บทที่ 53 หน้าท่านสำคัญขนาดไหนกันเชียว + บทที่ 54 การขอโทษ Ink Stone_Romance
บทที่ 53 หน้าท่านสำคัญขนาดไหนกันเชียว
ในเมื่อไม่เคยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น เขาจึงแสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้นั้น สำหรับเขาแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่อัปยศอดสูยิ่งนัก
“ท่านแม่ ท่านลืมคำพูดที่ข้าเคยบอกท่านไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ?” ตอนที่กลับจากบ้านของหนิงเมิ่งเหยา ครั้งหนึ่งเขาได้พูดคุยกับนางเฉิน และนางได้ให้สัญญากับเขาเอาไว้ แต่เพียงแค่ไม่กี่วัน คนผู้นี้ก็เปลี่ยนไปรวดเร็วเหลือเกิน
นางเฉินมองบุตรชายของตนด้วยความไม่สบายใจ ด้วยเพราะเพิ่งนึกสัญญาที่นางให้ไว้กับบุตรชายได้ เมื่อถูกเตือนความจำกะทันหัน ใบหน้าของนางก็ร้อนฉ่าอย่างละอายใจ
แต่นางไม่คิดว่านางเป็นผู้ผิด ทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นความผิดของหนิงเมิ่งเหยา แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับนางด้วยเล่า?
“ลูกแม่ อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของพวกเขาเลย แม่มิได้ทำ แม่จะสามารถทำเรื่องพรรค์นั้นได้เช่นใร?” นางเฉินจับมือของหยางฮว๋ายพลางยิ้มอย่างฝืนๆ
อันที่จริงแล้วหนิงเมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นอยากรู้นักว่าหยางฮว๋ายจะรับมือต่อความโกรธของชาวบ้านอย่างไร แต่นางไม่คิดเลยว่าเขาจะยังหันไปถามนางเฉินจริงๆ นี่มันอยู่เหนือความคาดหมายของนางแทบทั้งสิ้น
หนิงเมิ่งเหยาแย้มรอยยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มออกมาพลางจ้องมองไปยังนางเฉิน “อ้อ ท่านไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้หรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ดี ดูท่าว่าข้าคงใส่ความท่านผิดไปอย่างมหันต์ ไหนๆ ก็เป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราไปพูดกันต่อหน้าท่านเจ้าเมืองจะดีกว่า ท่านป้าเฉินคงไม่กลัวใช่หรือไม่? ในเมื่อท่าน ‘ไม่ได้’ ทำเรื่องพวกนี้”
“ใช่แล้ว นางเฉิน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ ท่านกล้าไปเผชิญหน้ากันที่ศาลไหมเล่า?”
ร่างของนางเฉินสั่นเป็นเจ้าเข้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ หยางฮว๋ายก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขามองนางเฉินด้วยความผิดหวัง “ท่านแม่ ข้าผิดหวังในตัวท่านจริงๆ”
“ข้า…”
“พอ ไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีก”
หนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าทั้งคู่เริ่มจะทะเลาะกันและนางก็เริ่มหมดความอดทน นางไม่ได้มาที่นี่เพื่อดูพวกเขาทะเลาะกันเสียหน่อย “พอแล้ว ถ้าพวกท่านอยากทะเลาะกัน ก็ปิดบ้านไปทะเลาะกันเสีย ข้าเพียงต้องการจะถามว่าตระกูลของท่านตั้งใจจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้? สิ่งนี้มันผิด ข้าไม่สามารถยอมรับได้หรอก”
ในหมู่บ้านไป๋ซาน ผู้อื่นเอาแต่คิดว่าการจะกลั่นแกล้งนางนั้นสามารถทำกันได้ง่าย ๆ ง่ายจนถึงขั้นที่พวกเขาอยากจะบีบจะเค้นนางอย่างไรก็ได้ คราวก่อนก็เป็นหยางซิ่วเอ๋อร์ แล้วมาคราวนี้ก็เป็นนางเฉินกับบุตรสาวของนาง
ครั้งนี้ นางต้องการจะทำให้ทุกคนรู้ว่านาง หนิงเมิ่งเหยา ไม่ใช่คนที่จะถูกบีบให้ตายได้ง่ายๆ
หยางฮว๋ายถอนหายใจเบาๆ และจ้องหนิงเมิ่งเหยา “แม่นางหนิง เห็นแก่หน้าข้า ได้โปรดปล่อยท่านแม่และน้องสาวข้าไปเถิด”
“เห็นแก่หน้าท่าน? หน้าท่านมันสำคัญขนาดไหนกันเชียว?” หนิงเมิ่งเหยาถามกลับไปอย่างไม่ค่อยสุภาพนัก
สีหน้าของหยางฮว๋ายเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ “ท่านต้องการอะไร?”
“อ้าว ฟังสิฟัง คำพูดพวกนั้นฟังดูเหมือนว่าข้าเป็นคนผิดเลยนะ หยางฮว๋าย ตำราที่ท่านอ่านมันหายไปอยู่ในท้องสุนัขหมดแล้วหรือ?”
ใบหน้าของหยางฮว๋ายเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ เขาก็รู้อยู่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นล้วนเป็นความผิดของตระกูลเขา ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธ ถ้าเป็นเขา เขาเองก็คงไม่พอใจ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรถึงจะไปร้องขอการให้อภัยจากผู้อื่นกัน?
“เรื่องนี้ตระกูลของข้าเป็นผู้ผิด ข้าจะมอบการตัดสินที่ยุติธรรมให้กับแม่นางหนิงอย่างแน่นอน” ท้ายที่สุด หยางฮว๋ายก็เตรียมใจและกล่าวขึ้น
หนิงเมิ่งเหยามองที่หยางฮว๋ายพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับการแย้มยิ้มและตัดสินใจที่จะเชื่อเขา “ข้าหวังว่าท่านจะสามารถทำตามที่ว่ามาได้ อย่างไรเสีย หากข่าวเรื่องที่ซิ่วไฉมีมารดาเป็นผู้ที่เอาแต่วางแผนเล่นงานผู้อื่น มิหนำซ้ำยังตั้งใจจะทำให้ความบริสุทธิ์ของหญิงพรหมจารีย์ต้องแปดเปื้อนแพร่ออกไปด้วยแล้วนั้น ก็คงไม่ดีสักเท่าไร จริงหรือไม่เล่า?”
คำขู่? หนิงเมิ่งเหยาขู่หยางฮว๋าย แล้วมันทำไมกันหรือ? หยางฮว๋ายนั้นพูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าของหยางฮว๋ายบูดบึ้งระหว่างที่เขาพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ หนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะออกมาเบาๆ นางย่อตัวลงมองหวังไล่จื่อซึ่งนั่งอยู่บนพื้นและกล่าวนิ่งๆ “อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีก มิฉะนั้นข้าจะจับเจ้าเฉือนเสีย ถ้าไม่เชื่อข้า จะลองดูก็ได้”
หวังไล่จื่อสั่นไปทั้งตัว และพยักหน้าในทันที “ข้าทราบแล้ว ข้าสาบานขอรับ” เมื่อมีเงินยี่สิบตำลึงเงิน เขาสามารถซื้อได้ทั้งบ้านและภรรยา แล้วเหตุใดเขาจึงจะต้องไปหาผู้อื่นอีกกัน?
หลังจากนี้ เขาจะต้องหนีไปให้ไกลจากหมู่บ้านไป๋ซานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา ไม่เพียงแค่หวังไล่จื่อ แม้แต่ผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ เองก็อดเผลอก้าวถอยหลังและแนบขาตัวเองอย่างระมัดระวังไปเสียไม่ได้ หญิงผู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
เมื่อมองหวังไล่จื่อโซซัดโซเซเดินจากไป หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ากลับไปมองหยางฮว๋าย “ข้าจะรอความยุติธรรมจากตระกูลของท่าน ข้าหวังว่ามันจะเป็นไปดั่งที่ท่านได้กล่าวไว้”
บทที่ 54 การขอโทษ
หากคำตอบที่พวกเขามอบให้นางนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ ถ้าเช่นนั้นนางก็เต็มใจที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจ
นางหรี่ตา ร่องรอยความอันตรายปราฏอยู่ในดวงตาคู่นั้นครู่หนึ่ง เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเดินทางกลับ ผู้คนที่ยืนดูอยู่ก็แหวกทางให้นางเดินอย่างไม่รู้ตัว
พวกเขารู้เพียงว่าหญิงสาวซึ่งดูเหมือนจะง่ายต่อการกลั่นแกล้งนางนี้นั้น จริงๆ แล้วไม่ได้แกล้งได้ง่ายๆ เลยสักนิด
เมื่อไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ อีก ชาวบ้านก็ค่อยๆ พากันสลายตัวจากไป หยางฮว๋ายยิ้มส่งพวกเขาก่อนปิดประตูและหันมาใช้สายตาเย็นเยียบราวน้ำแข็งมองนางเฉินกับหยางชุ่ย “ท่านแม่ ท่านไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่ข้าพูดเลย”
นางเฉินตัวแข็งทื่อ จ้องมองบุตรชายของตน “ลูกแม่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าหมายความว่าอย่างไร? ท่านคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นหญิงกำพร้าธรรมดาๆ หรือ?” การร่ำเรียนอยู่ที่อื่นทำให้เขามองเห็นอะไรมากกว่านางเฉินนัก อากัปกิริยาและบรรยากาศของหนิงเมิ่งเหยานั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้
เมื่อพูดถึงเรื่องหนิงเมิ่งเหยา ก่อนหน้านี้เขาได้เตือนนางเฉินไปแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับนาง แต่นางเฉินก็ไม่ยอมรามือ เมื่อครั้งก่อนนางก็โวยวายไม่หยุดเพราะเรื่องที่ดิน ทำเอาเขารู้สึกหมดความอดทน
มาครั้งนี้ก็เป็นเรื่องนี้ เขาชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่ามารดาของเขานั้นคงจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องจริงๆ
ใบหน้าของนางเฉินไร้สีเลือดขณะจ้องมองบุตรชายของนาง “แต่ ข้า…นางกลั่นแกล้งชุ่ยเอ๋อร์” สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งนางต้องการก็คือให้หยางฮว๋ายช่วยพวกนางระบายความแค้น ใครจะไปรู้ว่าหวังไล่จื่อนั้นจะใช้การไม่ได้
“ท่านแม่ ท่านควรดีใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เช่นนั้นแล้วจะมิใช่แค่ตัวท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ตระกูลของเราจะพลอยติดร่างแหไปกับท่านด้วย แล้วก็หยางชุ่ย เจ้าต้องหัดควบคุมตัวเองเสียบ้าง อย่าไปยุยงท่านแม่ให้ไปเล่นงานหญิงผู้นั้น นางมิใช่คนที่เจ้าจะไปหาเรื่องด้วยได้” หยางฮว๋ายมองหยางชุ่ยอย่างเย็นชา น้องสาวผู้นี้ยามปกติก็เป็นคนดี แต่บางครั้งนางก็ทำตัวประหลาด ดังนั้นจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ใบหน้าของหยางชุ่ยผลัดกันเปลี่ยนสีเป็นเขียวสลับขาวอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่น่าดู แต่นางก็ไม่ได้โต้แย้งพี่ชายคนกลางผู้นี้แต่อย่างใด ด้วยเพราะนางกลัวเขาที่สุด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้กล่าวอะไรออกมา หยางฮว๋ายก็หันหลังกลับเข้าห้อง
เมื่อค่ำคืนมาเยือนและหยางซ่งผู้เป็นบิดากลับมาถึงบ้าน หยางฮว๋ายจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หยางซ่งนั้นเป็นคนซื่อตรง หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เขาตบหน้านางเฉินไปสองที ก่อนขังนางไว้ในห้องและไม่ใส่ใจเสียงคร่ำครวญอันขมขื่นของนางเฉินแม้แต่น้อย บอกว่าทำแบบนั้นเพื่อให้นางได้ชำระล้างจิตใจของตน จะได้ไม่ไปทำเรื่องสกปรกอีก
ในวันที่สอง หยางซ่งและหยางฮว๋ายก็นำของกำนัลมาที่บ้านของหนิงเมิ่งเหยา “แม่หนูเมิ่งเหยา พวกข้าขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากใจจริง ข้าขังภรรยาตัวปัญหาของข้าเอาไว้แล้ว ต่อไปนี้นางจะไม่สามารถมาสร้างปัญหาอะไรให้เจ้าได้อีกแล้ว”
หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้กล่าวอะไร ทำเพียงแค่มองหยางซ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงค่อยๆ เปิดปากขึ้นพูด “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากยังมีครั้งหน้า อย่าหาว่าข้าไร้เมตตานะเจ้าคะ เมื่อวันนั้นมาถึง ไม่เพียงท่าน แต่ต่อให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมา ข้าก็จะไม่ยอมรามือแน่นอน ขอให้จำใส่ใจไว้ด้วยเจ้าค่ะ”
“ได้ ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว คนที่ผิดคือพวกข้าเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้อภัยพวกข้าได้” หยางซ่งพยักหน้าในทันที ใบหน้าของเขานั้นทั้งประหม่าและทำอะไรไม่ถูก
หยางฮว๋ายขมวดคิ้วอย่างรุนแรง เขายังคงยืนอยู่ข้างๆ แต่นางกลับไม่ไว้หน้าบิดาของเขาเลยแบบนี้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เขาจะสามารถหยุดข่าวนี้ได้อย่างไร?
“ท่านควรเอาของกำนัลกลับไปเสีย หยางฮว๋าย ความอดทนของข้าไม่ได้มีมากอย่างที่ท่านคิด ข้าอาจจะปล่อยไปในครั้งสองครั้งแรก แต่ไม่ใช่ในครั้งที่สามแน่” นางพอจะทนได้ในครั้งสองครั้งแรก แต่ถ้าหากมีครั้งที่สาม ก็อย่ามากล่าวหาว่านางไร้หัวใจก็แล้วกัน
หยางฮว๋ายสีหน้าเปลี่ยน เมื่อเห็นสายตาเย็นชาเป็นน้ำแข็งของหนิงเมิ่งเหยา เขาก็ตัวแข็งค้างและพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว จะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก”
“เช่นนั้นก็ดี ดูแลน้องสาวของท่านด้วย อย่าให้นางไปกัดผู้อื่นราวกับสุนัขบ้า”
“เข้าใจแล้ว”
เรื่องราวในครั้งนี้จบลงเช่นนี้ แต่หนิงเมิ่งเหยาจะใจดีขนาดปล่อยแม่ลูกคู่นั้นไปหรือ? แน่นอนว่าไม่ ชาวบ้านที่ได้ยินและเห็นภาพเมื่อวานมีหลายคนนัก หากนางเฉินและหยางชุ่ยยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างสงบสุขแล้วล่ะก็ นางจะยอมเขียนชื่อตัวเองกลับหลังเลยคอยดู
เป็นไปดังที่คาด ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองสามวัน เรื่องราวของนางเฉินและหยางชุ่ยก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้านไป๋ซาน แม้แต่หมู่บ้านข้างเคียงเองก็ทราบเรื่องเช่นกัน
ปัจจุบันแม่ลูกคู่นั้นจึงไม่กล้าแม้จะย่างเท้าออกจากบ้านของตนอีกเลย ยามใดที่พวกนางออกไป พวกนางก็จะถูกชี้หน้า ดังนั้นอยู่ในบ้านจึงยังดีเสียกว่า
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาได้ยินข่าว นางก็ยิ้มออกมา เป็นเช่นนี้ล่ะดี อย่างน้อยพวกนางก็ออกไปสร้างความรำคาญให้ชาวบ้านไม่ได้