ตอนที่ 27 แฮกเกอร์ปริศนา

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เพราะประโยคนี้ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในบรรยากาศแปลกๆ 

 

 

หนิงฉิงก้มหน้าก้มตารีบใช้ตะเกียบพุ้ยอาหารเข้าปาก ใบหน้าตึงและไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

มู่หยิงรู้สึกอายขึ้นมา เมื่อมองหน้าลูกพี่ลูกน้องคนเก่ง จากนั้นก็มองไปที่อีกคน แล้วไม่รู้จะพูดอะไรดี 

 

 

มู่หนานก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ 

 

 

ฉินอวี่ดูเหมือนจะได้สติเป็นคนแรก จึงเอ่ยปากขึ้น “คุณแม่ หนูพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ” 

 

 

“ไม่เลยจ้ะ…” พอได้ยินเสียงลูกคนโปรด ผู้เป็นแม่จึงยิ้มออกมา 

 

 

เด็กสาวหน้าสวยนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ และยังคงนิ่งเหมือนเดิม เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นช้าๆ “ฉันจะไปปักกิ่ง” 

 

 

สังเกตด้วยว่า เธอเพียงบอกว่าจะไปที่ปักกิ่ง ไม่ใช่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง 

 

 

เพียงแต่คนที่โต๊ะไม่ได้สังเกตดีๆ เท่านั้น 

 

 

พวกเขาทุกคนต่างนิ่งไป แม้แต่มู่หนานก็ยังคงถือตะเกียบไว้ในมือ แล้วมองดูลูกพี่ลูกน้องคนโตด้วยท่าทีที่ใช้ความคิด 

 

 

น้องสาวคนเล็กหัวเราะเหยียดหยันเบาๆ แล้วกินผัก ขณะที่กำลังกินอยู่ เธอยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อ้อ พี่ก็อยากเข้าที่มหา’ลัยปักกิ่งด้วยเหรอคะ งั้นคงต้องเร่งเครื่องหน่อย ไว้หนูจะคอยที่นั่นละกัน” 

 

 

ผ่าม! 

 

 

ในที่สุดผู้เป็นแม่ก็ทนไม่ไหวอีก เธอโยนตะเกียบ แล้วคาดคั้นลูกเจ้าปัญหา “มหาวิทยาลัยปักกิ่งงั้นเหรอ แกคิดว่ามันเข้าง่ายนักเหรอ ฉินหร่าน แม่จะบอกอะไรให้นะ ปีหน้า ไม่ว่าแกเข้าเรียนที่ไหนได้ แกก็ต้องไปเรียน!” 

 

 

คุณนายหลินเป็นคนหน้าบาง โดยเฉพาะเรื่องที่มีความต่างระหว่างตระกูลหลินและครอบครัวหนิงของเธอ ต่อหน้าตระกูลหลิน นายหญิงคนนี้จะยิ่งระวังตัวเป็นพิเศษ 

 

 

นั่นคือเหตุผลที่คุณนายไม่หวังพึ่งสามีเก่า และรับลูกคนโตมาเรียนมัธยมปลายที่อวิ๋นเฉิงเอง ผู้เป็นแม่ทนได้แค่ปีเดียว แต่หากลูกคนนี้อยากจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งจริงๆ แล้วละก็ ไม่แปลว่าเด็กเจ้าปัญหาต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามปีเลยหรือ  

 

 

เธอจะยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด 

 

 

ฉินหร่านหยิบซี่โครงเพิ่มอีกชิ้น ท่าทียังดูสบาย เด็กสาวมองไปที่แม่ แล้วยิ้ม “เรื่องนั้น แม่ไม่ต้องกังวลหรอก หนูไม่ต้องให้แม่มายุ่มย่ามกับหนู” 

 

 

“จะใครอีกถ้าไม่ใช่ฉัน….” 

 

 

“สิบปีที่ผ่านมา หนูก็อยู่คนเดียวมาตลอดนี่คะ” ลูกสาวคนโตพูดขัดผู้เป็นแม่ เธอเงยหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้อารมณ์ “อยู่ดีๆ อย่ามาแย่งจานของคุณยายเอาตอนนี้สิคะ จะให้ต้องเตือนความจำแม่อีกครั้งไหมว่า แม่ช่วยเรื่องอะไรบ้างตอนหนูมาที่อวิ๋นเฉิง” 

 

 

หนิงฉิงถึงกับหน้าตึง 

 

 

ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว 

 

 

เธอรู้สึกอับอายทันที 

 

 

คุณนายหลินไม่มีสิทธิ์ควบคุมว่าลูกคนโตจะไปเรียนต่อหรือไม่ 

 

 

ลูกคนนี้ไม่ได้หยิบสิ่งของที่เธอเตรียมไว้ให้ติดมือไปด้วยเลย 

 

 

แม้ว่าหนิงฉิงจะอนุญาตให้ลูกคนโตอยู่บ้านตระกูลหลิน แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้อยู่ 

 

 

ลูกคนนี้เปลี่ยนแปลงไปมากจากเมื่อก่อน ข้อมูลที่เธอไปขุดค้นมาถูกต้องแล้ว เด็กคนนี้เป็นหนามแหลมทิ่มแทงใจผู้คน 

 

 

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่นึกได้ ฉินหร่านจึงถอนสายตากลับ แล้วนั่งชันขาขึ้นอย่างสบายอารมณ์ “ดีแล้วที่แม่จำได้” 

 

 

มีเพียงคุณยายเท่านั้นที่จะปรามเธอได้ 

 

 

นายหญิงตระกูลหลินรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวรู้สึกโกรธด้วย ลูกสาวคนเล็กไม่เคยพูดให้เธอต้องอับอายแบบนี้มาก่อน “ดี แกปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ หากเก่งขนาดนี้ ต่อไปถ้าสอบไม่ผ่าน ก็อย่ามาอ้อนวอนฉันกับตระกูลหลินให้หามหา’ลัยให้ก็แล้วกัน ฉันจะไม่ช่วยแกเด็ดขาด!” 

 

 

“ขอบคุณค่ะ” ลูกคนโตตอบด้วยความจริงใจ 

 

 

หนิงเว่ยกระแอมออกมา เธอคีบชิ้นปลาที่ไม่มีก้างให้หลานสาว “หร่านหร่าน พอได้แล้ว” 

 

 

เด็กสาวก้มหน้า คีบเนื้อปลา แล้วใช้มือเป็นสัญญาณว่า “โอเค” 

 

 

นอกจากคุณยายแล้ว ฉินหร่านเคารพป้าหนิงมากกว่าที่เคารพแม่ตัวเองเสียอีก 

 

 

หลังทานอาหารเย็นเรียบร้อย ทั้งฉินอวี่และหนิงฉิงตัดสินใจกลับ บ้านของหนิงเว่ยเก่าและดูโกโรโกโส ลูกสาวคนโปรดตระกูลหลินที่เคยชินกับการอยู่วิลล่ารู้สึกว่ามันน่าขยะแขยง 

 

 

“คุณป้า พี่รอง เดี๋ยวหนูเดินไปส่งค่ะ” มู่หยิงรีบลุกขึ้นยืน 

 

 

ฉินอวี่ชำเลืองดูที่เด็กสาว แล้วพูดด้วยเสียงเฉยเมย “ขอบใจจ้ะ” 

 

 

เด็กสาวเจ้าบ้านหน้าบาน “ยินดีค่ะ” 

 

 

ก่อนจะไป หนิงฉิงเดินผ่านลูกเจ้าปัญหา “ฉันอยากขอโทษเรื่องครั้งที่แล้ว ฉันพูดเกินกว่าเหตุ ฉันก็แค่…ไม่อยากให้แกมีจุดจบเหมือนปู่ ขอแค่เชื่อฟังฉัน แล้วฉันจะจ่ายเงินส่งเสียเพื่อให้แกได้เรียนมหาวิทยาลัยปกติ” 

 

 

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร 

 

 

จากนั้นผู้เป็นแม่ก็หันไปหาลูกสาวคนโปรด “ฉินหร่าน แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ” 

 

 

เด็กสาวผู้ดื้อดึงถือแก้วลายสตรอเบอร์รี่ไว้ในมือ ซึ่งเป็นแก้วชาพิเศษที่เธอใช้เวลามาที่บ้านป้า 

 

 

เธอนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูดถึงที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเมื่อวันก่อน แล้วก้มหน้าจิบน้ำ 

 

 

เด็กสาวไม่ได้คาดหวังว่าแม่จะขอโทษ 

 

 

เด็กน้อยยังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองลงไปที่ชั้นล่าง แล้วรู้สึกอึ้งเล็กน้อย 

 

 

ผ่านไปสักพัก เธอมองดูแบบห้องพร้อมถือแก้วน้ำไว้ในมือ ห้องมีขนาดเล็กมาก 

 

 

มีการโทรหาบริษัทติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อให้มาติดแอร์ในวันพรุ่งนี้ ฉินหร่านรีบชิงกลับโรงเรียนก่อนที่หนิงเว่ยจะเทศนาเธอ 

 

 

** 

 

 

ณ โรงเรียนอีจง 

 

 

ผู้ช่วยลู่นำคอมพิวเตอร์ไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ 

 

 

ชายชราคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหาคนมาช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ 

 

 

“นี่เฟิงฉือ เขาจบเอกวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง” อาจารย์ใหญ่สวีแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน “ตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มตั้งบริษัทร่วมกับคนอื่น และพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง” 

 

 

“คุณลู่” เฟิงฉือมีใบหน้าที่นิ่ง มือที่ยื่นออกมาจับเรียวเกลี้ยง แต่มีชั้นหนังด้านเผยให้เห็นอยู่ ตาเขาลึก ริมฝีปากบาง ดั้งจมูกโด่ง นับว่าเป็นชายหนุ่มที่หล่อและยังอายุน้อย แต่กลับฉายแววออร่าของคนที่ประสบความสำเร็จออกมาแล้ว 

 

 

หนุ่มหน้านิ่งรู้ว่าชายชรากำลังสร้างคอนเน็กชั่นให้เขาอยู่ 

 

 

ตระกูลลู่… 

 

 

ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเคยนึกถึงเหตุการณ์ในปักกิ่งเมื่อสองปีที่แล้ว หากชายคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล “ลู่” จริง แสดงว่าเขาติดหนี้บุญคุณชายชราเยอะแน่นอน 

 

 

หนุ่มเอกคอมพิวเตอร์เสียบแฟลชไดร์ฟแบบยูเอสบี พร้อมอุปกรณ์ซ่อมแซมอื่นๆ 

 

 

ก่อนอื่น เขาเปิดคอมพิวเตอร์ของคุณชายลู่ขึ้นมา 

 

 

“เป็นไงมั่ง คิดว่าซ่อมเสร็จโดยใช้เวลาแป๊บเดียวได้ไหม” ผู้ช่วยหมอหนุ่มเดินมาหาเขา ตุ้มหูบนใบหูซ้ายของเขาเป็นประกายสะท้อนขึ้น 

 

 

ชายหนุ่มอีกคนทำหน้านิ่ว เขาตรวจดูคอมพิวเตอร์หลายครั้ง แต่ไม่พบปัญหาสำคัญอะไรเลย 

 

 

เฟิงฉือเปิดดูส่วนการตั้งค่า ทำให้พบกับการตั้งรหัสขนานใหญ่ มีข้อมูลมากมายที่คนทั่วไปไม่เข้าใจเด้งขึ้นมา ชายหนุ่มยังคงเปิดหน้านั้นค้างไว้ 

 

 

“คุณลู่ครับ คอมฯคุณถูกโจมตีจริงด้วย” หนุ่มซ่อมคอมพิวเตอร์กล่าว โดยอิงจากประวัติในตัวเครื่อง “อีกฝ่ายทิ้งร่องรอยไว้ น่าจะเป็นพวกเหยี่ยวดำ” 

 

 

“แก๊งเหยี่ยวดำเหรอ” ลู่จ้าวอิ่งทำเสียงหึๆ “บันทึกข้อมูลพวกเรายังอยู่ครบไหม” 

 

 

“ครบครับ” ชายหนุ่มมองดูคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทีที่คาดเดาได้ยาก “มีคนช่วยป้องกันคุณเอาไว้” 

 

 

“อะไรนะ” ผู้ช่วยหนุ่มรู้สึกว่าตอนนี้ชักมีอะไรพิกลแล้ว 

 

 

พอพูดถึงพวกเหยี่ยวดำ เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนในภารกิจอื่น ชายคนนี้เป็นแฮกเกอร์ชื่อดัง ขอแค่จ่ายเงิน ชายผู้นั้นพร้อมทำทั้งเรื่องดีและไม่ดี ตำรวจจับตาดูหมอนี่มาพักใหญ่แล้ว 

 

 

แต่มันซ่อนตัวเก่งมากโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย 

 

 

มีแฮกเกอร์อยู่หลายพันคน แต่เจ้าพวกนี้นับเป็นพวกระดับเทพ และหาตัวจับยาก กลุ่มเหยี่ยวดำในจีนอย่างน้อยก็ติดอันดับท็อปสิบ 

 

 

เพราะอย่างนั้น หลังจากที่รู้ว่าคนที่ลงมือคือพวกเหยี่ยวดำ ลู่จ้าวอิ่งจึงได้คาดเดาก่อนหน้านี้ว่า ข้อมูลที่พวกเขาสืบอยู่คงหายไปหมดแล้ว 

 

 

แต่คาดไม่ถึงว่าเฟิงฉือจะพูดออกมาตรงกันข้ามเลย แฮกเกอร์ที่ช่วยปกป้องพวกเขางั้นเหรอ แฮกเกอร์ที่สู้กับพวกเหยี่ยวดำได้ 

 

 

“รู้ไหมว่าคนนั้นเป็นใคร” คุณชายลู่ดูท่าทางจริงจัง 

 

 

อีกฝ่ายส่ายหัว “ฝั่งนั้นไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยครับ” 

 

 

ผู้ช่วยหนุ่มเงยหน้าคิด ในหัวเต็มไปด้วยความคิดหลากหลาย จากนั้นจึงยืนขึ้น 

 

 

เฉิงเจวี้ยนอยู่ด้านนอกแล้ว ร่างสูงนั้นก้มหน้าต่ำ ยืนพิงประตูอย่างเกียจคร้าน “นายซ่อมได้ไหม” 

 

 

ลูกน้องหนุ่มพูดขึ้น “นายน้อยเจวี้ยน มาทันเวลาพอดี” ข้อมูลไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวผมจะส่งให้ แต่เรื่องนี้ชักมีเงื่อนงำมากขึ้นและ ดันมีเทวดาที่ไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามช่วยพวกเราไว้ พอจะรู้ไหมว่าคนๆ นั้นเป็นใครครับ  

 

 

มองดูจากท่าทางของผู้ช่วยหนุ่ม เฟิงฉือจึงมองไปยังหมอหน้าหล่อ ผู้ช่วยลู่เรียกเขาว่า— 

 

 

นายน้อยเจวี้ยนเหรอ 

 

 

หนุ่มเอกคอมพิวเตอร์ชะงักไป 

 

 

หากเขาเข้าใจตัวตนของลู่จ้าวอิ่งถูกต้องแล้วล่ะก็ งั้นนายน้อยเจวี้ยนคนนี้ก็คือ…