บทที่ 19 เช็ค 10 ล้าน

เมื่อเห็นความแข็งแกร่งอันน่าอัศจรรย์ของอวี้ฮ่าวหราน ชายปริศนาชุดดำตกตะลึงจนแทบคลั่ง เขาโบกมือเป็นพัลวันราวกับคนเสียสติไปทางอวี้ฮ่าวหราน

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขาโบกมือเขาโน้มตัวไปทางเบาะคนขับมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อได้ระยะดวงตาของเขาส่องประกายเย็นชาขึ้นมาวาบหนึ่ง พร้อมกับที่มือซ้ายของเขาพุ่งไปเปิดช่องเก็บของตรงที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ และคว้าปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9มม. อย่างรวดเร็ว

แต่น่าเสียดายที่ความเร็วของเขามันไม่มีทางเทียบได้กับอวี้ฮ่าวหรานผู้ซึ่งมีร่างกายเทวะ

จู่ ๆ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไป และประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับก็ถูกดึงออกกระจุย พร้อมกับที่ชายชุดดำรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่แขนซ้ายของเขา จนเขาทำปืนหลุดมือไป!

ตอนนี้แขนซ้ายของเขามันหักจนผิดรูปไปเรียบร้อยแล้ว แถมอวี้ฮ่าวหรานก็ได้ขึ้นมานั่งบนเบาะผู้โดยสารข้างคนขับเรียบร้อย!

“อ้าา…! อุ๊บ!”

ในขณะที่เขากำลังส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด อวี้ฮ่าวหรานก็เอามือปิดปากเขาไว้ไม่ให้ส่งเสียงดังดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ

ชายชุดดำมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาทั้งเคียดแค้นทั้งสิ้นหวัง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามถึงได้แข็งแกร่ง และรวดเร็วราวกับหายตัวได้แบบนี้!?

และที่สำคัญมากไปกว่านั้นที่ทำให้เขายิ่งกลัวชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามมากขึ้นกว่าเดิมก็คือดวงตาของชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามนั้นมันช่างสงบนิ่งเหลือเกิน เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปทั้งหมดนั้นมันไม่มีอะไรสำคัญเลย

“มากับฉันเงียบ ๆ อย่าขัดขืน” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมกับปล่อยมือออกจากปากของฝั่งตรงข้าม

“คุณอย่าฆ่าผมได้ไหม?” ชายชุดดำขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น

ในฐานะที่เขาทำงานเป็นนักสืบมานาน ตอนนี้เขาจึงพอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นได้อยู่ เขาต้องการที่จะเจรจากับฝั่งตรงข้ามก่อน และถ้าหากฝั่งตรงข้ามตอบกลับเขาจะใช้ความรู้ทางด้านจิตวิทยาในการหาจุดอ่อนของฝั่งตรงข้ามเพื่อทำให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้

นี่เป็นทางเลือกเดียวของเขา เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถใช้กำลังในการต่อกรกับฝั่งตรงข้ามได้แน่ เขาต้องใช้สมองในการสู้กับฝั่งตรงข้ามแทน!

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานคือมหาจักรพรรดิเทพที่อยู่มาเป็นหมื่นปี ดังนั้นมีหรือที่มนุษย์ธรรมดาจะทำให้เขาไขว้เขวได้?

“มดแมลงอย่างแกไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับเทพอย่างข้า เลือกเอาว่าจะไปกับข้าหรือจะตายตรงนี้!”

เมื่อพูดจบดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับตะปบมือไปที่คอหอยของฝั่งตรงข้ามพร้อมที่จะหักคอชายชุดดำได้ทุกเมื่อ

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเอาจริงแน่นอน ชายชุดดำรีบตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “กะ..ก็..ได้ ผมจะไปกับคุณ”

จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากรถ ซึ่งชายชุดดำก็ค่อย ๆ เดินตามอวี้ฮ่าวหรานไปพร้อมกับประคองแขนข้างที่หักของตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวดและหดหู่

อวี้ฮ่าวหรานพาชายชุดดำขึ้นไปหาเฉิงกัวอันโดยไม่มีใครขวางสักคน เพราะทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานคือคนสนิทของเฉิงกัวอัน

เมื่อเข้าไปถึงด้านในห้องทำงานของเฉิงกัวอัน อวี้ฮ่าวหรานก็นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับสั่งให้ชายชุดดำนั่งคุกเข่าลงที่พื้นเพื่อรอการสืบสวน

“เอาล่ะคุณเฉิง ตอนนี้คุณอยากถามอะไรเขาคุณถามได้เลย ถ้าหากเขาโกหกเมื่อไหร่ผมจะบอกเอง” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นกับเฉิงกัวอัน

เฉิงกัวอันพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นเขาหันไปหาชายชุดดำและถามว่า “พูดเรื่องสอดแนมฉันมา!”

ชายชุดดำเหลือบมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาลังเลอยู่สักพัก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณเฉิง ผมตอบตามตรงว่าผมเองก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรมากนัก ผมรู้แค่ว่าการสอดแนมนี้มันถูกวางแผนขึ้นโดยความร่วมของ 2 กลุ่มอำนาจ ซึ่งก็คือคุณหลี่ และบริษัทเวชภัณฑ์ไป๋ชานของกลุ่มทุนเจียคัง ส่วนผมเองมีหน้าที่แค่สอดแนมความเคลื่อนไหวของคุณเท่านั้น”

ชายชุดดำบอกทุกอย่างที่เขารู้ เพราะเขาวิเคราะห์แล้วว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ถ้าเขาโกหกเมื่อไหร่เขาตายแน่นอน

“บ้าเอ๊ย!” เฉิงกัวอันตบที่พักแขนเสียงดัง จากนั้นเขาเดินไปเปิดประตู และเรียกบอดี้การ์ดร่างกำยำซึ่งดูไม่ธรรมดาเข้ามา 3 คน และพูดกับบอดี้การ์ดเหล่านั้นว่า “พาไอ้คนนี้ไปขังเอาไว้ให้ดี และอย่าเพิ่งฆ่ามันทิ้ง ฉันยังมีคำถามที่จะต้องถามมันเพิ่มอีก”

จากนั้นเมื่อชายชุดดำถูกพาตัวออกไป เฉิงกัวอันก็เดินมาหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

ในตอนแรกเฉิงกัวอันคิดว่าการหาเบาะแสเรื่องนี้มันคงจะลำบากพอสมควร แต่ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานกลับทำให้เขาได้รับข้อมูลมามากมายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้จักกับอวี้ฮ่าวหราน

เฉิงกัวอันนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นเขาก็ควักเช็คเงินสดออกจากกระเป๋ากางเกง และวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าอวี้ฮ่าวหราน

“นี่เงิน 10 ล้านหยวน สำหรับเรื่องที่คุณช่วยผมในวันนี้”

“หืม? นี่คุณยังจะให้ผมอีกเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เพราะเมื่อวานซืนเขาก็เพิ่งได้มา 2 ล้าน แล้ววันนี้เฉิงกัวอันดันให้มาอีก 10 ล้าน เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรไปมากเลย ทำไมฝั่งตรงข้ามต้องให้เงินเขาเยอะแบบนี้?

“ผมต้องให้คุณเพิ่มแน่นอนอยู่แล้ว เพราะในตอนแรกผมแค่จะจ้างคุณมาเพื่อให้คอยปกป้องลูกสาวของผม แต่ตอนนี้ผมกลับเรียกให้คุณมาช่วยสะสางปัญหาให้กับธุรกิจของผม ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกันเลย และอีกอย่างเงินแค่นี้หากเทียบกับสิ่งที่คุณทำลงไปมันถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว” เฉิงกัวอันเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มจริงใจ

อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า และรับเช็คเงินสดไปและพูดว่า “โทรมาก็แล้วกันหากมีปัญหาอะไรอีก”

เฉิงกัวอันรู้สึกโล่งอกทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานรับเช็คไป

เขากลัวเป็นอย่างมากว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่ยอมรับเงิน เพราะมันจะกลายเป็นว่ารอบหน้าเขาคงไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรเรียกให้อวี้ฮ่าวหรานมาช่วยงานเขาอีก

และที่สำคัญในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าศัตรูของเขาเป็นใคร เขาจำเป็นต้องมีคนอย่างอวี้ฮ่าวหรานมาช่วย ไม่งั้นเรื่องต่าง ๆ มันจะยากขึ้นอีกมาก

ในตอนนี้เฉิงกัวอันวางสถานะของอวี้ฮ่าวหรานไว้ในใจของเขาเองสูงมาก

จากนั้นเฉิงกัวอันก็รั้งให้อวี้ฮ่าวหรานอยู่คุยกันต่ออีก

จากการพูดคุยกัน เฉิงกัวอันสอบถามเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ ของอวี้ฮ่าวหรานเล็กน้อยจนเขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดของอวี้ฮ่าวหรานนั้นคือลูกสาว และเขายังอาศัยอยู่กับน้องภรรยา ส่วนภรรยานั้นหายตัวไปได้หลายปีแล้ว

พวกเขาคุยกันไปอีก 2 ชั่วโมงกว่า จนอวี้ฮ่าวหรานต้องเป็นคนเอ่ยปากขอตัว ซึ่งเฉิงกัวอันก็พยายามชวนให้เขาอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน

“คงต้องขอปฏิเสธ อีกไม่นานถวนถวนจะเลิกเรียนแล้ว ผมต้องรีบกลับไปรับเธอให้ทัน เอาเป็นว่าหากคุณมีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้ตลอด”

เฉิงกัวอันพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นเขาก็เอ่ยลาอวี้ฮ่าวหรานโดยไม่รั้งไว้อีก

ต่อมาราว 15 นาที อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถ Lexus570 คันใหม่เอี่ยมของเขามาถึงโรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดง

ในเวลานี้มันเป็นเวลาเลิกเรียนพอดี ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็เห็นเด็กมากมายกำลังกรูออกมาจากโรงเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับนักโทษที่เพิ่งพ้นจากคดี

เมื่อเห็นภาพนี้อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ในใจ

ชีวิตความเป็นอยู่ของโลกมนุษย์นี่มันช่างสงบสุขแตกต่างกับดินแดนแห่งเทพที่มีแต่การฆ่าฟันกันจริง ๆ

ที่ดินแดนแห่งเทพ ชะตากรรมของเด็กทุกคนที่เกิดมาล้วนมีแต่ความยากลำบาก หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเขาจะเป็นได้แค่หมากให้คนที่แข็งแกร่งกว่าบงการความเป็นตายของชีวิต

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขากำลังรอถวนถวนให้ออกมาจากโรงเรียน อวี้ฮ่าวหรานก็สังเกตเห็นว่าที่กำแพงด้านนอกของโรงเรียนใต้ต้นไม้ใหญ่มีครูผู้หญิงคนหนึ่งของโรงเรียนอนุบาลกำลังถูกชายหนุ่มคนหนึ่งดึงผมหางม้าของเธอ ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้เห็นหน้าชัดว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร เพราะชายหนุ่มคนนั้นหันหลังให้เขาอยู่