บทที่ 36 นอกเมือง

ราชาซากศพ

บทที่ 36
นอกเมือง

ในฉากเบื้องหน้าดูคล้ายกับการสังหารหมู่สัตว์อสูร แต่ความจริงสถานการณ์ไม่เป็นเช่นนี้ มีสัตว์อสูรจำนวนมากมายมีการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่พวกมันไม่มีวันจบสิ้น อย่างไรก็ตามค่ายกลเหนือเมืองใกล้จะพังทลาย

ที่ประตูทิศตะวันตกของหลินเว่ยมีการใช้ลูกศรมากกว่าหนึ่งล้าน และเมื่อพวกมันหมดลง เหล่าทหารมนุษย์จะต้องสู้กับสัตว์อสูร
แต่ผลที่ออกมาไม่เป็นเช่นนั้น จ้าวสัตว์อสูรดูเหมือนจะหมดความอดทน เสียงคำรามดังขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
“โฮก … ”
หลังจากที่จ้าวสัตว์อสูรร้องคำราม ทันใดนั้นพื้นดินก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือน เริ่มมาจากทุกทิศทาง โดยยึดเมืองหมั่นฉีเป็นศูนย์กลางและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกของการสั่นสะเทือนไปถึงกองทัพเมืองหมั่นฉี สัตว์อสูรกำลังวิ่งและเข้าโจมตี อย่างไรก็ตามกำแพงเมืองหมั่นฉีนั้นสูงถึง 100 เมตร และมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ใครรู้บ้างว่ามันเกิดอะไรขั้น?” นักรบขั้นสองที่มีสีหน้าหวาดวิตกร้องถาม
เขามองไปรอบ ๆ แต่ไม่มีใครตอบ ทุกคนมองดูอยู่ห่าง ๆ ใบหน้าของพวกเขาตึงเครียด จริงจัง แต่ส่วนใหญ่ยังคงลุกลี้ลุกลน
“นี่ … นี่คืออสูรวานรและแรดนอเดียว … !” ในที่สุด สาเหตุที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนก็ปรากฏตัว

“ตึกตัก ตึกตัก! … ทั้งหมดนี้เป็นสัตว์อสูรขั้นสามจำนวนมากมาย! เมื่อพวกมันรวมพลังกัน ก็เทียบเท่ากับสัตว์อสูรขั้นสี่ เราทุกคนกำลังจะตายอยู่ที่นี่?” นักรบวิ่งไปหาเถาจุน มองเขาด้วยความตกใจ กลืนน้ำลายและพูดติดอ่าง ราวกับเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ไป

“นี่…!” เมื่อเห็นชายตรงหน้าเขา เถาจุนก็อ้าปากของเขา แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น
เถาจุนคิดตามผู้ชายตรงหน้า จริง ๆ แล้วสัตว์อสูรขั้นสี่ออกมาอีกสักครู่ก็จะมีสัตว์อสูรระดับสูงขึ้นหรือจ้าวสัตว์อสูรลึกลับ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร พวกเขานั้นสู้ไม่ได้เลย ทำได้เพียงยื้อเวลาและรอการมาถึงของผู้แข็งแกร่งแห่งเมืองเฮยสุ่ย
แน่นอนว่าหนานหม่านเหยียนฉวนนั้นหลอกลวงเรื่องนี้

“ท่านเจ้าเมือง มีสัตว์อสูรขั้นสามและสัตว์อสูรขั้นสี่จำนวนมากปรากฏตัวในกองทัพสัตว์อสูร โปรดส่งคนไปขอความช่วยเหลือ ข้าเกรงว่า เราจะไม่สามารถต้านทานได้ไหว” เมื่อเห็นสัตว์อสูรขั้นสามซึ่งนำโดยสัตว์อสูรขั้นสี่มุ่งหน้าไปยังประตูทิศตะวันตกต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา หากว่าสู้ตรง ๆ คงจะถูกสังหารทันที ใบหน้าของเถาจุนซีดเผือด และเขาคว้านักรบที่อยู่ใกล้ ๆ และพูดอย่างรีบร้อน

“ไม่! เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วผู้บัญชาการเถา พวกเราต้องออกไปจัดการสัตว์อสูรขั้นสี่ ! โปรดขอความช่วยเหลือ ให้ผู้กล้าทั้งหลายมาช่วยกันต้านทานสัตว์อสูรขั้นสามและอพยพผู้คนหนีออกจากเมือง ส่วนนักสู้ขั้นหนึ่งหรือนักรบขั้นสองปล่อยให้พวกเขาปกป้องกำแพงเมืองต่อไป ด้วยค่ายกลนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย” หลังจากที่เถาจุนพูดจบเสียงก็ดังขึ้นข้างหลังเขา
ปรากฏว่าเป็นผู้นำจงชานและเพื่อนอีกสองสามคนเดินมาหาเถาจุน เมื่อพวกเขาได้ยินเสียง ทุกคนก็หันไปรอบ ๆ และเห็นว่าเป็นหยางอี้ผู้นำสหภาพแรงงานทหารรับจ้าง ข้าง ๆ เขามีนักรบสามคน หนึ่งในนั้นคือนักรบขั้นสี่ ระดับเจ็ด

ผู้นำกลุ่มการค้าฮ่าวไห่ที่เมืองหมั่นฉี อีกสองคนเถาจุนไม่เคยเห็นหน้า อย่างไรก็ตามจากความมั่นใจของพวกเขา เถาจุนก็มั่นใจตนเองว่าหากร่วมกันสู้จะสามารถเอาชนะได้

หลังจากพูดคุยกันสักพักเถาจุนก็รวบรวมนักสู้ขั้นสามและพาพวกเขาออกจากประตูเมือง เหลือเพียงส่วนเล็ก ๆ ในเฝ้ากำแพงเมือง

ในบรรดาผู้คนที่ติดตามกันไป หยางอี้และคนของหยางอี้นั้นมีความแข็งแกร่งและการฝึกฝนระดับสูงที่สุด เขาก้าวไปถึงนักรบขั้นสี่ระดับเก้า จงชานที่มีความแข็งแกร่งถึงนักรบขั้นสี่ระดับเจ็ด ส่วนที่เหลืออีกสองคนมาจากสหภาพทหาร แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้ ด้อยกว่าหยางอี้มาก พวกเขาทั้งหมดเป็นนักสู้ขั้นสาม
ในแง่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรยังไม่ชัดเจน ดังนั้นแผนของพวกเขาคือปล่อยให้นักรบขั้นสามล่อสัตว์อสูรขั้นสี่ออกมา และรอให้หยางอี้ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนระดับสูงสุดสังหารมันลงไป จากนั้นก็ช่วยกันร่วมโจมตีจนมันสิ้นใจตาย
สำหรับเถาจุน เนื่องจากเขาเพิ่งเลื่อนขั้น และความแข็งแกร่งของเขานั้นเพียงระดับหนึ่ง เขาจึงไม่สามารถเอาชนะ สัตว์อสูรขั้นสี่ได้ มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้เขาเข้าร่วมในการต่อสู้ ซึ่งหากสูญเสียนักรบขั้นสี่เป็นเรื่องน่าเสียดายและยอมไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เถาจุนเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทหารรับจ้างโลกันตร์ ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้นำในการสังหารสัตว์อสูรขั้นสาม

ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตรหยางอี้และคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่นั่นแล้ว ด้านหน้าของพวกเขาคือสัตว์อสูรขั้นสี่และขั้นสาม กำลังยืนอยู่จ้องหน้าสบสายตาระยะห่างระหว่างสองฝ่ายไม่ถึง 100 เมตร พวกเขากำลังส่งแรงกดดันของตัวเองออกไปและสถานการณ์ก็ใกล้จะปะทุ

สัตว์อสูรขั้นสี่เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรขั้นกลางและมีความคิดเป็นของตนเอง พวกมันรู้สึกได้ว่าหยางอี้นั้นเป็นศัตรูในระดับเดียวกับพวกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยางอี้นั้นมีพลังความกดดันอย่างมาก
สัตว์อสูรขั้นสี่ที่โจมตีประตูตะวันตกเป็นสัตว์อสูรยักษ์ที่มีความสูงมากกว่า 20 เมตร หมาป่าที่มีความสูง 7-8 เมตรและหมาป่าที่มีความสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนที่เหลือไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก พวกมัยมีความยาวเพียง 1 เมตร
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่สามารถมองข้ามไปได้ เพราะมันคือแมวเงาที่มีชื่อเสียงในด้านความคล่องตัว ในการลอบโจมตี ฉวยโอกาส และสังหาร

“ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาตนนี้แข็งแกร่งที่สุดระดับแปด ผู้นำจงชานพอจะรับมือได้หรือไม่?” ในระหว่างการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย หยางอี้พบความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทั้งสาม จึงหันไปมองจงชานและถามขึ้น
“ไม่ต้องกังวล ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะมันได้ แต่ถ้าหากถ่วงเวลาเอาไว้สักพักข้านั้นสามารถทำได้ เมื่อได้ยินคำถามของหยางอี้จงชานพยักหน้าและพูดให้กำลังใจตนเอง

“ดี! หมาป่าระดับเจ็ดยกให้ท่านไปจัดการมัน ส่วนข้าจะสังหารแมวเงาดำและสัตว์อสูรขั้นสามที่เหลือโดยเร็วที่สุด โปรดอย่าให้พวกมันมารบกวนข้า เมื่อจงชานพยักหน้าหยางอี้ก็แสดงออกว่า เข้าใจ จากนั้นพูดกับนักรบขั้นสี่ที่เหลืออีกสองคนและเถาจุน