บทที่ 37 ความแข็งแกร่งที่ไหลริน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 37 ความแข็งแกร่งที่ไหลริน

“ผู้อาวุโสลำดับสอง”

เมื่อได้ยินเสียงอันเบาแต่ชัดถนัดนี้ทำให้เหล่าศิษย์สำนักยืนขึ้นในทันทีด้วยความเคารพ

สำหรับสำนักเต่าดำแห่งนี้ นอกจากผอ.ผู้ลึกลับและผอ.หน้าฉากแล้ว ก็มีผู้อาวุโสลำดับสองคนนี้ที่มีอำนาจมากที่สุด

จ้าวฮั่นนั้นคือหลานของผู้อาวุโสจ้าวหยางคนนี้ ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้สูงอะไรมากมาย แต่ว่าด้วยความสัมพันธ์อันดียิ่ง เมื่อเฉินเฉียงกล้าหาเรื่องจ้าวฮั่นแล้ว เชื่อว่าชีวิตเขาในสำนักย่อมไม่สงบสุขอย่างแน่นอน

เฉินเฉียงที่รู้ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ตอนนี้เขาแค่ต้องการแหวนวงนี้เท่านั้น

หลังจากจ้าวฮั่นได้ยินคำอนุญาตจากปู่ของตน เขาก็ได้มองแหวนอย่างอาวรณ์เล็กน้อยก่อนที่จะนำของข้างในออกมาและโยนแหวนให้เฉินเฉียง

“เฉินเฉียง ใส่แหวนของข้าไว้ตลอดให้ได้แล้วกัน แล้วข้าจะมาทวงคืน”

หลังจากพูดใส่เฉินเฉียงด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้ว จ้าวฮั่นก็ตะเบ๊ะพร้อมยืดอกแล้วเดินจากไป

เฉินเฉียงไม่ใส่ใจกับการกระทำของจ้าวฮั่น เขาในตอนนี้ได้สัมผัสถึงพื้นที่ภายในแหวนที่มีขนาดเกือบร้อยลูกบาศก์เมตร เขาจึงได้เก็บดาบดั้นเมฆของตนใส่ไว้ในแหวนในทันที

เมื่อเห็นฉากนี้แล้วศิษย์ในสำนักคนอื่นๆก็ทยอยออกจากพื้นที่สนามประลองไป

“ไปกันเถอะ พวกเราก็กลับกันได้แล้ว”

“ท่านอาจารย์ ครั้งนี้เรานั้นได้ถือว่ามีเรื่องกับแผนกเล่นแร่เต็มตัวไปแล้ว ศิษย์เกรงว่าอนาคตของแผนกเราคงไม่ง่ายเป็นแน่”

ฮู่ต้าไฮ่พยักหน้ารับ “เฉินเฉียง ศิษย์พี่ของเจ้าพูดถูกต้อง แต่ก็อย่าได้เป็นกังวลไป ยังไงซะที่นี่ก็ยังเป็นสำนักเต่าดำ พวกเจ้าแค่มุ่งเน้นในการบ่มเพาะก็พอ ส่วนเรื่องอื่นนั้นเดี๋ยวให้อาจารย์คนนี้จัดการเอง”

“แผนกวิชายุทธพิเศษของเรานั้นเข้มแข็งที่สุดในสำนัก ต่อให้มีคนอยากจะตัดขาพวกเรา ผอ.ยังไงก็ย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว”

“อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้การกระทำของเฉินเฉียงนั้นได้สร้างปัญหาไม่ใช่น้อย หากเจ้าไม่สามารถเผชิญหน้าเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองล่ะก็ ทั้งแผนกเล่นแร่แปรธาตุและผู้อาวุโสสองย่อมไม่รามือ”

“ในช่วงที่พวกนั้นยังไม่ทำอะไรนี้ พวกเจ้าเองก็ควรอย่าพึ่งไปกระตุ้นซะล่ะ อย่างน้อยๆในช่วงเวลาอันสั้น พวกนั้นคงยังไม่กล้าทำอะไร เข้าใจหรือไม่”

เฉินเฉียงและคนอื่นๆต่างพยักหน้ารับ

“เฉินเฉียง อยู่ก่อน คนที่อื่นกลับไปได้”

เมื่อเหลือเพียงแค่เฉินเฉียงและฮู่ต้าไฮ่อยู่ในห้อง ฮู่ต้าไฮ่ก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ

“เจ้านี่น้า…เป็นตัวก่อปัญหาจริงๆ เฮ้อออออ”

ฮู่ต้าไฮ่นั้นต้องการดุเฉินเฉียงก่อนเป็นอย่างแรก จึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เฉินเฉียง ถึงแม้เจ้าในตอนนี้จะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับทหารขั้นสูงแล้วก็ตาม แต่สำหรับในสำนักเต่าดำของเรานั้น นี่คือเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเจ้าพึ่งจะเปิดจุดชีพจรได้แค่ห้าจุดเท่านี้น เส้นทางของเจ้ายังอีกยาวไกล”

“แต่ในเมื่อเจ้านั้นทำตามสิ่งที่อาจารย์คนนี้ต้องการได้สำเร็จ อาจารย์ย่อมมีเรื่องที่จะสอนเจ้า”

“เฉินเฉียง เจ้ารู้ระดับขั้นที่เหนือกว่าระดับทหารขั้นสูงหรือไม่”

เฉินเฉียงก้มหัวลงต่ำเพื่อคิดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าได้ยินมาว่าถัดจากทหารขั้นสูงไปแล้วจะกลายเป็นระดับนายพลวิญญาณได้หลังจากที่เปิดจุดชีพจรได้ถึงสิบสองจุดไปแล้ว ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับระดับขั้นนายพลวิญญาณนั้นศิษย์ไม่รู้ครับ”

“อื้ม ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จะบอกเจ้าในวันนี้”

“จุดชีพจรในร่างของมนุษย์นั้น นอกจากจุดชีพจรหลักทั้งสิบสองแล้วยังมีจุดชีพจรลับอีกสามสิบหกจุด”

“สัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าคนคนนั้นคือนายพลวิญญาณแล้วนั้นก็คือการเปิดจุดชีพจรทั้งสิบสองจุดหลักนี้ให้ได้ สำหรับระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางขึ้นไปนั้นเป็นได้ก็ต่อเมื่อเปิดจุดชีพจรลับได้อีกสิบสามถึงยี่สิบสี่จุด และในระดับสูงนั้นจะต้องเปิดจุดชีพจรลับให้ได้ยี่สิบห้าจุดไปจนถึงการเปิดจุดชีพจรลับให้ได้ทั้งหมดสามสิบหกจุด”

“ในเหล่านักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณนั้น ความสามารถในการต่อสู้เองก็ยังมีทั้งต่ำและสูง ยกตัวอย่างเช่นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า หลู่ฟาง เขานั้นเปิดจุดชีพจรลับได้สิบจุด ถึงแม้ระดับของเขานั้นจะถือว่าต่ำในหมู่นายพลวิญญาณ แต่ความสามารถในด้านการต่อสู้ของเขานั้นกลับสูงล้ำ”

“ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าในจุดชีพจรของเขานั้นนอกจากจะแข็งแกร่งแล้วก็ยังสามารถบรรจุพลังสายเลือดได้อย่างมากมายนี่จึงทำให้เขานั้นมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง จุดนี้เองในอนาคตเราค่อยพูดถึงกัน”

“นอกจากการเปิดจุดชีพจรและความจุของพลังสายเลือดแล้ว ความแข็งแกร่งนั้นก็ยังสามารถได้ด้วยความรู้ สำนักของเรานั้นมีห้องข้อมูลอยู่ เจ้าสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้จากที่นั่น”

“หากเจ้าศึกษาดูแล้วมีสิ่งที่ไม่เข้าใจ เจ้าสามารถมาหาอาจารย์และสอบถามได้ทุกเมื่อ”

“เจ้าเข้าใจหรือไม่”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว”

หลังจากได้รับคำแนะนำดีๆมาจากฮู่ต้าไฮ่ เฉินเฉียงก็ได้ไปหากัวเหลียงก่อนเลยเป็นคนแรก

วันนี้พวกเขานั้นได้แต้มคะแนนมามากมายนัก

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้อง คะแนนกว่าแสนสองหมื่นแต้มนี้มากพอที่จะทำให้เจ้านั้นอยู่ได้นานหลายปีเลยทีเดียว”

สายตาของกัวเหลียงที่ราวกับส่องแสงได้ราวกับเหยี่ยวที่เห็นชิ้นเนื้อนี้ทำให้เฉินเฉียงบังเกิดความกลัวขึ้นมาไม่น้อยเลยจริงๆ

“เอ่อออ ศิษย์พี่ อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นสิ ข้าเห็นแล้วรู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้” “ว่าแต่ พี่ต้องไม่ลืมว่าพี่ยังติดคะแนนข้าไว้นา…” “อ้อ แล้วก็ข้าจะแบ่งแต้มคะแนนให้พี่เป็นค่าดำเนินการให้หมื่นแต้มคะแนนนะ พอใจรึเปล่า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องนี่ใจดีกับศิษย์พี่คนนี้จริงๆ ด้วยแต้มคะแนนนี้ พี่สามารถบ่มเพาะในห้องได้อีกพักใหญ่เลย”

“ถ้าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าดีมากเลยจริงๆ ว่าแต่ศิษย์พี่ ข้าขอถามหน่อยสิว่าข้าพอจะซื้อแก่นคริสตัลได้จากไหนบ้าง ท่านบอกข้าหน่อยได้รึเปล่า”

“แก่น…. แก่นคริสตัลเหรอ ศิษย์น้องหมายถึงแก่นคริสตัลที่ได้จากอสูรนั่นอ่ะนะ ศิษย์น้องต้องการมันไปทำไมกัน”

“อ้อใช่สินะ ถ้าศิษย์น้องตั้งเป้าไว้ว่าจะกลับไปยังโลกภายนอกแก่นอสูรย่อมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศิษย์น้องสามารถไปที่หอภารกิจ และแลกมันด้วยคะแนนได้ ส่วนหอภารกิจนั้นมีตำแหน่งปรากฏอยู่ในกำไรสื่อสารอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าขอไปห้องบ่มเพาะก่อนแล้วกัน ข้าคงไม่ได้ไปส่งเจ้าหรอกนะ”

หลังจากพูดจบ กัวเหลียงวิ่งออกไปด้วยความเปี่ยมสุข

เฉินเฉียงจึงรีบเปิดกำไรสื่อสารดู ไม่นานก็พบกับตำแหน่งของหอภารกิจ

ด้วยการที่หอนี้มีภารกิจให้ศิษย์ในสำนักเลือกรับไปทำมากมาย หอภารกิจย่อมต้องนำทุกสิ่งที่ได้มาจากภารกิจมาใช้ ย่อมรวมถึงสมบัติมากมายอีกด้วย

เฉินเฉียงได้ใช้คะแนนหมื่นแต้มไปกับการแลกเปลี่ยนเป็นแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นต้นมาได้หนึ่งหมื่นก้อน รวมถึงชุดสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาบ่มเพาะร่างกาย และเตาหลอมยาอีกชุดหนึ่ง

ด้วยสมุนไพรเล่านี้เขานั้นจะสามารถหลอมสร้างยาบ่มเพาะร่างกายด้วยตัวเอง

หลังจากออกจากหอภารกิจแล้ว เฉินเฉียงก็ได้เดินไปยังห้องข้อมูลที่อาจารย์เขาได้แนะนำ

ระหว่างทาง เฉินเฉียงได้ดูดซับแก่นคริสตัลทั้งหมดด้วยระบบทำให้ในตอนนี้เขานั้นได้รับค่าพลังงานไปกว่าเก้าแสนหน่วย อย่างไรก็ตาม ระบบของเขานั้นได้เปิดใช้งานฟังก์ชันหลอมรวมโดยอัตโนมัติ

และด้วยค่าพลังงานที่ได้มากมายนี้ทำให้เขานั้นต้องการจะเพิ่มค่าสถานะของเขาจึงได้เปิดหน้าต่างค่าสถานะของตนขึ้นมา

ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูง
การหลอมรวมทักษะ: 1
ค่าพลังงาน:400,000
ค่าการใช้ประโยชน์:100
ค่าความอดทน:75
ค่าความแข็งแกร่ง:98
ค่าความเร็ว:140
ค่าพลังจิต:77
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
วิธีการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายขั้นต้น ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับต้น
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรูระดับต้น
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับต้น
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับเรียนรู้
ทักษะ: การเคลื่อนที่เงา ระดับเรียนรู้
สายเลือด: ทมิฬระดับสูง
สายเลือด: พลังห้าธาตุระดับสูง
สายเลือด: ธาตุไม้ระดับสูง

ค่าสถานะของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทักษะการสะกดจิตของเขาเองก็เพิ่มขึ้นไปอีกเล็กน้อยด้วย

ในขณะเดียวกันนั้น ความสามารถของการบ่มเพาะภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรก็ได้ประจักษ์ให้เขาเห็นในจิตใต้สำนึกของเขา

ถึงแม้เขานั้นจะไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับทักษะการบ่มเพาะนี้สักเท่าไหร่นัก แต่เขานั้นค่อนข้างมั่นใจว่าการบ่มเพาะนี้ช่วยเพิ่มค่าจิตวิญญาณให้เขาได้อย่างมาก นี่เองสมควรจะเป็นการบ่มเพาะที่เหล่าศิษย์ในแผนกจิตวิญญาณใช้กัน

ห้องข้อมูลของสำนักเต่าดำนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่อยู่ด้านตะวันออกของหอภารกิจ ที่นั่นมีหอเล็กๆสองชั้นตั้งอยู่

ที่หน้าห้องข้อมูลนี้ เฉินเฉียงได้ยื่นบัตรประจำตัวลูกศิษย์ให้กับผู้คุมหอ
“อาจารย์เยว่ ข้าคือศิษย์ของอาจารย์ฮู่ ข้าต้องการเข้าไปยืมข้อมูลบางส่วนครับ”

อาจารย์เยว่ที่ในตอนนี้มีอายุอานามกว่าหกสิบปีและได้เอนกายอยู่บนเก้าอี้ก็ได้ลืมตาขึ้นมา เขามองไปที่บัตรประจำตัวศิษย์ปราดหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาราวกับท่องจำ
“ข้อมูลชั้นหนึ่งเหมาะกับระดับทหาร ข้อมูลชั้นสองเหมาะกับนายพลวิญญาณ หากจะยืมก็ต้องจ่ายหนึ่งแต้มต่อหนึ่งเล่ม และต้องคืนภายในหนึ่งเดือน”

หลังจากพูดจบ เขาก็ได้นอนต่อไปและกรนออกมา

เฉินเฉียงก็ได้เก็บบัตรของตนกลับไปและเดินไปยังชั้นหนึ่ง

จากภายนอกนั้นห้องนี้ดูเหมือนจะมีขนาดอยู่ที่ร้อยตารางเมตรเท่านั้น แต่เมื่อได้เข้ามา เฉินเฉียงก็ได้พบว่าข้างในนั้นมีข้อมูลต่างๆอยู่นับร้อยๆชั้นหนังสืออยู่ข้างใน มีทั้งข้อมูลของแผนกวิชายุทธพิเศษ แผนกวิญญาณ แผนกบ่มเพาะร่างกาย ตลอดไปจนถึงธาติโลหะ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน น้ำแข็ง และพิษ มีแม้กระทั่งวิธีการหลอมเม็ดยา ทำอาวุธ และอื่นๆอีกมากมายหลากหลาย

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับแผนกวิชายุทธพิเศษแล้ว เฉินเฉียงยังให้ความสนใจกับแผนกวิญญาณอีกด้วย

ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะมีเพียงทักษะสะกดจิตขั้นต้นเท่านั้น แต่ในเมื่อตัวเขานั้นมีความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้น นี่ทำให้เขาสนใจทักษะที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณมากขึ้นตามไปด้วย หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง เฉินเฉียงก็ได้เลือกทักษะการโจมตีที่มีชื่อว่าเคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์

ก่อนที่เฉินเฉียงจะตัดสินใจออกจากห้องข้อมูลไป ตอนนี้เขานึกอะไรบางอย่างได้จึงได้หันหลังกลับและเลือกหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุมาอีกจำนวนหนึ่งและเดินออกไป หลังจากจ่ายคะแนนไปสิบคะแนนก็ได้ออกมา

“เป็นศิษย์ของฮู่ต้าไฮ่แต่กลับศึกษาวิชาทางด้านจิตวิญญาณและการเล่นแร่แปรธาตุ หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปผู้คนคงหัวเราะจนฟันร่วงเป็นแน่”

หลังจากมองหลังของเฉินเฉียงที่ได้จากไปแล้ว อาจารย์เยว่ก็ได้ส่ายหัวไปมาก่อนที่จะนอนหลับต่อจนกรนดังลั่น

หลังจากกลับไปยังบ้านของตนแล้ว เฉินเฉียงได้เก็บตัวอยู่ในห้องก่อนที่จะใช้เวลาไปกว่าสามวันเต็มในการศึกษาทักษะวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ไม่เพียงเขานั้นจะบรรลุถึงระดับต้นในสามวันแล้ว ตอนนี้เขานั้นได้จดจำเนื้อหาได้จนหมดสิ้น

ด้วยการที่เทคนิคนี้เป็นทักษะทางด้านจิตวิญญาณจึงถือได้ว่ายากกว่าเทคนิคอื่นๆ จึงไม่มีทางเลยที่เฉินเฉียงจะสำเร็จได้โดยง่าย ในตอนนี้เขาจึงคิดที่จะออกจากบ้านเพื่อไปยังห้องบ่มเพาะ

“อาจารย์จาง ข้าขอใช้ห้องบ่มเพาะที่ห้า สิบวันครับ”

“ห้องบ่มเพาะที่ห้าเหรอ แถมยังสิบวันเนี่ยนะ”

จางฉุนได้มองไปยังเฉินเฉียงพลางส่ายหัวออกมา “เสียของจริงๆ ห้องที่ห้านั้นคนที่ใช้ได้มีเพียงสายเลือดระดับสูงและระดับนายพลเท่านั้น ค่าใช้จ่ายวันละห้าพันแต้ม” “แม้แต่อาจารย์ของเจ้า ฮู่ต้าไฮ่ยังยากที่จะใช้มันเลย”

เฉินเฉียงได้ส่งมอบแต้มคะแนนห้าหมื่นแต้มจากกำไรสื่อสารของตนให้โดยไม่ทัดทานในคำพูดแม้แต่คำเดียว ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องบ่มเพาะหมายเลขห้าที่มีชื่อว่าสวรรค์ชั้นที่สิบ

เป็นอย่างที่อาจารย์จางฉุนว่าไว้จริงๆ ห้องหมายเลขห้านี้เป็นห้องบ่มเพาะระดับสูงที่แม้แต่ระดับนายพลก็ยังต้องกริ่งเกรง

แต่เขาเองก็มีเหตุผลที่เขาเลือกห้องนี้เหมือนกัน นั่นก็เพราะว่าเขานั้นต้องใช้พลังงานเหล่านี้ในการบ่มเพาะสายเลือดของเขา และนี่น่าจะช่วยเขาในการเปิดจุดชีพจรให้ได้อีกสักหน่อย อีกอย่างคือเขานั้นต้องการฝึกฝนร่างกายตัวเองที่นี่

ด้วยการที่ว่าแผนกวิชายุทธของเขานั้นจำเป็นต้องมีพื้นฐานทางด้านร่างกายที่สูงล้ำ แต่เขานั้นในตอนนี้ยังทำไม่ได้แม้แต่การฝึกฝนร่างกายระดับต้นที่เป็นการหลอมเลือดและกล้ามเนื้อ

ภายในห้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังนี้ เฉินเฉียงได้นำเตาหลอมยาออกมาและใส่ส่วนผสมสมุนไพรลงไป เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาหลอมยาหลอมร่างระดับสูงออกมาได้

“ไอ้บ้าเอ๊ย เฟิงไคเหลียงนั่นมันเลวชาติอย่างแท้จริง ข้าใช้เงินร้อยแต้มไปซื้อน้ำยาฮ่วยๆนั้นได้ยังไงกัน” “ไอ้หมอนั่นเลวชาติโดยแท้”

หลังจากกล่าวสาปแช่งจบแล้ว เฉินเฉียงก็ได้จ้องมองไปยังยาหลอมร่างกายที่เขาหลอมขึ้นมาได้ด้วยจิตใจที่ปลื้มปริ่ม

และด้วยสิ่งนี้ ตราบใดที่เขายังมีระบบอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวหรือเสียเวลาไปกับความโกรธแค้นของพวกเล่นแร่แปรธาตุเมื่อเขาต้องใช้ยาพวกนี้อีกในอนาคต

หนึ่งวันผ่านไป เวลาครึ่งหนึ่งเขาใช้ไปกับการบ่มเพาะร่างกาย อีกครึ่งหนึ่งนั้นเขาใช้ไปกับการเปิดจุดชีพจร

สิบวันผ่านไป เขาใช้พลังสายเลือดที่พวยพุ่งอยู่ในห้องฝึกตนหมายเลขห้าไปทุกหยาดหยด ในตอนนี้เขานั้นเปิดจุดชีพจรได้สิบจุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือเขานั้นสามารถหลอมเลือดและเนื้อได้จนสำเร็จ จนเขานั้นรู้สึกได้ว่า ร่างกายของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด

ในทันทีที่เฉินเฉียงออกมาจากห้องบ่มเพาะแล้ว กำไรสื่อสารของเฉินเฉียงนั้นก็ได้ดังไม่หยุดในทันที

เมื่อลองเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความของกัวเหลียงทั้งหมด

เฉินเฉียงรีบเปิดข้อความล่าสุดในทันที

“ศิษย์น้อง เจ้ายังบ่มเพาะอยู่อีกเหรอ ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาแล้วนะ”