หลังจากฝากเรื่องงานแกะสลักไว้กับอัลเพโอ้เธอก็ใช้เวลาผ่านมาสองวันโดยไม่มีงานอะไรให้ทำ เพราะไม่เหลืออะไรให้ทำนอกจากเฝ้ารอคอยอย่างเดียวดังนั้นเธอจึงมานั่งดูท่านพ่อเขียนหนังสืออยู่ข้างๆ แทน ถ้าอากาศดีถึงจะออกไปเล่นที่สวนเพื่อฆ่าเวลาบ้าง

 

วันนี้เมื่อตอนเช้าสองแฝดแวะมาชวนเธอไปเล่นด้วย แต่เธอตอบกลับไปว่าไม่อยากเล่น แล้วไล่พวกเขากลับไป คำปฏิเสธเฉียบขาดไร้เยื่อใยเหมือนใบมีดทำเอาสองคนนั้นจ๋อยไปเลยแต่เธอสังหรณ์ใจได้ว่าพรุ่งนี้เจ้าพวกนั้นก็คงจะแวะมาหาอีกรอบแน่

 

“เทีย! ในที่สุดพ่อก็ทำหนังสือเสร็จแล้ว!”

 

ทั้งๆ ที่ทำหนังสือเขียนมือแบบนี้มาได้หลายเล่มแล้ว แต่ก็ยังคงดีใจเหมือนเคย ท่านพ่อโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ

 

“ว้าว!”

 

เพราะฉะนั้นเธอเองก็ชูแขนสั้นป้อมทั้งสองข้างขึ้น ช่วยร้องเชียร์ในฐานะลูกที่ดี

 

“ฮู่ว เทียที่น่ารักของเรา”

 

ท่านพ่อลูบหัวเธอพลางยิ้มอบอุ่น

 

“ให้ข้าดูหนังสือที่พ่อเขียนบ้างสิคะ!”

 

เธออยากรู้ว่าหนังสือที่เสร็จสมบูรณ์แบบเล่มนี้ ที่ท่านพ่อทุ่มเทใช้เวลาลงมือวาดทีละแผ่นๆ ถ่ายทอดเขียนตัวอักษรลงไปจนถึงเวลาเข้านอนทุกวี่ทุกวัน มันเป็นหนังสือแบบไหน

 

“ว่าแล้วเชียว เจ้าเองก็ชอบหนังสือเหมือนกับข้าเลยสินะ เอาสิ งั้นพวกเรามาดูด้วยกันทีละหน้าตั้งแต่หน้าแรกเลยก็แล้วกัน”

 

ท่านพ่ออุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก หยิบหนังสือที่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อครู่นี้วางใส่มือของเธอ

 

มันเป็นหนังสือที่ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยขนาดที่ใหญ่และบางกว่าหนังสือทั่วไป

 

เธอค่อยๆ เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง กลัวจะทำกระดาษเสียหาย

 

แต่ว่า

 

“เห?”

 

พอเปิดหน้าแรกหนังสือออก ก็เห็นชื่อของเธอที่เขียนด้วยลายมือของท่านพ่อบนหน้ากระดาษเปล่า

 

[ลูกสาวผู้แสนน่ารักของข้า เฝ้ารอวันที่จะได้สวมชุดเดรสเปิดตัวงานสังคมเป็นครั้งแรกของเทีย]

 

มันเป็นประโยคที่ถูกเขียนย้ำด้วยความเอาใจใส่ทีละตัวอักษร

 

“หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่เขียนไว้เพื่อจะให้เทียของพ่อดู เมื่อถึงวัยที่เจ้าจะมีความสนใจในเรื่องเดรสน่ะ”

 

ท่านพ่อจุมพิตลงบนศีรษะของเธอพลางเอ่ยพูด

 

“มันไม่ได้มีเนื้อหาลึกล้ำอะไร แต่อ่านแล้วก็พอจะรู้ได้ว่าในแต่ละยุคสมัยของอาณาจักรแลมบลู เดรสแบบไหนที่เป็นที่นิยมน่ะ ยังไงเดิมทีของที่เป็นที่นิยมก็หมุนเวียนเปลี่ยนวนกลับมาอยู่แล้ว”

 

เธอไม่อาจพูดอะไรตอบกลับออกไปได้เลย เพราะทุกครั้งที่เปิดหน้ากระดาษหนังสือทีละหน้า ความรู้สึกตื้นตันใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ

 

อย่างที่ท่านพ่อกล่าว หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทำขึ้นเพื่อเธอเพียงคนเดียว

 

แต่ละหน้าเต็มไปด้วยรูปวาดชุดเดรสฝีมือดีหลากหลายรูปแบบ รอบๆ รูปพวกนั้นยังมีตัวหนังสือขนาดเล็กเขียนกำกับเอาไว้ด้วย

 

[เทียที่ปัจจุบันตัวเล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ในอนาคตถ้าตัวสูงใหญ่ก็จะเหมาะกับสิ่งนี้]

 

[ชุดนี้ถ้าใช้พื้นสีเขียวจะทำให้สีนัยน์ตาของเทียดูโดดเด่น]

 

“ปกติแล้วเดรสเปิดตัวพวกนี้แม่จะเป็นคนทำให้ แต่เทียของพวกเราพ่อจะช่วยจัดการให้ดีเองนะ! เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล เข้าใจมั้ย”

 

ตัวเธอในอดีตไม่เคยได้เปิดตัวในแวดวงสังคม

 

ไม่มีงานเลี้ยงงานไหนที่จะเรียกเธอซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นสามัญชน ทั้งยังเหมือนไร้ตัวตนในตระกูลแห่งนี้ไปเข้าร่วม ตัวเธอเองก็ยุ่งอยู่กับการพัฒนาห้องสมุดมากกว่าการเดบิวต์เปิดตัวในสังคมอีกด้วย

 

เธอเปิดหนังสือจนถึงหน้าสุดท้าย ก่อนจะปิดมันลง แล้วกอดมันไว้ในอ้อมกอด

 

บางทีชีวิตก่อน ท่านพ่อก็คงจะเขียนหนังสือเพื่อเธอเหมือนกัน เพื่อที่จะได้เลือกชุดเดรสให้เธอด้วยมือของท่านเองในสักวัน

 

“หนังสือถูกใจมั้ย”

 

“ค่ะ ถูกใจข้ามากเลย”

 

ท่านพ่อดึงตัวเธอที่กำลังกอดหนังสืออยู่เข้ามากอดแน่น

 

“เทียของเรา อยากให้ถึงวันที่เจ้าเติบใหญ่เร็วๆ จัง แต่ถ้าวันนั้นมาถึงช้าหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ”

 

“พ่อ”

 

“หืม?”

 

“ในอนาคตจะต้องช่วยเลือกชุดเดรสของข้าให้ได้นะคะ”

 

“แน่นอนสิ! พวกเราจะกางหนังสือ คิดอย่างรอบคอบ แล้วเลือกมันด้วยกันนะ เทีย”

 

หวังว่าครั้งนี้ท่านพ่อจะได้เห็นงานเปิดตัวของเธอ

 

หวังว่าท่านพ่อจะได้จับมือเธอไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน

 

เธอสวมกอดตอบท่านพ่อ

 

กุบกับ กุบกับ

 

ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าวิ่งเข้ามาจากไกลๆ ผ่านทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้

 

เธอเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของท่านพ่อ รีบวิ่งไปที่หน้าต่าง

 

รถม้าประดับธงสัญลักษณ์กลุ่มการค้าดิวรักกำลังวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์

 

แตกต่างจากครั้งก่อนที่ค่อนข้างเรียบง่าย ข้างหลังรถม้าที่หัวหน้ากลุ่มการค้านั่งมามีรถม้าขนสัมภาระขนาดใหญ่วิ่งตามมาด้วย

 

ในที่สุดก็มาแล้ว!

 

เธอเสียบหนังสือกลับเข้าชั้นอย่างรวดเร็ว รีบลากมือของท่านพ่อให้เดินตามมาในขณะที่เอ่ยพูดไปด้วย

 

“พ่อ! พวกเราออกไปเดินเล่นในสวนกันเถอะค่ะ! เร็วเข้า!”

 

“จู่ๆ รีบร้อนทำไมกัน อยากไปขนาดนั้นเชียวเหรอ”

 

“ค่ะ! เพราะฉะนั้นเร็วเข้าสิคะ!”

 

ทั้งๆ ที่โดนมือของเธอลากให้เดินตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ท่านพ่อก็ยังเอาแต่หัวเราะฮ่าๆ ท่าทางจะอารมณ์ดีมากทีเดียวแต่ถ้าเดินช้าขนาดนี้ คงจะพลาดจังหวะแน่ เธอเลยปล่อยมือพ่อออก ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

 

“ข้าวิ่งไปก่อนนะคะ! ถ้าไม่รีบตามมา เดี๋ยวตามข้าไม่ทันไม่รู้ด้วยนะ!”

 

“เทีย เทีย! เดี๋ยวหกล้ม!”

 

เธอยิ้มด้วยความพอใจ เมื่อเห็นท่านพ่อสะดุ้งตกใจเริ่มวิ่งตามหลังเธอมา

 

ตอนนี้ก็ได้เวลาเตรียมฐานรองเท้าอันแข็งแกร่งให้ท่านพ่อแล้ว!