EP.26ท้าทายศัตรูที่แข็งแกร่ง2
“พี่ฉู่เฟิง นี่ท่านจะทำอะไรน่ะ!?” ชวีฉู่ลุกขึ้นแล้วพูดเสียงดุทันที
ฉู่เฟิงสูดถอนหายใจ“ผู้อาวุโสชวี พูดตามตรง ข้าก็อายุปาเข้าไปเจ็ดสิบแล้ว ลำบากแค่นี้จะเป็นอะไรไป แต่อาเหยากับอาอวี่ ชีวิตของเด็กสองคนนี้ไม่ควรจะต้องมาสูญเปล่าด้วยน้ำมืออย่างข้า ครั้งนี้ที่ข้าเชิญท่านมาก็หวังว่าท่านจะรับอาเหยากับอาอวี่เป็นศิษย์!”
“เรื่องนี้…” ชวีฉู่มีสีหน้าลำบากใจ “ครั้งนี้…ครั้งนี้ข้าได้รับการไหว้วานจากท่านชางหลันกงให้คุ้มครององค์หญิงซี จุดหมายต่อไปของเราคือเมืองหลวงหลันเยี่ยน เกรงว่าจะอยู่ที่เมืองหยินซานได้ไม่นาน ให้ข้าชี้แนะก็พอเป็นไปได้ แต่ถ้าให้รับเป็นศิษย์…ข้าเกรงว่าข้า…”
ถังเสี่ยวซีเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเป็นอย่างดี จึงยิ้มพูด “ท่านปู่ชวีฉู่ ตลอดชีวิตท่านไม่เคยรับลูกศิษย์ หรือว่า…ท่านอยากจะล้มเหลวตอนแก่กัน”
ชวีฉู่เก็บสีหน้าไม่อยู่แล้วบ่นอุบ “พระองค์ทรงล้อกระหม่อมเล่นแล้ว…”
ชวีฉู่มองหลินมู่อวี่ที่อยู่ห่างออกไป เหมือนเห็นภาพตัวเองในอดีตซ้อนทับกับเด็กหนุ่ม จริงๆ แล้วเขาสนใจหลินมู่อวี่มาก การที่เด็กหนุ่มอย่างหลินมู่อวี่สามารถปรุงโอสถเกรดหนึ่งขึ้นมาได้ จะต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาอย่างแน่นอน และยิ่งรู้ว่าร่างกายของหลินมู่อวี่ปราณพิการ ยิ่งทำให้ชวีฉู่สนใจมากขึ้นไปอีก เขาชอบการท้าทายมาตลอดทั้งชีวิต ครานี้อยากจะลองท้าทายดูสักหน่อยว่าผู้ที่มีปราณพิการจะกลายเป็นยอดฝีมือได้หรือไม่
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมากจากด้านนอก ตามด้วยประตูใหญ่ถูกถีบจนเปิดออก ชายหนุ่มสวมชุดเกราะกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา โดยมีคนสวมชุดจีนเดินนำ นั่นคือเจ้าเมืองน้อยฮว๋าหวัน
“เถ้าแก่ร้านโอสถไป่หลิง ฉู่เฟิง ออกมารับรางวัลของเจ้า!”
ฉู่เฟิงรีบออกไป ถังเสี่ยวซีเองก็อยากไปเช่นกัน แต่ถูกชวี่ฉู่รั้งไว้ เขาอยากดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถัดจากนี้
“เจ้าเมืองน้อย!” ฉู่เฟิงโค้งคำนับด้วยความเคารพ
ฮว๋าหวันนำถุงเงินหนักอึ้งมาจากคนรับใช้แล้วยิ้มน้อยๆ “นี่รางวัลของร้านโอสถไป่หลิง หนึ่งร้อยเหรียญทอง ข้ายินดีด้วยจริงๆ แต่…”
เขาหยิบป้ายสีดำอันหนึ่งออกมาจากเอวแล้วหัวเราะ “แต่ว่าป้ายอาญาสิทธิ์นี้ ปีนี้ยังไงก็ต้องเป็นของข้าฮว๋าหวัน เพราะลูกศิษย์ร้านโอสถไป่หลิงมีแต่พวกขยะ ไม่มีใครเชิดหน้าชูตาได้สักคน”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
จ้าวซินค่อนข้างวู่วามจึงตะโกนออกมา “ฮว๋าหวัน ระวังคำพูดของเจ้าหน่อย!”
ฮว๋าหวันหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วโยนถุงเงินลงบนพื้น กำหมัดแล้วไขว้แขนสองข้างเป็นรูปกากบาทที่อก พลังงานสายหนึ่งก็ห่อหุ้มร่างชายหนุ่มก่อนจะแปรสภาพเป็นเกราะวิญญาณ แสยะยิ้มน้อยๆ “ว่ายังไง อยากจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของข้าสักหน่อยไหม ก็ได้ วันนี้ข้าจะจัดการพวกขยะอย่างเจ้าให้เรียบ ลานประลองอีกสามวันข้างหน้าข้าจะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของพวกขยะอย่างเจ้า”
จ้าวซินตวาดด้วยความโกรธ “หนึ่งต่อหนึ่ง เจ้ากล้ารึเปล่า”
“ทำไมข้าจะไม่กล้า”
ฮว๋าหวันหันไปหาลูกน้องที่อยู่ข้างหลังแล้วตะโกนสั่ง “พวกเจ้าทุกคน ห้ามขยับแม้แต่ปลายนิ้ว ถึงข้าจะถูกอัดจนตาย ก็ห้ามสอดมือเข้ามายุ่ง!”
จอมยุทธ์เหล่านั้นคารวะ “ขอรับ นายน้อย!”
ฮว๋าหวันตั้งท่าพร้อมสู้นานแล้ว วาดเท้าเป็นวง ดูมีท่าของยอดฝีมือพอสมควร แถมยังไม่ชักอาวุธอีกด้วย ยืนกำหมัดแค่นั้น ก่อนจะหัวเราะเยอะออกมา “เข้ามาเลย เจ้าขยะ!”
จ้าวซินส่งเสียง พร้อมชักกระบี่เหล็กที่อยู่ด้านข้างออกมา บนกระบี่เหล็กนั้นมีคลื่นลมปราณสองชั้นห่อหุ้มอยู่ พละกำลังขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สองระดับที่สิบห้า ฮว๋าหวันประหลาดใจเล็กน้อยก็จริง แต่ก็มั่นใจมากขึ้นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองแน่นอน ห่างชั้นกันเกินไป!
จังหวะที่กระบี่เหล็กของจ้าวซินกำลังจะต้องกายฮว๋าหวันนั่นเอง ฮว๋าหวันก็หลบวูบ ความเร็วเหนือกว่าอีกฝ่าย ก่อนจะเตะเข้าที่ขาของจ้าวซินอย่างโหดเหี้ยม!
“กร๊อบ!”
เสียงแตกหักดังสนั่น จ้าวซินคุกเข่าลงกับพื้น ร้องด้วยความเจ็บปวด กระดูกแข้งของเขาถูกเตะจนหัก
“เจ้าเมืองน้อย!” ฉู่เฟิงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่มันหมายความว่าอย่างไร ลงมือโหดเหี้ยมแบบนี้ ท่านคิดจะฆ่าคนงั้นรึ”
ฮว๋าหวันเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ไอ้แก่ ถ้าข้าอยากจะฆ่าคนจริงๆ ขาข้าคงฟาดใส่ท้ายทอยมันแล้ว ลูกศิษย์เจ้าเป็นคนท้าทายข้าก่อนเอง หุบปากของเจ้าซะ!”
พูดเสร็จเขามองไปยังเหล่าลูกศิษย์ของร้านโอสถไป่หลิงด้วยสายตาโอหังต่อทันที แล้วถามขึ้น “มีใครอีกหรือไม่”
หวังหยิ่งกัดฟันกรอดแต่ไม่พูดอะไร เขาเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สองระดับสิบเจ็ด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮว๋าหวัน ขืนออกไปคงมีจุดจบแบบเดียวกับจ้าวซินก็ได้
ในตอนนี้เอง หลินมู่อวี่ก็เดินออกมาอย่างช้าๆ แล้วมองฮว๋าหวันด้วยแววตาเคร่งขรึม “เจ้ามาหาเรื่องข้า ทำไมต้องทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย”
“ก็ข้าพอใจ จะทำไม จัดการขยะอย่างพวกเจ้าทำให้มือข้าสกปรกไปหมด เจ้าล่ะว่าไง ไม่พอใจงั้นหรือ”
ฮว๋าหวันยิ้มเยาะแล้วพูดต่อ “หลินมู่อวี่ ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าเจ้าไปวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วได้รับการยืนยันว่าปราณพิการ ฮ่าๆ ๆ เจ้ามันสวะจริงๆ ถึงจะปรุงโอสถได้แล้วยังไงเล่า ขยะก็คือขยะ ต้องจมปลักไร้อนาคต”
หลินมู่อวี่ไม่พูดอะไร เพียงก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าดาวตก พร้อมกับยกมือขวาขึ้น แม้จะไม่เคยฝึกวรยุทธ์ แต่กลับให้กลิ่นอายเป็นยอดฝีมือ มองฮว๋าหวันด้วยท่าทีสงบนิ่ง “เข้ามาสิ!”
แทบจะทุกคนคิดว่าหลินมู่อวี่เสียสติไปแล้ว เขาอยู่ระดับศูนย์ แต่อีกฝ่ายระดับยี่สิบเก้า!