ส่วนที่ 2 ฝันร้ายหมายเลขเก้า ตอนที่ 14 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (14)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ห้วงราตรี ภัยอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด 

 

 

ทั้งสามคนซึ่งร่วมมือกันเฉพาะกิจมารวมตัวในห้องนั่งเล่นบ้านซูหว่าน ไม่มีอาการงัวเงียเลยแม้แต่น้อย 

 

 

เวลาผ่านพ้นไปเชื่องช้า อีกไม่นานก็จะเป็นเวลาตีสาม 

 

 

“มันมาแล้ว” 

 

 

ฉีมู่เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและสูทสีดำเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเขาจะแต่งตัวเหมือนพวกผู้ดีแต่ท่าทางของเขาก็ยังไม่สู้ดีนัก ทว่าเขาพลันย่นคิ้วเมื่อสิ้นประโยค 

 

 

เข็มนาฬิกาหยุดลงที่เวลาตีสามในจังหวะเดียวกันที่เสียงโทรศัพท์ของฉีมู่ร้องขึ้น 

 

 

ใบหน้าฉีมู่กลับกลายหม่นลงเล็กน้อยเมื่อมองชื่อคุ้นเคยที่ปรากฎบนหน้าจอ 

 

 

“เฉินอวี้เฟิงเหรอ” 

 

 

อี้จื่อเซวียนจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของฉีมู่ ครั้นเห็นแววตาอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเขาก็อดจะถามขึ้นก่อนไม่ได้ 

 

 

“อือ” 

 

 

ฉีมู่ขานรับเบาๆ ก่อนส่งสายตาอ่านยากให้อี้จื่อเซวียน ขยับกายเข้าใกล้ซูหว่านที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโซฟา “ห้วงฝันนี้มีกฎเคร่งครัดมาก อย่างการที่เราจะนึกเรื่องจริงออกหลังจากเที่ยงคืน และผีที่ตายไปพวกนั้นคงจะมีเวลาตามฆ่าที่กำหนดไว้ของตัวเองเหมือนกัน เช่นตอนตีสามในช่วงรุ่งสางไง!” 

 

 

เที่ยงคืน เวลายามสามในช่วงห้ายาม 

 

 

เมื่อซูหว่านเห็นว่านาฬิกาที่แขวนบนผนังหยุดอยู่ที่เลขสามก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ 

 

 

เฉินอวี้เฟิงโทรหาฉีมู่ทันทีที่ถึงเวลาตีสาม มันหมายความว่าอะไรกัน 

 

 

ซูหว่านมองไปทางฉีมู่อย่างตื่นตระหนกทันทีเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาพิงตัวกับโซฟาอีกครั้ง รับโทรศัพท์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ว่าไงอาเฟิง มีอะไรเหรอ” 

 

 

“ฉีมู่ นายอยู่ที่ไหนน่ะ ฉันฝันร้ายเลยคิดว่าจะไปปรึกษานายเรื่องนี้หน่อย” 

 

 

น้ำเสียงเฉินอวี้เฟิงที่ละล่ำละลักและกระหืดกระหอบซึ่งดังมาจากปลายสายเผยให้รู้ว่าเขายังไม่ได้สติจากความฝันดี 

 

 

“ตอนนี้ฉันออกมาข้างนอกน่ะ นายไปรอฉันที่บ้านของฉันแถวชานเมืองฝั่งตะวันตกสิ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” 

 

 

ฉีมู่วางสายโดยไม่รอให้เฉินอวี้เฟิงตอบกลับ 

 

 

เขาเล่นโทรศัพท์ตัวเอง ฉีมู่ปัดสูทตัวเองก่อนค่อยๆ ลุกขึ้น “ไปกันเถอะ ไปซัดเขากัน” 

 

 

“นายมีแผนเหรอ” 

 

 

อี้จื่อเซวียนอดถามออกมาไม่ได้พอเห็นฉีมู่ใจเย็นและสุขุมขนาดนี้ 

 

 

“มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้บ้างล่ะ” 

 

 

พูดมาถึงจุดนี้ ฉีมู่ก็หันไปมองซูหว่านอย่างจริงจังยิ่งขึ้น “ถ้าฟังเถียนเถียนไม่ใช่คนเหมือนกัน เสี่ยวหว่าน เธอต้องจำเอาไว้ว่าห้ามใจอ่อนนะ” 

 

 

ฟังเถียนเถียน… 

 

 

ซูหว่านหวั่นไหวอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทของเธอ เด็กสาวขี้กลัวคนนั้น ตอนนี้คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกับเธอใช่ไหม 

 

 

ทว่าทำไม… 

 

 

ทำไมตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่งจนถึงป่านนี้คนขวัญอ่อนถึงไม่ได้ติดต่อเธอมากันล่ะ 

 

 

ซูหว่านนึกสับสนเล็กน้อย ตามนิสัยของฟังเถียนเถียนแล้ว พอรู้ว่าตัวเองอยู่ในโลกความฝันที่น่ากลัวและชวนพิศวง เธอก็น่าจะตามหาคนอื่นให้ช่วยไม่ใช่หรือ 

 

 

อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วเธอ… 

 

 

ซูหว่านไม่กล้าคิดต่อ ทำได้เพียงทำตามน้ำไปภายใต้การปกป้องของอี้จื่อเซวียนและฉีมู่ ทั้งสามลงไปชั้นล่างด้วยกัน รถของฉีมู่ยังจอดอยู่ชั้นล่างแต่ประตูข้างหนึ่งพังไปแล้ว 

 

 

เมื่อเห็นรถได้รับความเสียหาย ฉีมู่ทำเพียงไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ฉันตกใจเกินไปตอนที่มาที่นี่เลยมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ แต่พวกเธอไม่ต้องห่วงนะ ฝีมือการขับรถของฉันดีสุดๆ เลยละ” 

 

 

ดีมากจนนายเกิดอุบัติเหตุสินะ… 

 

 

ซูหว่านเอาแต่เงียบ ความจริงแล้วเธอเองก็รู้ว่าการที่รถชนไม่ได้เป็นความผิดของฉีมู่ หรือว่าพวกเขาจะดวงซวยเกินไปกัน 

 

 

ไม่เพียงแต่เขาจะเกิดอุบัติเหตุแต่ยังถูกดึงเข้ามาในโลกฝันร้ายนี้อย่างไร้สาเหตุอีกด้วย 

 

 

ทั้งสามขึ้นรถและฉีมู่เป็นคนขับโดยนึกถึงบ้านตัวเองแถบชานเมืองตะวันตกไปตลอดทาง 

 

 

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ในย่านอยู่อาศัยกลางเมืองสุดหรู ฟังเถียนเถียนสวมชุดกันลมสีดำโอบกระชับกายและเดินตามคนเบื้องหน้าไปเรื่อยๆ ทั้งคู่ถือโอกาสช่วงกลางคืนออกจากละแวกบ้าน ร่างนั้นพลันชะงักเท้าไป ฟังเถียนเถียนซึ่งอยู่ด้านหลังเขาไม่ทันรู้ตัวก่อนจะเผลอชนเข้ากับเขา ตัวของเขาเย็นยะเยือก 

 

 

“ฉินลู่?” 

 

 

ฟังเถียนเถียนหน้าแดง “นายไม่เป็นไรใช่ไหม” 

 

 

“ไม่เป็นไร” 

 

 

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ อากาศเย็นยิ่งเหน็บหนาวขึ้น 

 

 

“ตัวนายเย็นมากเลยนะ ฉันคืนเสื้อกันลมให้นายดีไหม” 

 

 

ฟังเถียนเถียนนึกอยากจะถอดเสื้อกันลมที่อยู่บนไหล่ตัวเองด้วยความประหม่าและเก้อเขิน หากแต่ฉินลู่กลับยั้งไว้ “ฉันไม่ได้หนาว เธอสุขภาพไม่ค่อยดีควรจะใส่ไว้นะ เราเรียกแท็กซี่ไปหาซูหว่านกันเถอะ” 

 

 

“อื้ม” 

 

 

ฟังเถียนเถียนแววตาเป็นประกายขึ้นมาเมื่อพูดถึงซูหว่าน ความจริงแล้วเธอคิดจะติดต่อหาซูหว่าน ตอนที่ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่พอต่อสายกลับลืมตัวโทรหาฉินลู่ 

 

 

บางทีคงมีเพียงสถานการณ์คับขันเช่นนี้ที่จะได้รู้ใจจริงของตัวเอง 

 

 

ท้องถนนว่างเปล่าผิดตาในเวลาเช้ามืด แต่เพียงฟังเถียนเถียนนึกว่าพวกเขาคงโบกแท็กซี่ไม่ได้ รถแท็กซี่สีดำกลับมาจอดตรงหน้าทั้งสองคน     

 

 

รถแท็กซี่ที่แสนลึกลับ 

 

 

ฟังเถียนเถียนกระพริบตาอย่างฉงนใจ พอเห็นฉินลู่เข้าไปนั่งด้านในโดยไม่ปริปากเธอก็ตามไปติดๆ ฟังเถียนเถียนบอกที่อยู่ของซูหว่านทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ รถแท็กซี่สีดำเร่งเครื่องเสียงดังและออกตัวไปอย่างรวดเร็ว…