อุทิศตัวให้แก่ส่วนรวม เป็นความสุขของพวกเราชาวบ้าน กล้าใช้น้ำใจคนต่ำช้ามาประเมินวิญญูชน สมควรตาย สมควรตายนัก” เขารีบแก้คำพูด ทำสีหน้าละอาย ก่อนจะกล่าวอย่างอับอายเป็นที่สุด “เป็นบุญของประชาชนนับหมื่นของอำเภอขาวพิสุทธิ์จริงๆ ที่มีขุนนางเมืองผู้มีเมตตารักบ้านเมืองอย่างใต้เท้า”

หลี่มู่มุมปากกระตุก

‘เวรเอ๊ย ตาแก่นี่เลียแข้งเลียขาได้หน้าไม่อายยิ่งกว่าฉันอีก’

“เรื่องต่อจากนี้ให้เจ้าจัดการ พวกชั่วของเจิ้งหลงซิงและโจวอู่ที่เหลืออยู่ต้องจัดการให้หมด แต่อย่าให้มีคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่ากระทำเกินเลย ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของจักรวรรดิ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นายทะเบียนเฝิงร่างเอกสารรายงานเบื้องบนได้โดยตรง ข้าเป็นผู้เกี่ยวข้อง ไม่สะดวกที่จะกระทำ”

หลี่มู่พูดจบก็หันกายจากไป

“น้อมรับคำสั่ง” เฝิงหยวนซิงสีหน้ามีความสุข ตอบกลับเสียงดัง

นี่หมายความว่าใต้เท้ายอมรับในตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?

……..

นอกฐานที่มั่นพรรคเสินหนงมีผู้คนมากมาย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ถูกกล่าวขานไปรวดเร็วราวกับพายุ แน่นอนว่ายังไม่นับรวมเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำหิน

นอกจากผู้คนที่มีชื่อเสียงมีตำแหน่งในอำเภอเมือง ยังมีชาวบ้านธรรมดามากมายเดินทางมาเมื่อได้ยินข่าว

ตั้งแต่ที่หลี่มู่ทำลายประตูใหญ่พรรคเสินหนง ข่าวก็แพร่สะพัดราวติดปีก

เพราะในสิบปีที่ผ่านมา พรรคเสินหนงกระทำสิ่งเลวร้ายมากมาย เช่นร่วมมือกับขุนนางกระทำการชั่วร้าย ปล้นฆ่าผู้คน ใช้กำลังในการซื้อขาย ผู้คนอำเภอขาวพิสุทธิ์เดือดร้อนกันมาก มีจำนวนไม่น้อยต่างทุกข์ทรมานยิ่ง ทว่ากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา มาวันนี้ได้ยินว่าท่านขุนนางเมืองลงโทษพรรคเสินหนง แรกสุดผู้คนมากมายต่างไม่เชื่อ แต่เมื่อข่าวยิ่งโหมกระพือ คนมากกว่าเดิมถึงได้รีบเดินทางมา

ในเวลานี้ เรื่องทั้งหมดอธิบายด้วยตัวมันเองแล้ว การล่มสลายของพรรคเสินหนงเหมือนเป็นการตอกย้ำได้อย่างดี

แต่ทุกคนต่างอยากรู้ ในส่วนลึกของป่าหินเกิดอะไรขึ้นกันแน่

พวกเขาไม่กล้าเข้าไป จึงได้แต่รออยู่ภายนอก

ดังนั้นเมื่อหลี่มู่ขี่ม้าขาวที่องครักษ์จับไว้ให้ออกมาจากป่าหินโดยไม่รีบร้อน ก็ต้องตกใจกับภาพผู้คนมากมายที่อยู่ตรงหน้าเขา

“อุว้าว ทำไมถึงมีผู้คนมากมายขนาดนี้?”

เมื่อกวาดตามองภายนอกฐานที่มั่นพรรคเสินหนง มีผู้คนแน่นขนัดเห็นเป็นสีดำปกคลุมไปทั่ว ดูแล้วน่าจะมีประมาณสี่ห้าพันคน

เมื่อเห็นหลี่มู่ออกมา เสียงอื้ออึงของฝูงชนเงียบสนิทในพริบตา ราวกับต้องมนต์สะกด

ออกมาแล้ว!

เมื่อเหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากแต่ละกลุ่มอิทธิพลเห็นภาพนี้ หัวใจก็เต้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่เวลานี้เห็นหลี่มู่กำลังขี่ม้าออกมา พวกเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง

เพราะนี่หมายความว่าขุนนางเมืองหนุ่มผู้นี้ทำสำเร็จแล้ว เขาเป็นคนสังหารและทลายพรรคเสินหนงซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ของพรรคใหญ่ของที่นี่ด้วยตัวคนเดียวจริง นอกจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่ไหล่ เขาก็แทบออกมาอย่างไร้รอยขีดข่วน…นี่ต้องมีความกล้าและพลังมากแค่ไหนกันเชียว?

นี่ยิ่งหมายความว่า นับจากวันนี้อำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์จะมีขุนนางเมืองที่แข็งแกร่งทรงอำนาจ สถานการณ์บ้านเมืองจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพรรคอื่นๆ และคนร่ำรวย

แต่สำหรับราษฎรทั้งหลาย เมื่อพวกเขาเห็นหลี่มู่ครั้งแรกต่างตื่นตะลึงและยินดีเกินจะเปรียบ เพราะขุนนางเมืองคนใหม่ยังหนุ่มเพียงนี้ แม้ว่าบนตัวจะเต็มไปด้วยเลือด แต่คิ้วหนาตาโต ทำให้รู้สึกเป็นมิตรเข้าถึงง่าย ประหนึ่งลูกของเพื่อนข้างบ้าน ไม่มีความสูงส่งเหนือใคร หยิ่งยโส ดูภูมิฐานน่าเกรงขาม หรือให้ความรู้สึกไม่น่าเข้าหาอย่างเหล่าขุนนางที่เคยเห็นเมื่อก่อน

ความประทับใจแรกที่ชาวบ้านทั้งหลายมีต่อหลี่มู่เรียกว่าดีเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดกล้าพูดทำลายความเงียบ

หลี่มู่ใช้ธนูเงินตีบั้นท้ายม้า ม้าศึกวิ่งกุบกับเร็วขึ้น

ฝูงชนต่างเปิดทางให้ด้วยตัวเอง

หลี่มู่ควบม้าผ่านไป

“น่าเสียดาย เป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงละครเลย” หลี่มู่ถอนหายใจอยู่ในใจ เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ เขาควรพูดต่อหน้าผู้คนอำเภอขาวพิสุทธิ์ด้วยความฮึกเหิมและกระตือรือร้น กุมหัวใจประชานั้นมีประโยชน์ แต่เวลานี้เลือดงูในกายเขาเดือดพล่านราวกับภูเขาไฟปะทุ เขาต้องรีบกลับไปใช้พลังชำระล้าง จะชักช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้

ร่างของหนึ่งคนหนึ่งม้าหายไปจากถนนที่อยู่ไกลๆ

ชั่วขณะต่อมา

เฝิงหยวนซิงนำทหารองครักษ์หลายร้อยนายออกมาจากป่าหินในพรรคเสินหนง

ผู้คนที่อยู่ภายนอกต่างกระสับกระส่าย

มีร่างร่างหนึ่งออกแยกจากฝูงชน เดินเข้ามาหาเฝิงหยวนซิง ก่อนจะประสานมือคำนับแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าเฝิงซือคงจิ้งเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมไม่เห็นรองขุนนางเมืองโจวและนายตรวจการเจิ้งออกมาล่ะ?”

เฝิงหยวนซิงเลิกตามอง ตอบไปด้วยสีหน้าสงบว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าของโรงฝึกดารายุทธ์ ซือคงจิ้งพรรคเสินหนงนำคนบุกโรงหมอ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ไม่เคารพกฎหมาย ลบหลู่ใต้เท้าขุนนางเมือง โทษนี้ไม่อาจอภัยได้ จึงถูกท่านขุนนางเมืองสังหารด้วยมือตัวเอง แม้กระทั่งรองขุนนางเมืองโจวและนายตรวจการเจิ้ง… ” เฝิงหยวนซิงหยุดชะงัก แล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “พวกเขาสองคนร่วมมือกับพรรคเสินหนง สร้างความทุกข์แก่ประชาชน มุ่งร้ายขุนนางเมือง โทษหนักไม่อาจละเว้น จึงโดนใต้เท้าประหารตามกฎหมายบ้านเมืองแล้วเช่นกัน!”

“อะไรนะ?” เว่ยจื่อหลงหัวหน้าโรงฝึกดารายุทธ์ เมื่อได้ยินก็ตกใจยกใหญ่ คิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ใต้เท้าเฝิง ท่าน…พูดเล่นใช่หรือไม่?”

 เฝิงหยวนซิงพ่นลมออกมาทางจมูก ก่อนจะกล่าวหน้านิ่ง “ในเวลาเช่นนี้ ข้าจะมีแก่ใจอะไรมาล้อเล่นกับเจ้า”

เขาพูดพลางหันกายแล้วยกมือ สั่งเสียงดังว่า “ทหาร นำศพผู้กระทำผิดซือคงจิ้ง โจวอู่ และเจิ้งหลงซิงทั้งสามไปยังโรงเก็บศพของทางการ สั่งให้คนเฝ้าไว้ให้ดี คนอื่นตามข้าไปบ้านสกุลโจวและสกุลเจิ้ง ท่านขุนนางเมืองมีคำสั่ง อย่าให้มีคนชั่วเหลือพรรคเสินหนงและพรรคพวกของสกุลเจิ้งโจวเหลือรอด”

เมื่อกล่าวจบก็เร่งนำทัพออกไป

เห็นองครักษ์มือดียี่สิบนายนำร่างของซือคงจิ้ง โจวอู่ และเจิ้งหลงซิงทั้งสามคนออกมาจากป่าหิน

ทันใดนั้น ผู้คนโดยรอบนับพันราวกับรังนกโดนวางระเบิด ปั่นป่วนแตกฮือกันหมด

เว่ยจื่อหลงยืนนิ่งอยู่กับที่ประหนึ่งกลายเป็นหิน สมองขาวโพลน

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?

สี่พรรคใหญ่แห่งอำเภอขาวพิสุทธิ์ นอกจากพรรคเสินหนงก็มีวัดสดับพิรุณ สำนักคุ้มกันวายุโหม และโรงฝึกดารายุทธ์ นอกจากวัดสดับพิรุณที่มีประวัติทางพุทธ สำนักคุ้มกันวายุโหมและโรงฝึกดารายุทธ์ต่างมีความเกี่ยวพันกับโจวอู่และเจิ้งหลงซิง หากเทียบกับพรรคเสินหนงพวกเขาดีกว่าบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีถึงขนาดนั้น

เมื่อได้ยินว่าผู้ทรงอิทธิพลทั้งสองถูกสังหาร ในใจเว่ยจื่อหลงเย็นเฉียบทันควัน

ความรู้สึกหนาวเย็นที่ยากจะจำกัดความนี้ไล่จากบั้นท้ายขึ้นมาตามสันหลัง จนไปถึงกลางกระหม่อม ชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

ที่อยู่ไกลๆ เป็นภิกษุวัดสดับพิรุณหลายรูป ผิวขาวและตัวอ้วนท้วน เมื่อได้ยินข่าวสีหน้าก็เปลี่ยน ก่อนจะสุมหัวปรึกษากันแล้วเดินจากไป

แล้วยังมีชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมเกราะเบาของผู้คุ้มกันตามแบบฉบับสำนักคุ้มกันวายุโหมปะปนอยู่กับผู้คน พวกเขาต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อแน่ชัดว่าบนแคร่หามเป็นศพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามจริง ก็รีบร้อนจากไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เว่ยจื่อหลงฝืนข่มความหวาดกลัวและตกตะลึงในใจ รีบเร่งหมุนกายจากไปเช่นกัน

ราวกับฟ้าอำเภอขาวพิสุทธิ์ถล่มลงมา

กลุ่มอิทธิพลแต่ละฝ่ายได้เวลาเปลี่ยนถ่ายอำนาจแล้ว

ขั้วอำนาจจะเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว

โรงฝึกดารายุทธ์จะทำอย่างไรต่อ?

เขาต้องรีบตัดสินใจแล้ว

ในเวลาเดียวกัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกรสของผู้คนโดยรอบยิ่งนานยิ่งดุเดือดขึ้น

จนตอนนี้หลายคนยังไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่หูได้ยินและสิ่งที่ตาเห็น เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้โดยไร้สัญญาณเตือน เป็นความแปรปรวนของเมฆฝนโดยแท้ หากบอกว่าพรรคเสินหนงล่มสลาย ซือคงจิ้งตายลง แล้วยังมีปัจจัยที่คาดไม่ถึงอย่างการตายของโจวอู่และเจิ้งหลงซิงอีก นี่คือลมพายุฝนที่โหมกระหน่ำกะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างมึนงงอยู่ท่ามกลางลมฝนนี้ในรวดเดียว

ที่แท้ขุนนางเมืองหนุ่มที่เพิ่งขี่ม้าจากไปทำเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้?

“ใต้เท้าหลี่ผู้ผดุงความยุติธรรม!”

ท่ามกลางฝูงชน ไม่รู้ผู้ใดตะโกนดังลั่น

ชาวบ้านธรรมดามากมายพลันมีปฏิกิริยาตอบกลับ

“ใต้เท้าผู้ผดุงความยุติธรรม”

“ฮ่าๆ ชุ่ยเอ๋อร์ เจ้าคงเห็นจากสวรรค์แล้วว่าใต้เท้าขุนนางเมืองแก้แค้นให้เจ้า เดรัจฉานพรรคเสินหนงตายหมดแล้ว ฮ่าๆ…”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ซือคงจิ้งตายแล้ว พวกท่านหลับให้สบายได้แล้ว”

“ท่านขุนนางเมืองช่างเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมโดยแท้ ทำเพื่อราษฎร พวกเราชาวอำเภอขาวพิสุทธิ์ ในที่สุดก็มีขุนนางดีสักคน”

“เหมือนฟ้าหลังฝนเลย”

“ใครไม่ได้รับความเป็นธรรม รีบไปที่ว่าการแล้วร้องขอความเป็นธรรมเสีย ใต้เท้าผู้รักษาความยุติธรรมต้องช่วยเราจัดการแน่”

ผู้คนต่างตื่นเต้น กระตือรือร้นไปทุกย่อมหญ้า

บางคนไม่รู้ว่าไปเอาประทัดมาจากไหน นำมาจุดหน้าประตูใหญ่ฐานที่มั่นพรรคเสินหนง

เสียงประทัดดังไปไกลหลายลี้

บรรยากาศอบอุ่น หลายคนน้ำตาคลอเบ้า ราวกับตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลก็ไม่ปาน

……………………….