กู้ชูหลานกำหมัดแน่นทั้งสองมือ ดวงตาที่เรียวยาวดั่งหงส์มีประกายของความชั่วร้าย สุดท้ายนางได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเดินจากไป

กู้ชูอวิ๋นและเจ๋ออ๋องมองกู้ชูหน่วนที่กำลังเก็บเงินก่อนจะเดินออกไปจากสำนักศึกษา

ในสำนักศึกษา คุณชายจากตระกูลขุนนางจำนวนมากต่างหน้าดำคร่ำเครียดและเอาแต่ก่นด่าไม่หยุด

“ให้ตายสิ พวกเจ้าบอกว่าสำนักศึกษาของเราดีไปหมดทุกอย่าง แล้วไอ้หนึ่งตำแหน่งนี่มันลอยมาจากอากาศได้อย่างไร ที่น่าโมโหก็คือตำแหน่งที่ว่านี้ถูกยัยหัวขี้เลื่อยยึดเอาไปแล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นข้าจะแพ้ได้อย่างไร”

“ใช่ไหมล่ะ ข้าทุ่มเงินไปตั้งห้าร้อยตำลึงพนันว่ากู้ชูหน่วนจะแพ้”

“ข้าก็ทุ่มไปตั้งหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง”

“ของพวกเจ้าไม่เท่าไหร่ ข้าทุ่มลงไปตั้งสามพันตำลึง”

“โชคไม่ดีจริงๆ ของข้าห้าพันตำลึง”

“ไม่ใช่แล้วมั้ง เจ้าไปเอาเงินมาจากไหนเยอะขนาดนั้น”

“ข้าไม่ได้ขโมยมาจากท่านพ่อนะ ข้าคิดว่ามันเป็นชัยชนะที่แน่แท้ ใครจะไปรู้… กลับเรือนไปข้าต้องถูกท่านพ่อตีจนตายเป็นแน่”

“…..”

ทุกคนต่างออกไปด้วยความสิ้นหวัง ในขณะที่เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะเสียงดังลั่นและมองเงินก้อนโตที่อยู่ตรงหน้า เขามีความสุขจนหุบปากลงไม่ได้

หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยหมดอาลัยตายอยาก ทำท่าเหมือนกับว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว

เซี่ยวอวี่เซวียนแหย่พวกเขาทั้งสองคน “แม่สาวอัปลักษณ์ชนะแบบนี้ พวกเจ้าสองคนไม่ดีใจหรืออย่างไร”

“ดีใจ ดีใจอยู่แล้ว” เพียงแต่พวกเขาพวกขโมยทรัพย์สินทั้งหมดภายในเรือนมาพนันว่ากู้ชูหน่วนจะแพ้ กลับเรือนไปแล้วจะอธิบายให้คนที่เรือนฟังอย่างไร

เมื่อคิดว่าต้องสูญเงินไปมากขนาดนั้นพวกเขาก็นึกอยากตายขึ้นมา

“แม่สาวอัปลักษณ์ หนึ่งล้านตำลึง นี่มันเงินหนึ่งล้านตำลึงเต็มๆ เลยนะ พวกเราหาเงินได้มากมายขนาดนี้ ใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด” เซี่ยวอวี่เซวียนสอดพัดไว้ที่หลังและเริ่มนับเงินอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนกำลังคาบหญ้าหางหมาจิ้งจอกไว้ในปากและนั่งไขว่ห้างอย่างเกียจคร้าน

ได้ยินดังนั้นนางจึงเอ่ยว่า “ก็แค่เงินหนึ่งล้านตำลึงเท่านั้น ดูเจ้าดีใจซะสิ”

ทุกคนแทบจะล้มพับ

นางพูดอะไรน่ะ

เงินแค่หนึ่งล้านตำลึงงั้นรึ

“แม่สาวอัปลักษณ์ ข้าเดิมพันไปแค่หนึ่งพันตำลึงท่านพ่อก็แทบจะฆ่าข้าอยู่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเงินหนึ่งล้านตำลึงมันมีความหมายอย่างไร”

กู้ชูหน่วนคว้าเงินขึ้นมาห้าแสนตำลึงอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงโยนมันให้เซี่ยวอวี่เซวียน “เอ้า ข้าไม่ถือสาถ้าเจ้าจะเอาเงินไปทำให้ท่านพ่อของเจ้าตะลึง”

เซี่ยวอวี่เซวียนชะงัก เขามองเงินจำนวนมากในมือและขยับลิ้นแทบไม่ได้ “นี่… นี่มันอะไรกัน”

“ให้เจ้าไง”

“ให้ข้า? เงินขนาดนี้เนี่ยนะ? แม่สาวอัปลักษณ์ ไฟไหม้สมองเจ้าแล้วหรือไง”

“มาก็มาตัวเปล่า ตายก็ตายตัวเปล่า ขอแค่มีพอใช้ก็เป็นพอ จะเอาเงินมากขนาดนั้นไปทำไมกัน ข้าก็ยังละอายอยู่นะ”

ว่าแล้วกู้ชูหน่วนก็ใช้สองมือคว้าเงินอีกครั้ง มือหนึ่งโยนให้หลิ่วเย่ว์ อีกมือหนึ่งโยนให้อวี๋ฮุย จากนั้นจึงตะโกนอย่างเกียจคร้านว่า “ให้พวกเจ้า ถ้าไม่พอก็มาหยิบเพิ่มไปเอง”

ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกกู้ชูหน่วนว่าพี่ใหญ่เพราะเห็นแก่หน้าของเซี่ยวอวี่เซวียน ตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างแท้จริง

คนอื่นหวังจะได้เงินแต่ไม่มีใครได้ไป ทว่านางกลับให้พวกเขาอย่างไม่ตระหนี่เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้สิ่งที่ให้มายังเป็นเงินถึงสองแสนตำลึง โลกนี้มีคนที่ทั้งรวยและน่าเคารพเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร

“พี่ใหญ่ นี่มันมากเกินไปแล้ว เราจะไม่รับเงินไปโดยเปล่าประโยชน์”

“พวกเจ้าไม่ได้จ่ายเงินทุนไปหรอกหรือ”

“นั่นมันไม่ได้มากขนาดนั้น”