หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.334 – หยุด

 

เมื่อประธานาธิบดีทำการระดมกำลังสามเหล่าทัพเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเริ่มสงคราม ในทางตรงกันข้ามสงครามที่กำลังจะปะทุจึงจำต้องล่าช้าออกไป

 

ด้วยการระดมกำลังอย่างฉับพลันของกองทัพรัฐบาลกลาง ส่งผลให้สงครามในครั้งนี้ทวีความรุนแรงถึงขีดสุด

 

สงครามระดับนี้ กล่าวได้ว่าสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่ทั้งสองประเทศ

 

ม่านเหล็กทำการปรับกลยุทธ์ และเทพธิดากงเจิ้งก็เช่นเดียวกัน

 

การปรับใช้งานทางทหารได้กลายเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้น และยากที่จะคาดคำนวณ

 

สมองของมนุษย์ไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงการคำนวณของสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ แต่แน่นอนว่าสำหรับAI พวกมันย่อมสามารถทำได้

 

ม่านเหล็กเริ่มระมัดระวังมากขึ้น ทุกการกระทำและวางแผนล้วนเป็นไปอย่างรอบคอบ

 

การเคลื่อนไหวของมันชะลอตัวลง

 

แต่เทพธิดากงเจิ้งกลับตรงกันข้าม การเคลื่อนไหวของเธอเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเลือกที่จะค้นหารายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างประเทศทั้งสองเพื่อทำการวิเคราะห์กลยุทธ์ ดูเหมือนว่าเธอจะรอบคอบยิ่งกว่าม่านเหล็กเสียอีก

 

เธอรู้ดีว่ามีหลายคนที่กำลังพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้สงครามยุติลง

 

และหลากกลยุทธ์ที่จะถูกนำมาปรับใช้ของเธอ ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อถ่วงเวลาแทบทั้งสิ้น

 

ณ อาณาจักรฟูซี

 

วังโอเอซิสกลางทะเลทราย

 

มีผู้คนเข้าออกตลอดเวลา รถเหินเวหาก็เช่นกัน กล่าวได้ว่าทุกชนิดของข้อมูลถูกระดมส่งมายังที่นี่

 

องครักษ์วิ่งวุ่นกลับไปกลับมา ย่ำผ่านรอยเปื้อนเลือดที่ลากเป็นทางยาวบนพื้นแลดูน่าสะพรึง และไม่ว่าใครได้พบเจอก็ล้วนต้องขวัญผวา

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นมัน

 

ก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ รัฐมนตรีคนแล้วคนเล่าก็ได้เดินทางมาถึงวังโอเอซิสแล้ว

 

หลังจากนั้น คำสั่งหนึ่งได้ถูกส่งออกมาโดยจักรพรรดินี ใจความว่า

 

รัฐมนตรีและข้าราชบริพารคนใดที่ต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์และใกล้ชิดกับองค์จักรพรรดิ จะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ

 

การล้างเลือดครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

ณ ภายในห้องชุมใหญ่

 

จักรพรรดินีได้รับการคุ้มครองโดยสมาคมนักล่า เธอเว้นระยะห่างจากเหล่ารัฐมนตรีไกลออกไป และกำลังรับฟังสถานการณ์อย่างระมัดระวัง

 

เธอยืนอยู่ที่นั่น คอยจัดการกับสถานการณ์ทางทหารด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

ฉากนี้มันค่อนข้างจะแปลกประหลาดมาก

 

เพราะนักฆ่าที่มีทักษะในการลอบสังหาร กลับมารับหน้าที่คุ้มครองจักรพรรดินี

 

องครักษ์วังแต่เดิมมีหน้าที่พิทักษ์องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินี แต่บัดนี้หน้าที่ดังกล่าวกลับถูกยึดไปโดยนักฆ่าซะงั้น

 

จักรพรรดินีเวโรน่าออกคำสั่งอีกครั้ง

 

ทว่าทันใดนั้นเอง สมองควอนตัมของเธอก็ส่องสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ

 

ตามด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์สังเคราะห์ดังขึ้น “ฉันคือม่านเหล็ก จักรพรรดินี ได้โปรดตรวจสอบข้อความบนจอภาพด้วย”

 

ไม่มีการเอ่ยรายงานออกมาอธิบายโดยตรง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นข้อมูลลับ

 

จักรพรรดินีก้มหัวลงมองดูมัน

 

บนจอภาพของสมองควอนตัม ปรากฏสองบรรทัดตัวอักษรขึ้น

 

“สัญญาณชีวิตขององค์จักรพรรดิได้หายไป และได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตลงแล้ว”

 

“ทว่าสงครามยังคงดำเนินต่อไป ฝ่าบาท ตอนนี้สามเหล่าทัพอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านแล้ว”

 

จักรพรรดินีนิ่งอึ้ง

 

เธอหันไปทางฝูงชน และเดินไปช้าๆบนบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ

 

ริ้วรอยกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แต่เดิมเคยมีเพียงความงดงามของเธอ เจ้าตัวใช้เวลาอยู่นานกว่าจะควบคุมน้ำเสียงให้มั่นคงได้

 

ตัวเธอสั่นสะท้าน สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามทำให้ตัวเองสงบลง

 

เมื่อจักรพรรดินีนั่งลงบนบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิแห่งฟูซีและเผชิญหน้ากับเหล่ารัฐมนตรีอีกครั้ง สีหน้าของเธอก็พลันไร้อารมณ์ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นถึงใบหน้าท่าทีการแสดงออกในตอนแรกของเธอแล้ว

 

ฝูงชนที่เฝ้ามองดูฉากนี้ ต่างพากันสงสัยถึงการกระทำของจักรพรรดินี

 

แล้วทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

“ฝ่าบาทได้ล่วงลับไปแล้ว”

 

จักรพรรดินีเวโรน่ากล่าวออกมาอย่างสงบ

 

ทันใดนั้นทั้งห้องพลันเงียบสงัด

 

หลังจากที่เกิดอาการช็อกครั้งใหญ่ เหล่าผู้คนในที่นั้นก็เริ่มพิจารณาเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของข่าวร้ายนี้อย่างรวดเร็ว

 

ทุกคนที่สามารถเข้ามาในห้องโถงได้ในเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อยู่ฝั่งจักรพรรดินีทั้งสิ้น

 

หากองค์จักรพรรดิล่วงลับไปแล้ว ยังจะเหลือผู้ใดอีกเล่าที่จะสามารถสู้กับจักรพรรดินีได้?

 

ที่แน่ๆในปัจจุบัน ไม่มีใครแบบนั้นอยู่ในอาณาจักร

 

ในสายตาของเหล่ารัฐมนตรีล้วนเผยถึงประกายแห่งความสุข ทว่าพวกเขาจำต้องบีบบังคับสีหน้าตนให้แลดูเศร้าสร้อยเอาไว้ ยามเมื่อสองห้วงอารมณ์ที่ต่างขั้วเผสมปนเปเข้าด้วยกัน ฉากตรงหน้านี้ช่างให้ความรู้สึกน่าขันและยากจะพรรณนาทีเดียว

 

จักรพรรดินีเอ่ยสั่ง “ข้าขอสั่งให้หยุดเคลื่อนไหวเพื่อรอรับคำสั่ง และยุติการโจมตีหรือพฤติกรรมที่แลดูเป็นภัยคุกคามทั้งหมด”

 

“นอกจากนี้ ช่วยทำการติดต่อประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลางทางโทรศัพท์ทันที”

 

รัฐมนตรีและเหล่าองครักษ์ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ที่ดังฟังชัดตลอดทั่วทั้งห้องมีเพียงเสียงของเธอเท่านั้น

 

ในไม่ช้า การสื่อสารก็ถูกเชื่อมต่อ

 

“ประธานาธิบดี ข้ายินดียิ่งที่ได้สนทนากับเจ้า”

 

“ใช่แล้ว นี่มันเป็นความผิดของฟูซีเอง แต่โชคยังดีที่ผลลัพธ์ของมันไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก”

 

“ทางเราจะจ่ายสินสงครามให้ตามความเหมาะสม – ใช่ เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว”

 

“ข้าต้องการ … สันติภาพ แล้วเจ้าเล่า?”

 

——

 

ณ แนวหน้า

 

ติ๊งงงงง ติ๊งงงงง ติ๊งงงงง ติ๊งงงงง

 

ช่องทางการสื่อสารของจางเพ่ยเจี่ยดังขึ้น ถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง

 

“อนุญาตให้ทำการเชื่อมต่อ!” เขาตะโกน

 

“คำสั่ง : หยุดเคลื่อนไหวเพื่อรอรับคำสั่ง และยุติการโจมตีหรือพฤติกรรมที่แลดูเป็นภัยคุกคามทั้งหมด”

 

จางเพ่ยเจี่ยเปิดค็อกพิททันที พร้อมกับง้างมือกระแทกลงในปุ่มสีแดง

 

ปัง!

 

เกราะรบสีดำที่อยู่ในสภาพแตกหักเสียหายไร้ซึ่งพลังงานเกื้อหนุนอีกต่อไป มันร่วงตกลงไปกองกับพื้น

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน จางเพ่ยเจี่ยได้โผล่ออกมาจากชุดเกราะ และกลิ้งขลุกๆไปมาบนพื้น

 

“ฉันยอมแพ้!”

 

เขาตะโกนไปทางหุ่นรบสีเขียวที่ยังคงไม่บุบสลาย

 

กำปั้นเหล็กข้างหนึ่งกำลังง้างลงมาหมายจะกระแทก อยู่ห่างจากเขาเพียงหนึ่งช่วงแขน

 

เกราะรบสีเขียวหยุดชะงักลงอย่างกระทันหัน

 

แรงลมขนาดใหญ่ที่เกิดจากการหยุดปะทะ พัดเป่าจางเพ่ยเจี่ยถอยกลับไปหลายก้าว

 

“ยอมแพ้? ในฐานะทหารที่กล้าท้าทายเป็นตายกับฉัน … คุณกล้ายอมแพ้ได้อย่างไร?” น้ำเสียงของเทพนักสู้เย็นชาและฟุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า

 

“ข้าเป็นคนของจักรพรรดินี และได้รับคำสั่งให้ถ่วงเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้สงครามเกิดการปะทุขึ้น และตอนนี้ ม่านเหล็กก็ได้ออกคำสั่งให้ยุติสงครามแล้ว” จางเพ่ยเจี่ยเร่งอธิบายอย่างรวดเร็ว

 

เขาไม่กล้าที่จะขัดใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

 

เพราะตราบใดที่เทพนักสู้ยังบังเกิดข้อสงสัยในตัวเขาแม้เพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็จะกระโจนเข้าหาเขาทันทีพร้อมด้วยกระบวนท่าสังหาร!

 

“คนของจักรพรรดินีเวโรน่าอย่างงั้นหรือ … ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!”

 

ภายในเกราะรบสีเขียว น้ำเสียงของเทพนักสู้ที่คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ดูอ่อนลงหลายส่วน

 

เจตนาฆ่าของเทพนักสู้ได้หายไป

 

—มันกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายต้องการต่อสู้กับตนเองเพียงเพื่อชะลอศึกใหญ่ระหว่างสองกองทัพ

 

อีกฝ่ายถึงขั้นยอมเผชิญหน้ารับการโจมตีของตนที่โหมกระหน่ำราวกับพายุจนกระทั่งถึงช่วงเวลารุ่งสางนี้

 

ส่งผลให้ไม่มีทหารคนใดเข้าสู่สงคราม และไม่มีใครต้องเสียสละชีวิตลง

 

แต่นั่นมันจะเป็นความจริงหรือ?

 

ขณะที่ซางซ่งหยางกำลังขบคิด เขาก็เห็นว่าสมองควอนตัมของตนส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามา

 

ท่านประธานาธิบดีได้ส่งข้อความถึงเขาเป็นการส่วนตัว

 

ใจความมีเพียงแค่หกพยางค์สั้นๆ

 

“สงครามสิ้นสุดลงแล้ว”

 

หลังจากนั้น ชุดกลยุทธ์อื่นก็ถูกส่งเข้ามาแทนที่กลยุทธ์เดิมโดยเทพธิดา

 

ซางซ่งหยางพอมองไปบนจอม่านแสง รอยยิ้มก็ค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าเขา

 

เขารีบกดปุ่มเปิดห้องคนขับของเกราะรบสีเขียวออกในทันที

 

และกระโดดลงมาจากมัน

 

เขามองไปยังจางเพ่ยเจี่ยที่ยืนอยู่บนพื้นดินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเอ่ยออกมาเบาๆว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจคุณผิดไป ถ้าหากเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ กล่าวได้เลยล่ะว่าคุณน่ะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง”

 

เทพนักสู้ยื่นมือออกไปทางทหารแห่งฟูซี

 

และจอมพลก็คว้ามืออีกฝ่าย และดึงตัวผุดลุกขึ้น

 

“มันไม่สำคัญหรอกว่าจะได้เป็นวีรบุรุษรึเปล่า แต่ที่แน่ๆข้าเกือบจะถูกฆ่าอยู่แล้ว” จางเพ่ยเจี่ยถอนหายใจออกมา

 

และเทพนักสู้ดูจะไม่ใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่ เขาหัวเราะออกมา “แต่ก็เพราะการถ่วงเวลาของคุณ ทำให้ระหว่างสองประเทศไม่มีใครเสียชีวิตลงเลย ฉันคิดว่าวันนี้มันจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน”

 

“ตราบใดที่ท่านไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ข้าจะขอบคุณมากๆ” จางเพ่ยเจี่ยกล่าว

 

“ในฐานะที่เป็นถึงจอมพลของราชวงศ์ คุณน่ะไม่ใช่คนเขลาเลย มีการตัดสินใจที่ดี ค่อนข้างชัดเจน และเข้าใจถึงการต่อสู้ เรื่องนี้ฉันค่อนข้างชื่นชมทีเดียว ” ซางซ่งหยางกล่าวสรรเสริญ

 

“ถ้างั้น – ขอข้าสูบบุหรี่ซักมวนก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องนี้เอาไว้ค่อยพูดคุยกันในภายหลัง” จางเพ่ยเจี่ยกล่าว

 

“สูบบุหรี่? แล้วทำไมฉันถึงต้องไปวุ่นวายกับการสูบบุหรี่ของคุณด้วย? เชิญตามสบายเลย” ซางซ่งหยางกล่าวด้วยควาประหลาดใจ

 

“ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อยแล้ว” จางเพ่ยเจี่ยกล่าวออกมาในที่สุด

 

เขาเอื้อมมือไปหลังศีรษะ จากนั้นก็ค่อยๆเอามือขูดๆ แล้วดึงมันออกมาอย่างแรง

 

หน้ากากหนังมนุษย์หลุดลอกออก เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของซางหยิงฮ่าว

 

เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ สูดมันเข้าไปลึกๆในปอด แล้วก็บ่นว่า “ไอ้เจ้าจอมพลบ้านี่มันดื้ออย่างกับลาคลั่ง ผมโน้มน้าวมันตั้งนานแต่ก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายเลยต้องมาออกหน้าเองแบบนี้”

 

เทพนักสู้ซางซ่งหยางกลายเป็นโง่งม

 

อย่างไรก็ตาม สองตาของเทพนักสู้ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคนทั้งร่างเผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่า

 

ซางหยิงฮ่าวรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเงยหน้าขึ้น และหันหลังกลับวิ่งหนีไป

 

ส่วนเบื้องหลังเขา ไล่หลังมาด้วยเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธของเทพนักสู้ “ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ แกมีพรสวรรค์คว่ำฟ้าดินถึงขนาดนี้ หยุดงานบ้าๆที่กำลังทำอยู่ซะแล้วกลับมารับใช้ทางกองทัพกับฉันเดี๋ยวนี้!”

 

ซางหยิงฮ่าวโต้สวนกลับไปทันควัน ปากเอ่ยกล่าวอย่างลื่นไหล “หลานชายขอผ่าน!  กองทัพมีแค่ท่านตาคนเดียวก็เกินพอแล้ว และอีกอย่างผมจะไม่ยอมถูกตาจับไปฝึกหนัก โดนดุด่าสั่งสอนให้ขายขี้หน้าคนไปทั่วหรอกนะ!”