บทที่ 34 ท้าทายแผนกเล่นแร่แปรธาตุ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 34 ท้าทายแผนกเล่นแร่แปรธาตุ

หลังจากได้รับคะแนนจากการชนะการประลองมาได้แล้ว เฉินเฉียงก็ได้เดินออกจากสนาม และเป็นตอนนั้นที่เขาได้ยินเสียงจอแจขึ้นที่มุมหนึ่ง

“ศิษย์น้องหลิน เกิดอะไรขึ้นกัน สนามจากด้านนอกมืดสนิทเลยทำให้พวกเราไม่เห็นอะไร บอกพวกเราหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ใช่แล้วศิษย์น้อง ข้าเองก็คิดว่าเจ้าต้องชนะแน่ๆก็เลยลงพนันฝั่งเจ้าไป แล้วทำไมเจ้าถึงได้พ่ายแพ้กับอีแค่ระดับทหารขั้นกลางได้กัน”

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เจ้าเองเป็นถึงศิษย์แผนกวิญญาณเลยนะ ไอ้สนามประลองกลางคืนนี้เจ้าน่าจะได้เปรียบไปเต็มๆเลยนี่นา แล้วทำไมถึงแพ้ได้ล่ะ”

หลินคูได้หันไปเฉินเฉียงท่ามกลางการกระหน่ำคำถามจากผู้คน เขาทำเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก้มหัวให้ และเดินจากไป

ถึงแม้ว่าทุกคนจะยังสงสัยแต่พวกเขานั้นไม่คุ้นกับเฉินเฉียงจนกระทั่งถามความลับแบบนี้ได้ อีกอย่างหนึ่งคือเฉินเฉียงนั้นอยู่นะระดับทหารขั้นกลาง ต่อให้เขานั้นเป็นคนล้มหลินคูได้แต่ก็คงไม่เป็นการดีที่จะไปถามเขาว่าชนะได้ยังไง

“หืม อ้าว ศิษย์พี่กัวเป็นอะไรไปล่ะนั่น ทำไมหน้าตาพี่เหมือนไม่ดีใจที่ศิษย์น้องผู้นี้ชนะเลยล่ะ” เฉินเฉียงที่ตอนนี้ได้เดินมาถึงกัวเหลียงแล้วก็ได้พูดหยอกกัวเหลียงไปนิดหน่อย

“ศิษย์พี่กัวของเจ้าพึ่งเสียคะแนนไปอีกร้อยแต้มน่ะ จะให้เขามีความสุขได้เยี่ยงไร” หนี่เฟิงตอกย้ำเข้าไปโดยไม่ลังเล

“ศิษย์น้อง อาจารย์รู้แล้วว่าเจ้ามาประลอง ท่านอาจารย์บอกว่าให้รีบกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากมีอะไรจะคุยกันล่ะก็กลับไปแล้วค่อยคุยละกัน”

หนี่เฟิงถลึงตาใส่กัวเหลียงไปทีหนึ่งก่อนที่จะรีบลากเฉินเฉียงไปยังบ้านพักของฮู่ต้าไฮ่ในทันที

ในบ้านพัก ฮู่ต้าไฮ่ได้จ้องมองไปยังเฉินเฉียงด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร

“อาจารย์ได้ยินมาว่าเจ้านั้นชนะลูกศิษย์ของผู้อาวุโสฉีที่ชื่อหลินคูมาได้ใช่รึเปล่า”

“เจ้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ”

“แผนกวิชายุทธพิเศษของเรานั้นมีดีที่การต่อสู้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะชนะคนอ่อนแออย่างหลินคู”

“หากว่าเจ้าอยากสู้นัก อาจารย์จะทำให้เจ้าได้สมดังหวัง”

“นี่คือเทคนิคการฝึกฝนร่างกายระดับต้น อ่านตำราเล่มนี้ให้ดีและจดจำให้ได้ขึ้นใจ”

หลังจากพูดจบ ฮู่ต้าไฮ่ได้โยนตำราเล่มเล็กๆให้เฉินเฉียง เขาหันไปที่ชุยหยันหลันและพูดออกมา “ไปที่แผนกเล่นแร่แปรธาตุและซื้อน้ำยาหลอมร่างกายมาให้ศิษย์น้องของเจ้า ส่วนคะแนนที่ต้องใช้ก็ไปเอาจากเจ้านั่น”

ชุยหยันหลันพยักหน้ารับและเดินจากไป

เฉินเฉียงได้หยิบตำราขึ้นมาเปิดอ่านดู เขานั้นจดจำเนื้อหาเอาไว้ในหัวทุกตัวอักษร

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เฉินเฉียงก็สามารถจดจำเนื้อหาได้จนหมดสิ้น และเป็นตอนนั้นที่ชุยหยันหลันได้กลับมา

ชุยหยันหลันได้มีท่าทางขุ่นเคืองก่อนที่จะส่งหลอดทดลองขนาดกลางให้เฉินเฉียง เธอพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “อาจารย์ ไม่รู้ทำไมแต่เฟิงไคเหลียงแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุได้เพิ่มราคาของยาหลอมร่างกายนี้ แถมคุณภาพของมันยังไม่ดีอีกด้วย”

“ฮึ่มมมม ไอ้พวกเล่นแร่นั่นจะมากเกินไปแล้ว นับวันจะยิ่งอวดดีและโอหัง ปกติห้าสิบแต้มก็แพงเกินไปแล้ว นี่ยังกล้าเอาของไม่ดีมาขายถึงเท่าตัวอีก”

“ห้ะ ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าไอ้ขวดเล็กๆนี่มีค่าถึงร้อยแต้มเลยเหรอ”

เฉินเฉียงที่กำลังหยิบหลอดทดลองมาส่องดูนั้นได้ถามออกมาด้วยความตกใจ

ไม่แพงไปหน่อยรึไง

นี่หมายความร้อยแต้มที่เขาพึ่งจะได้รับมานั้นหายวับไปกับไอ้เจ้าเฟิงอะไรนั่นในชั่วพริบตา

“เฉินเฉียง ครั้งก่อนที่พวกเราพาเจ้าไปทดสอบสายเลือดนั้น พวกเราได้ไปหาเรื่องไอ้พวกเล่นแร่เข้า นี่หมายความว่าในอนาคตพวกเราเหล่าแผนกวิชายุทธพิเศษจะได้รับของเหลวเหล่านี้ยากขึ้นไปอีก”

“แต่เดิมนั้นไอ้ยาหลอมร่างกายนี่จะช่วยเจ้าลดความเจ็บปวดลงได้ แต่ไอ้ขวดนี้มันก็ห่วยเกินไป”

เฉินเฉียงเองที่ตอนนี้กำลังถือขวดน้ำยาอยู่นั้นแทบจะยากขว้างขวดยานี้ทิ้งไปในทันที แต่เขาก็ทำได้เพียงโกรธออกมาเท่านั้น

“ช่างมันเถอะ ว่าแต่ เจ้าจำเทคนิตการฝึกฝนร่างกายนี่ได้รึยัง ถ้าได้แล้วก็จงฝึกฝนอย่างหนักแล้วค่อยออกไปสู้ดู หลังจากนั้นจงขึ้นไปยืนเป็นที่หนึ่งให้ได้ในหนึ่งเดือนไม่อย่างนั้นอาจารย์จะลงโทษเจ้า”

หลังจากกลับไปยังบ้านพักแล้ว สิ่งแรกที่เฉินเฉียงทำก็คือการตรวจสอบค่าสถานะที่เขาดูดซับมาได้

สายเลือดธาตุไม้ระดับสูง

การสะกดจิตขั้นเรียนรู้

ค่าจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นดูดซับพลังงานจากสิ่งมีชีวิตมาแล้วไปเพิ่มค่าจิตวิญญาณของเขา

ยิ่งไปกว่านั้นคือชนะจนได้แต้มคะแนนมาอีกร้อยแต้ม

ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือร้อยแต้มของเขากลับไปเข้ากระเป๋าเฟิงไคเหลียง

และนี่เองทำให้เฉินเฉียงนั้นให้ความใส่ใจกับเทคนิคฝึกฝนร่างกายที่เขาได้รับมา

หากพูดกันตรงๆแล้ว แผนกวิชายุทธพิเศษของฮู่ต้าไฮ่นั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในสำนักเต่าดำแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม จากที่เขาได้ยินมาจากคำบอกเล่าของอาจารย์ของเขาคนนี้ ในการต่อสู้ นอกจากพลังโจมตีแล้วพลังป้องกันก็เป็นสิ่งจำเป็น

เมื่ออยู่ในการต่อสู้ หากคู่ต่อสู้นั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงเหมือนกันล่ะก็ ต่อให้ไม่มีอาวุธ ฮู่ต้าไฮ่นั้นสามารถใช้กำลังของตนโค่นล้มศัตรูได้โดยไม่ต้องเจ็บหนักแต่อย่างใด

เรียกได้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่เหนือดาบและกระบี่ไปแล้ว

ในเทคนิคการบ่มเพาะร่างกายนี้เป็นการทำให้ร่างกายและเลือดเนื้อต้องเจ็บปวดอย่างมาก นี่รวมไปถึงอวัยวะภายในด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นมีการบ่มเพาะด้วยวิชาหลอมเลือดทำลายเนื้อ ซึ่งในระหว่างการบ่มเพาะดังกล่าวนั้น อวัยวะภายในก็เปรียบได้ดั่งถูกชำระล้างและแข็งแกร่งขึ้นไปในตัวอยู่แล้ว

และนี่เองจึงเป็นโอกาสอันดีที่เขานั้นจะได้ฝีกฝนร่างกายตัวเองสักที

ตามตำรานั้น เฉินเฉียงจะต้องใช้พลังสายเลือดที่อยู่ในร่างให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายให้หมด

กระบวนการนี้แน่นอนว่าย่อมนำพาความเจ็บปวดอันมากมายไปยังร่างกายของเขา และนี่จึงเป็นเหตุข้าที่ศิษย์พี่ชุยได้ไปซื้อยานี่ให้เขา โดยปกติแล้วยานี่สมควรจะทำให้กล้ามเนื้อของเขานั้นต่อการกับความเจ็บปวดนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานั้นใช้ยานี่อาบลงไปทั่วร่างกายแล้ว ความรู้สึกนั้นลดลงไปน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

“อ้า……”

ในคืนนั้น เสียงกรีดร้องอันโหยหวนได้ดังระงมในบ้านพักของเฉินเฉียง และไม่หยุดยั้งจนถึงเช้าวันที่สอง

“เฟิง ไค เหลียง”

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้ขึ้นออกมาจากอ่างอาบน้ำก็ได้กัดฟันแน่นจนบังเกิดเสียงขบฟันพร้อมกับกล่าวคำสาปแช่งออกมา เขาเปิดกำไรสื่อสารพร้อมประกาศคำท้าที่สองออกไป

“ข้า เฉินเฉียงแห่งแผนกวิชายุทธพิเศษ ขอท้าทายนักรับสายเลือดระดับทหารขั้นสูง เฟิงไคเหลียง ด้วยแต้มคะแนนร้อยแต้ม”

ในทันทีที่คำท้าทายนี้ถูกส่งออกไปก็บังเกิดเสียงพูดคุยจนดังลั่นในกำไรสื่อสาร

“เฉินเฉียงคลั่งไปแล้วเหรอ นี่เขากล้าท้าทายเฟิงไคเหลียง แถมดูเหมือนจะเจาะจงไปยังแผนกเล่นแร่แปรธาตุซะด้วย นี่เขาอยากจะเป็นศัตรูกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุรึไงกัน”

“เมื่อวานนี้ไอ้เวรนี่ชนะหลินคูแห่งแผนกวิญญาณได้ ดูเหมือนว่าไอ้เด็กนี่พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าจะเลือกคู่ต่อสู้เกินตัวไปหน่อยเหรอ”

“ฮู่ต้าไฮ่มีปัญหาใหญ่แล้วล่ะ การที่คนของเขานั้นกล้าหาเรื่องกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้ ในอนาคตแผนกวิชายุทธคงต้องจ่ายเงินค่ายามากกว่านี้เป็นแน่”

“เฉินเฉียง มาหาอาจารย์เดี๋ยวนี้”

หลังจากเฉินเฉียงพึ่งก้าวออกจากบ้านพักมานั้น เสียงของฮู่ต้าไฮ่ก็ได้ดังลั่นขึ้นมาบนกำไรสื่อสาร

ในบ้านพักของฮู่ต้าไฮ่นั้น กัวเหลียง หนี่เฟิง และชุยหยันหลันได้จ้องมองไปยังเฉินเฉียงอย่างขุ่นเคือง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าฮู่ต้าไฮ่นั้นแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่แล้ว นี่ทำให้ทุกคนทำได้เพียงเงียบปากของตนไว้

“ท่านอาจารย์ ท่านให้ศิษย์มาพบมีเรื่องอันใดหรือไม่ หากไม่มี ศิษย์ ขอไปสั่งสอนบทเรียนแก่เฟิงไคหลิงสักหน่อย”

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้ยังคงโกรธแค้นจากอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อเมื่อคืนก่อน เขาไม่แยแสต่อความโกรธเกรี้ยวของฮู่ต้าไฮ่และศิษย์พี่คนอื่นแต่อย่างใด

ไม่ว่ายังไงก็ตาม การรังแกกันเช่นนี้เขาจะไม่ยอมอดทน

“เจ้า…..”

ฮู่ต้าไฮ่ได้ชี้นิ้วไปที่เฉินเฉียง เขานั้นร่างสั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความโกรธก่อนที่จะสงบความโกรธนั้นได้ลง

หลังจากสงบจิตใจลงแล้วเขาก็ได้นั่งลงอย่างละความโกรธไปได้

“ตอนนี้อาจารย์ล่ะสงสัยจริงๆว่าการได้รับเจ้าเข้ามาเป็นศิษย์นี้เป็นพรหรือคำสาปกันแน่”

“เฟิงไคเหลียงนั้นเป็นศิษย์แห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุ ต่อให้เป็นหลินคูที่แพ้เจ้าไปก็ยังชนะเฟิงไคเหลียงได้โดยง่าย”

“แต่เจ้ารึเปล่าว่าทำไมถึงไม่มีคนกล้าจะสู้กันเด็กนั่น”

“มันเป็นเพราะเขานั้นคือศิษย์หลักของผู้อาวุโสฉีแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุ”

“การหาเรื่องเขาเท่ากับหาเรื่องแผนกเล่นแร่แปรธาตุ”

“แล้วแบบนี้ศิษย์พี่ของพวกเจ้าจะทำยังไงเมื่อต้องไปซื้อหายาจากแผนกเล่นแร่แปรธาตุในอนาคตกันล่ะ”

“….ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น นี่เป็นเพราะไอ้ยาหลอดเมื่อคืนนั่นมันห่วยแตกมากจนรับรู้ความเจ็บปวดได้ราวกับตายทั้งเป็น เมื่อเช้าข้าจึงคลั่งแค้นจนคิดจะเอาคืนคนที่ทำเช่นนี้เพียงเท่านั้น”

“….หรือจะให้ข้าส่งข้อความขอยกเลิกการท้าประลอง”

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้เองก็เหมือนจะคิดได้ก็ได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ในเมื่อท้าประลองออกไปแล้วก็ถือเป็นคำประกาสิทธิ์ คิดจะเลิกก็เลิกได้ยังไงกัน” ฮู่ต้าไฮ่ได้ตบโต๊ะไปหนึ่งทีก่อนที่จะยืนขึ้นและพูดออกมาด้วยความโกรธ “อย่าพูดถึงเรื่องที่ว่านี่คือกฎของสำนักแล้ว ไม่ว่าใครก็ตาม แม้แต่อาจารย์ หรือเจ้า ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ เมื่อพูดแล้วห้ามคืนคำพูด”

“ไอ้พวกเวรตะไลเล่นแร่นั่นเองนับวันก็ยิ่งโอหังโดยเฉพาะหลังจากโดนสำนักใช้งานบ่อยๆ ก็ดีเหมือนกันที่จะใช้เจ้านั้นเป็นจดหมายท้าประลอง ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ พวกมันควรจะรับรู้สิ่งนี้ไว้เป็นบทเรียนให้รู้สำนึก”

“ไอ้เฒ่าฉีนั่นจะได้รู้สำนึกไว้มั่งว่าฮู่ต้าไฮ่คนนี้ไม่ใช่คนที่จะเสียหายที่สุดกับการถูกรังแกในครั้งนี้”

“เฉินเฉียง จำเอาไว้ จงทุ่มเทด้วยทุกอย่างที่เจ้ามี”

“ให้ทั่วทั้งสำนักได้รับรู้กันไปเลยว่าไม่ว่าคนอื่นจะเกรงกลัวไอ้พวกแผนกเล่นแร่แปรธาตุขนาดไหนก็ตาม แต่กับแผนกวิชายุทธพิเศษนี้จะดูแคลนพวกมันให้ถึงที่สุด”

หลังจากสิ้นคำพูดของฮู่ต้าไฮ่ กัวหลิงและอีกสองคนเมื่อได้ยินก็อดที่จะรีบเร่งพูดออกมาไม่ได้ “แต่ ท่านอาจารย์ ถ้าศิษย์น้องสามารถชนะเฟิงไคเหลียงได้จริง แล้วพวกเราจะทำยังไงเกี่ยวกับเรื่องยาในอนาคตล่ะ”

“ต่อให้เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ไอ้พวกนั้นก็ไม่เคยทำดีต่อเราอยู่แล้ว เฉินเฉียง คว่ำมันให้ได้”

หลังจากเฉินเฉียงออกจากห้องนี้ไป หนี่เฟิงและชุยหยันหลันในตอนนี้ตกในสภาพอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกัวเหลียงนั้นได้พึมพำออกมาด้วยเสียงเบาๆ “ศิษย์น้อง ในเมื่อเจ้านั้นยินดีที่จะออกหน้าในการหาเรื่องไอ้พวกเล่นแร่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี พวกเราจะได้เล่นงานไอ้พวกนั้นได้บ้างสักที”

เฉินเฉียงได้หันหน้ามาและพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก “อย่าเป็นกังวลเลยศิษย์พี่ สถานการณ์อาจจะไม่ได้แย่ดังที่คิดไว้ก็ได้ แม้แต่อาจารย์เองยังไม่เป็นกังวลเลย แล้วศิษย์พี่จะรีบร้อนไปไย อีกอย่าง ข้าไม่เชื่อหลอกว่าด้วยเรื่องนี้จะทำให้สำนักคิดจะไม่ยอมให้พวกเราได้ยามาอีกแน่นอน”

“อืมมมม ก็จริงแหะ แม้แต่อาจารย์เองก็แทบจะยุยงส่งเสริมด้วยซ้ำ”

กัวเหลียงพยักหน้ารับ

“ว่าแต่พูดก็พูดเถอะนะ ศิษย์พี่ คราวนี้พี่ว่าใครจะชนะมากกว่ากันระหว่างข้ากับเฟิงไคเหลียง”

“แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้า ถึงแม้ไอ้บ้านั่นจะเป็นนักรบสายเลือดระดับกลาง แต่ทักษะการต่อสู้ของไอ้บ้านั่นต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ไม่ว่าใครก็ชนะเขาได้”

“อย่างไรก็ตาม พี่คิดว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อว่าเฟิงไคเหลียงจะชนะ”

ยังไงซะ คงจะไม่มีใครเชื่อว่าพวกเรานั้นกล้าจะตัดสัมพันธ์กับพวกเล่นแร่ได้จริง

“โอ้….” สายตาของเฉินเฉียงเป็นประกายขึ้นมาในทันที เขาได้ใช้มือของตัวเองไปวางพาดบ่าของกัวเหลียงพร้อมกระซิบกระซาบออกมา “ถ้าเป็นแบบนั้น ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ยังจำสี่พันสองร้อยคะแนนที่พี่ยังติดข้าได้อยู่ใช่รึเปล่า”

“ศิษย์น้อง อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการพวกมันคืนตอนนี้น่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีคะแนนแล้วนา” กัวเหลียงรีบตอบออกมา

“ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้น ข้าแค่จะบอกว่าตราบใดที่พี่ทำตามคำแนะนำของข้านั้น พี่จะสามารถจะแต้มคะแนนคืนข้ามาได้ในไม่ช้าเท่านั้นเอง”

“จริงเหรอ” กัวเหลียงรีบจับแขนของเฉินเฉียงแน่นในทันทีราวกับว่าเขานั้นได้รับโชคอันล้นหลาม เขารีบพูดออกมาว่า “ตราบใดที่ศิษย์พี่คนนี้พอจะทำอะไรให้ได้ขอให้เจ้าพูดออกมาได้เลย”