ตอนที่ 35 จงหยวนสั่นสะเทือนอีกครั้ง

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 35 จงหยวนสั่นสะเทือนอีกครั้ง

“ตู้ม ! ”

ไม่กี่อึดใจต่อมานิมิตที่ปกคลุมท้องฟ้าทั่วทั้งเมืองหลวงของแคว้นต้าเยี่ยนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

มีเมฆดำเข้าปกคลุมพร้อมกับฟ้าร้องและฟ้าผ่า ก่อนที่ปราณจะแผ่กระจายพลันเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น

“เปรี้ยง ! ” วินาทีนี้ราวกับท้องฟ้ากำลังสั่นสะเทือน

ไม่นานลำแสงสีทองที่สว่างไสวและทรงพลังก็สาดส่องลงมามากมาย

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือราวกับมีร่างของคนขยับอยู่ในทุกลำแสงก็มิปาน ชายเสื้อพลิ้วไหว ผมยาวนั้นปลิวไปตามลม ลำแสงสายรุ้งส่องสว่างออกมาราวกับเซียนมาจุติ

ในบรรดาร่างทั้งหมด

บ้างก็ถือกระดานหมากล้อมทองคำเอาไว้ในมือ รอบกายมีมัจฉาหยินหยางว่ายวน บนกระดานเกิดคลื่นแสงสั่นสะเทือน ปรากฏเป็นความงดงามที่โดดเด่นยิ่งนัก

บ้างก็ถือพู่กันวิเศษที่ส่องประกายงดงาม ม้วนกระดาษขาวสะอาดตาลอยอยู่รอบกาย เมื่อจรดพู่กันปราณนับคณาก็แผ่ออกมา เสริมความน่าเกรงขามให้กับนิมิตไปอีกขั้น

บ้างก็นั่งขัดสมาธิกลางอากาศโดยมีพิณโบราณวางอยู่บนตัก ทันทีที่นิ้วเรียวยาวขยับพลังบังเกิดเสียงพิณ ประเดี๋ยวนุ่มนวลราวกับธารน้ำไหลริน ประเดี๋ยวรุนแรงราวกับคลื่นลมที่ซัดสาด อีกทั้งยังเหมือนเสียงไข่มุกที่ตกกระทบธาราอีกด้วย

บ้างก็สะพายกระบี่เอาไว้ด้านหลัง บ้างก็ยืนอยู่บนกระบี่อย่างผ่าเผย เส้นผมและแขนเสื้อปลิวไสว พร้อมกับท่วงท่าสง่างามไร้ที่เปรียบ

……………………

เมื่อได้เห็นนิมิตมากมายที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ราษฎรไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือชาวบ้านธรรมดาทั่วไปต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

“หรือเพราะการสร้างอารามฉางชิง จึงทำให้เกิดเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นในเมืองหลวงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่แล้ว ! ”

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ”

“เช่นนั้นก็หมายความว่าผู้อาวุโสเย่ก็เป็นเซียนจริง ๆ น่ะสิ ! ”

บนภูเขาตะวันออก

เยี่ยนหยางเหนียนเดินนำทุกคนมาที่หน้าประตูบานใหญ่ ใบหน้าตกตะลึงอย่างถึงที่สุดหลังได้เห็นนิมิตที่ปกคลุมเมืองหลวงอยู่

แม้เขาจะเป็นฮ่องเต้ของแคว้นต้าเยี่ยน แต่การได้เห็นนิมิตที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาเองก็เกิดความรู้สึกที่ไม่ต่างจากคนอื่นเช่นกัน

นี่เป็นนิมิตที่น่าอัศจรรย์ที่สุด นับตั้งแต่เขาเกิดมา

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ ฟ้าบังเกิดนิมิตมงคลเยี่ยงนี้ขึ้น แคว้นต้าเยี่ยนของเราจะต้องเจริญรุ่งเรืองไปอีกยาวนานแน่นอนพะยะค่ะ ! ”

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ เหล่าเทพปรากฏกายเพื่อประทานพรแก่แคว้นต้าเยี่ยนของเราเป็นแน่ สวรรค์ต้องการให้ต้าเยี่ยนของเราผงาดขึ้นไปอีกเป็นแน่พะยะค่ะ”

“ใช่แล้วพะยะค่ะ ไม่แน่ภายในหนึ่งร้อยปีแคว้นต้าเยี่ยนอาจจะรวมจงหยวนเป็นหนึ่งเดียว เปลี่ยนประวัติศาสตร์หลายแสนปีของจงหยวน และกลายเป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์ก็ได้นะพะยะค่ะ”

หลังจากได้สติอีกครั้ง ผู้คนต่างพากันคุกเข่าลงตรงหน้าและกล่าวคำสรรเสริญเยินยอแก่เยี่ยนหยางเหนียน

แต่เยี่ยนหยางเหนียนกลับฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย และพยักหน้ารับเบา ๆ เท่านั้น

บัดนี้ดูแล้วแคว้นต้าเยี่ยนคงจะผงาดขึ้นได้ดั่งปรารถนาแล้ว แต่จะเปลี่ยนสถานการณ์ในจงหยวน ให้กลายเป็นราชวงศ์ที่รวบรวมจงหยวนเป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่นั้น หาใช่สิ่งที่เยี่ยนหยางเหนียนจะตัดสินใจเองได้ และมิใช่สิ่งที่ท่านบรรพบุรุษจะตัดสินใจได้เช่นกัน

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสเย่ประทานให้ ฉะนั้นหากภายภาคหน้ามีวันนั้นจริงก็ต้องให้ผู้อาวุโสเย่เห็นด้วยเสียก่อนจึงจะทำได้

มิเช่นนั้นดูจากความสามารถของผู้อาวุโสเย่แล้ว เขาทำให้แคว้นต้าเยี่ยนรุ่งเรืองได้ ก็สามารถทำให้แคว้นต้าเยี่ยนสูญสิ้นไปจากจงหยวนภายในคืนเดียวได้เช่นกัน

ความจริงแล้วเวลานี้ภายในใจของเยี่ยนหยางเหนียนเองก็รู้สึกสับสนมิน้อย

เขาเป็นถึงฮ่องเต้ของแคว้นต้าเยี่ยน ย่อมมีความปรารถนาที่ต้องการจะรวมจงหยวนเป็นหนึ่งเช่นฮ่องเต้ทุกพระองค์ในแผ่นดินจงหยวน

และบัดนี้การที่แคว้นต้าเยี่ยนจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับถูกคนอื่นคอยควบคุมเอาไว้

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างซับซ้อนและจนปัญญายิ่งนัก

เยี่ยนหยางเหนียนรู้สึกราวกับตนเองเป็นหมากตัวหนึ่งของผู้อาวุโสเย่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เฮ้อ หากกลายเป็นหมากของผู้อื่นจริง ข้ายอมให้จงหยวนปกครองโดยสี่แคว้นเช่นตอนนี้ แคว้นต้าเยี่ยนก็จะยังคงเป็นแคว้นต้าเยี่ยนดังเดิม ! ”

คิดเพียงเท่านี้เยี่ยนหยางเหนียนก็ลอบถอนหายใจเพียงลำพัง

เวลานี้เยี่ยนหยางเหนียนรู้สึกความจนใจของเขามีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่เข้าใจ

ขณะที่เยี่ยนหยางเหนียนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ผู้เฒ่าจากจวนผู้กล้าท่านหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

“เรียนฝ่าบาท ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวังหลวงตอนนี้ พลังแห่งเต๋าสับสนวุ่นวาย หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ท่านบรรพบุรุษน่าจะบรรลุแล้วพะยะค่ะ ! ” ผู้เฒ่าผู้นั้นเอ่ยขึ้น

“ท่านบรรพบุรุษจะบรรลุแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เยี่ยนหยางเหนียนยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันทีที่ได้ยิน

เพราะท่านบรรพบุรุษติดอยู่ในขั้นนี้มานับพันปีแล้ว หากเขาบรรลุได้จริงก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ หากวันหนึ่งท่านบรรพบุรุษก้าวสู่ขั้นสูงสุดได้ เขาก็จะไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว

“ไป รีบกลับวังกันเถอะ ! ” เยี่ยนหยางเหนียนสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ก่อนจะเดินนำทุกคนลงเขาไป

ไม่นาน ข่าวของแคว้นต้าเยี่ยนก็ถูกส่งไปถึงแคว้นอื่น ๆ รวมถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ด้วย

ในห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นกู่เฉิน ทั้งฮ่องเต้และเหล่าคนสนิทต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

“เยี่ยนหยางเหนียนช่างโชคดีจริง ๆ ถึงขนาดได้รับการปกป้องคุ้มครองจากยอดคนเช่นนี้ได้ น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นกู่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร หมัดทั้งสองข้างถูกกำจนแน่น ท่าทางเต็มไปด้วยความมิพอใจและจนใจในเวลาเดียวกัน

“ฝ่าบาท เมืองหลวงแคว้นต้าเยี่ยนปรากฏนิมิตเทพจุติ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดนิมิตเช่นนี้ถือเป็นการเสริมดวงเมืองให้แก่แคว้นต้าเยี่ยน วันหน้าแคว้นต้าเยี่ยนจะต้องเป็นใหญ่ได้อย่างแน่นอนพะยะค่ะ”

“ฝ่าบาท นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันฮ่องเต้ทุกพระองค์ ล้วนแต่ต้องการทำลายรูปแบบการปกครองที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อรวมจงหยวนให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งนั้นนะพะยะค่ะ”

“แม้จะบอกว่าเยี่ยนหยางเหนียนเกรงที่จะทำการใหญ่ แต่หากดวงเมืองรุ่งเรือง อีกทั้งผู้เฒ่าที่เร้นกายอยู่เบื้องหลังผู้นั้นยังอยู่และบรรลุได้สำเร็จขึ้นมา เราอาจจะเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นในจงหยวนมิได้นะพะยะค่ะ”

“ฝ่าบาท กระหม่อมว่าประการแรกเราควรจะรีบสืบให้รู้ว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เป็นเทพองค์ใดกันแน่ ประการสองควรจะหยุดความบาดหมางบริเวณชายแดนกับต้าเซี่ย อีกทั้งต้องสมานฉันท์กันเอาไว้ก่อนจะดีกว่าพะยะค่ะ”

“หากกระหม่อมเดามิผิด แคว้นต้าเซี่ยก็คงจะได้รับข่าวนี้แล้วเช่นกัน พวกเขาก็คงต้องการสมานฉันท์กับแคว้นกู่เฉินของเราเช่นกันพะยะค่ะ”

“ส่วนผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เป็นยอดคนเช่นไรกันแน่นั้น ขอเพียงเขากล้าเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางโลก อย่างมากเราก็แค่เชิญสาสน์ของฮ่องเต้อู๋เย่ที่เราเคารพเพื่อเผชิญหน้ากับเขา ! ”

“ตอนนี้คงมีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว ! ”

………………………..

ภายในวังหลวงแคว้นต้าเซี่ย หลังจากฮ่องเต้ทรงทราบข่าวของแคว้นต้าเยี่ยน ก็ได้เรียกประชุมขุนนางฝ่ายต่าง ๆ ในตำหนักโบราณหลังหนึ่งทันที

เวลานี้ภายในตำหนักเต็มจึงไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย

“ฝ่าบาท บัดนี้ความรุ่งเรืองของแคว้นต้าเยี่ยนอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว เวลานี้แคว้นกู่เฉินเองก็คงทราบข่าวนี้แล้วเช่นกันพะยะค่ะ”

“ดูจากที่ก่อนหน้านี้เกิดความขัดแย้งกับแคว้นต้าเยี่ยนมาโดยตลอดแล้ว เกรงว่าเวลานี้แคว้นกู่เฉินคงนั่งมิติด อีกมินานจะต้องส่งทูตมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับเราเป็นแน่พะยะค่ะ”

“ตอนนี้เราแค่ยังไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเย่ที่เยี่ยนหยางเหนียนกล่าวถึงเป็นคนเช่นไรกันแน่ เหตุใดจึงต้องมาทำลายสมดุลของจงหยวนที่รักษามายาวนานเยี่ยงนี้ด้วย ? ”

“เฮ้อ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าสงครามเจ็ดแคว้นเมื่อแสนปีก่อนก็เกิดจากการที่ยอดคนกลุ่มหนึ่งคอยยุแยงและหลอกใช้คนธรรมดาเป็นหมากของตัวเอง จนทำให้เกิดแคว้นโบราณทั้งสี่ขึ้นดังเช่นทุกวันนี้”

“ใช่แล้ว ไม่แน่ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ก็อาจจะเป็นยอดคนที่ต้องการใช้แคว้นต้าเยี่ยนเป็นหมาก เพื่อต่อกรกับยอดคนบางท่านที่เร้นกายอยู่บนโลกก็เป็นได้”

“หลายปีมานี้แคว้นต้าฉู่ตกต่ำลงอย่างมาก หรือว่ายอดคนอีกท่านหนึ่งจะพำนักอยู่ที่แคว้นต้าฉู่ ? ”

“หรือบางทีอาจจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้ ! ”

“รีบส่งข่าวไปให้สายลับในแคว้นต้าเยี่ยน ต้องหาวิธีสืบมาให้ได้ว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่ ! ”

……………………..

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั่วทั้งจงหยวนได้สั่นสะเทือนไปทั่ว !