ตอนที่ 33 จงหยวนสั่นสะเทือน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 33 จงหยวนสั่นสะเทือน

หลังจากเยี่ยนหยางเหนียนตอบกลับมาเช่นนั้น ไม่นานทั่วทั้งเมืองก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนต่างก็คาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าผู้อาวุโสที่นามว่าเย่ฉางชิงผู้นี้เป็นใครกันแน่ ?

ถึงทำให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าเยี่ยนที่มีดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลและราษฎรมากมาย เอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ !

“น่าเหลือเชื่อ ! ”

“ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”

ขณะเดียวกันก็เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นในเมืองหลวง

สายลับของแคว้นต่าง ๆ ที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวง รวมถึงสาขาย่อยของนิกายต่าง ๆ ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวง ต่างก็รีบส่งข่าวนี้กลับไปให้แคว้นและนิกายของตนทราบทันที

เยี่ยนหยางเหนียนมีนิสัยเช่นไร ทุกคนต่างก็รู้กันดี

การที่เขาเอ่ยเช่นนี้ออกมา แสดงว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้จะต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่

ช่วงเวลาสั้น ๆ มิเพียงแต่แคว้นต้าเยี่ยนเท่านั้น แต่ทั่วทั้งต้าโจวต่างก็สั่นสะเทือนเพราะข่าวนี้

“ผู้อาวุโสเย่ผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงทำให้คนที่ขี้ระแวงเยี่ยงเยี่ยนหยางเหนียนทำได้ถึงเพียงนี้”

“เยี่ยนหยางเหนียนมีแผนการอันใดซ่อนอยู่หรือไม่ ? ”

“หรือว่าบรรพบุรุษผู้นั้นของแคว้นต้าเยี่ยนใกล้ที่จะบรรลุแล้ว จึงได้ปล่อยข่าวในเวลานี้เพื่อสร้างความสับสนขึ้นมา ? ”

“บรรพบุรุษผู้นั้นของแคว้นต้าเยี่ยนอายุเกือบ 4,000 ปี และติดอยู่ในขั้นนั้นมา 2,000 ปีแล้ว หากมิมีอะไรผิดพลาดก็คงจะเป็นเช่นนั้น”

“แต่แคว้นต้าเยี่ยนจะทำเช่นนี้ไปเพราะเหตุใดกัน ? ”

“หรือว่า… เป็นไปมิได้ ภูมิประเทศของทั้งสี่แคว้นดุจดั่งเสือหมอบมังกรล้อม1 ต่อให้ผู้เฒ่าท่านนั้นจะบรรลุขั้นนั้นได้ แต่ก็เป็นไปมิได้ที่จะยึดดินแดนของอีกสามแคว้นได้”

“……”

ภายในพระราชวังของแคว้นกู่เฉิน ฮ่องเต้และเหล่าคนสนิทต่างก็กำลังปรึกษาหารือเรื่องนี้กันอยู่

“บอกสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นต้าเยี่ยนว่า ข้าต้องการข่าวที่เชื่อถือได้ว่าผู้อาวุโสเย่ที่เยี่ยนหยางเหนียนกล่าวถึงว่าเป็นคนเช่นไรกันแน่ ! ”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ ! ”

“ผ่าบาท ผู้อาวุโสเย่ผู้นี้จะอยู่ในเมืองหลวงแคว้นต้าเยี่ยนแล้วหรือยังพะยะค่ะ ? ”

“การจะสร้างอารามและรูปปั้นทองคำเพื่อให้ผู้คนกราบไหว้นั้น มิใช่สิ่งที่จะทำให้แก่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาได้ นอกจากผู้บำเพ็ญเพียรผู้นั้นใกล้ที่จะขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จ หรือว่า… เป็นยอดคนที่มาจากสรวงสวรรค์ ! ”

“เป็นไปมิได้เด็ดขาด ผู้ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ดูถูกโลกมนุษย์ มิมีทางที่จะลงมาอยู่เป็นแน่”

“ใช่แล้ว ได้ข่าวว่าบรรพบุรุษท่านนั้นของแคว้นต้าเยี่ยน บำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นนั้นมาหลายพันปีแล้ว หรือว่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น ? ”

“เป็นไปได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่เยี่ยนหยางเหนียนทำเช่นนี้ก็มิต่างอะไรจากการขี่ช้างจับตั๊กแตน”

“หากเป็นเช่นนั้นจริง สถานการณ์ของจงหยวนคงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นแน่ ดูเหมือนจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นเร็ว ๆ นี้”

“ผ่าบาทหรือเราจะส่งทูตไปที่แคว้นต้าเยี่ยน เพื่อช่วยสายลับของเราสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างไปเลยพะยะค่ะ”

“……”

ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นต้าเซี่ย ผู้เฒ่าหลายคนก็กำลังคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เช่นกัน

นอกจากนั้นเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงที่อยู่ในแคว้นต้าเซี่ย ก็กำลังรวมตัวกันอยู่ในตำหนักจื่อชิงด้วย

“ท่านเจ้าสำนักขอรับ การที่เยี่ยนหยางเหนียนปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา หรือว่าการบำเพ็ญเพียรของเยี่ยนเทียนซานจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ขอรับ ? ”

“มีความเป็นไปได้ ฮ่องเต้ของทั้งสี่แคว้นแห่งจงหยวนนั้น เยี่ยนหยางเหนียนหาได้เป็นคนที่โดดเด่นอะไรไม่ การที่เขาปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา ไม่แน่อาจเป็นคำสั่งจากเยี่ยนเทียนซานก็เป็นได้”

“เฮ้อ หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าสถานการณ์ของจงหยวนคงจะเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงมิได้เป็นแน่”

“ใช่แล้ว หลายแสนปีก่อนทั้งเจ็ดแคว้นได้แย่งชิงความเป็นใหญ่ ทำให้ราษฎรในดินแดนจงหยวนต้องพบกับความลำบากและแร้นแค้น นอกจากนี้ฝ่ายมารยังได้อาศัยโอกาสนี้แอบเข้ามาในดินแดนจงหยวน จนสุดท้ายก็เกิดสงครามระหว่างลัทธิเต๋าและฝ่ายมารขึ้น”

“การคิดถึงเรื่องนี้ยังนับว่าเร็วไป พวกเราส่งคนไปที่เมืองหลวงก่อนเถิด ลองถามเยี่ยนหยางเหนียนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!”

“ท่านเจ้าสำนักพูดถูก พวกเราส่งคนไปสอบถามก่อนจะดีกว่า”

“จริงสิ แล้วทางฝั่งดินแดนไท่เสวียนมีข่าวอะไรหรือไม่ ? ”

“เรียนท่านเจ้าสำนัก ดินแดนไท่เสวียนยังมิมีข่าวอะไรขอรับ”

“จริงสิขอรับ ท่านเจ้าสำนักใกล้จะถึงกำหนดประลองของทั้งสองสำนักแล้ว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นพวกเรายังจะไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีกหรือไม่ขอรับ”

“มิต้องรีบร้อนไปยังมีเวลาอีกสองวัน เจ้ารีบส่งคนไปเมืองหลวงบริเวณค่ายกลห้วงเวลาก่อนก็พอ ! ”

……………….

เพียงพริบตาหลังจากเยี่ยนหยางเหนียนออกพระราชโองการ เวลาก็ได้ผ่านมาสามวันแล้ว

เจ้ากรมโยธาผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ของแคว้นต้าเยี่ยน หลังจากเลือกสถานที่ได้แล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจสร้างอารามขึ้นบนภูเขาตะวันออกของเมืองหลวง

ทางทิศตะวันออกนั้นประกอบด้วยภูเขาและสายน้ำ ทัศนียภาพงดงาม นับเป็นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยเหมาะสมดีอย่างยิ่ง

หลังจากที่พวกเขากราบทูลเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของอารามให้เยี่ยนหยางเหนียนทราบ เยี่ยนหยางเหนียนก็ทรงอนุญาตโดยมิมีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

ทำให้วันต่อมาจึงมีการก่อสร้างใหญ่ขึ้นบนภูเขาทางทิศตะวันออก ทางกรมโยธาได้เกณฑ์คนงานมาเกือบแปดร้อยคน ความคืบหน้าของงานจึงรวดเร็วและน่าทึ่งยิ่งนัก

อีกด้านหนึ่ง

เนื่องจากทั้งเมืองมีเพียงเยี่ยนปิงซินและหลิวฉางเหอที่เคยเห็นผู้อาวุโสเย่มากับตา อีกทั้งช่วงนี้หลิวฉางเหอยังเก็บตัวมิออกไปไหนมาไหน

ก่อนหน้านี้คนของจวนผู้กล้าได้ส่งข่าวมาบอกว่าหลิวฉางเหอใกล้ที่จะบรรลุแล้ว

สุดท้ายจึงมีเพียงเยี่ยนปิงซินเพียงคนเดียว ที่เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องสร้างรูปปั้นทองคำ

วันรุ่งขึ้นเยี่ยนปิงซินที่พึ่งกลับมาจากตำหนักของท่านบรรพบุรุษได้ยินข่าวนี้เข้า ก็ได้ตอบตกลงโดยมิลังเลแม้แต่น้อย

สามวันให้หลัง อารามที่มีความโดดเด่นก็ได้ถูกสร้างขึ้นบนภูเขาตะวันออก ทางขึ้นมีบันไดถึงร้อยขั้น โดยทางขึ้นและทางลงถูกเชื่อมต่อด้วยลานหินชิงสือ

เมื่อมองไปไกล ๆ จะเห็นเป็นประตูบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างลานหินกับบันได

เพียงแต่เวลานี้ยังมีผ้าสีแดงคลุมเอาไว้อยู่

ยามใกล้เที่ยง เยี่ยนหยางเหนียนและเยี่ยนปิงซินก็เดินลงมาจากรถม้าคันหนึ่ง ที่มีอัศวินเกราะดำกลุ่มหนึ่งคอยคุ้มกันอยู่

เวลานี้เหล่าขุนนางของแคว้นต้าเยี่ยนต่างก็ได้มารออยู่ที่ลานบริเวณตีนเขาแล้วเช่นกัน

ขณะเดียวกัน รอบ ๆ ลานกว้างก็มีผู้คนห้อมล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นย่อมมีสายลับของแคว้นต่าง ๆ รวมถึงศิษย์ของสำนักต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย

พวกเขาสบตากันทันทีที่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจริงใจของเยี่ยนหยางเหนียนและเยี่ยนปิงซิน

หรือว่าพวกเขาจะคาดเดาผิดไป บรรพบุรุษท่านนั้นของแคว้นต้าเยี่ยนมิได้เป็นอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ?

มิเช่นนั้นเหตุใดเยี่ยนหยางเหนียนสองคนพ่อลูกถึงยังยิ้มเช่นนี้อยู่ได้

เป็นไปมิได้ !

แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วผู้อาวุโสเย่ผู้นี้เป็นใครกันแน่ ?

ในหมู่พวกเขามีศิษย์หลายคนที่ถืออาวุธวิเศษ บางคนก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่ง

พวกเขาจึงถือวิสาสะใช้อาวุธวิเศษตรวจสอบคลื่นความรู้สึกของเยี่ยนหยางเหนียนสองคนพ่อลูกว่าผิดปกติหรือไม่

หากคลื่นความรู้สึกของเยี่ยนหยางเหนียนสองคนพ่อลูกตรวจจับได้ช้า นั่นแสดงว่าตั้งใจปกปิดความเศร้าภายในใจเอาไว้ แต่หากตรวจจับได้เร็วก็แสดงว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้จะต้องเป็นคนที่มิธรรมดาจริง ๆ

อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับราชนิกูลของแคว้นต้าเยี่ยนอย่างลึกซึ้งอีกด้วย

มิเช่นนั้นเหตุใดเยี่ยนหยางเหนียนสองพ่อลูก จึงมีท่าทีตื่นเต้นถึงเพียงนี้กัน

 1 เสือหมอบมังกรล้อม หมายถึง บริเวณที่มีภูมิประเทศที่อันตราย ดั่งมีเสือและมังกรคอยซุ่มโจมตีอยู่ตลอดเวลา