“ท่าทางของชายผู้นี้ช่างน่ารำคาญจริงๆ ” เสียงของวัลโดดังขึ้นในหัวของแคลร์และทันใดนั้นเขาก็สงสัย “เด็กที่หยิ่งเช่นนี้ เจ้าเคยชอบเขามาก่อนได้อย่างไรกัน? คำพูดของเขาหมายความว่ายังไง?” วัลโดไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปีศาจน้อยตนนี้จะเคยชอบชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มาก่อน 

 

 

แคลร์พูดไม่ออก เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะบอกวัลโดว่านางไม่ใช่แคลร์คนก่อน 

 

 

เมื่อเห็นว่าแคลร์ไม่ได้พูดอะไร เด็กหนุ่มรูปงามก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้น ในใจเขาทั้งอิจฉาและเกลียดชัง หญิงบ้าผู้ชายคนนี้ได้รับการยกย่องจากปรมาจารย์คลิฟให้เป็นศิษย์ของเขา ยิ่งไปกว่านั้นนางยังไม่ได้เป็นนักเวทย์และไม่มีคุณสมบัติใดๆ เลยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบารอนแล้ว แม้ว่าบารอนจะเป็นสถานะต่ำสุด แต่ก็ยังมีบรรดาศักดิ์อยู่ดี! เมื่อเห็นแคลร์เงียบงัน หัวใจของชายรูปงามก็ยิ่งรู้สึกรำคาญและดูถูกมากยิ่งขึ้น เป็นหญิงบ้าผู้ชายจริงๆ! พอขอเต้นรำก็ตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออกไปเลย! 

 

 

“ขอโทษนะ ข้าเต้นรำไม่เป็น เจ้าไปหาคนอื่นเถอะ” แคลร์พูดอย่างเย็นชา 

 

 

ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ นางบอกว่าเต้นไม่เป็นงั้นหรือ? นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ออกจากปากของแคลร์ ทุกคนรู้ดีว่าหญิงบ้าผู้ชายที่ไร้การศึกษาอย่างแคลร์มีสิ่งเดียวที่นางทำได้ดี นั่นคือการเต้นรำ! ตอนนี้คนตรงหน้าบอกว่าเต้นไม่เป็นงั้นหรือ?! หมายความว่าอะไร? นางต้องการที่จะใช้วิธีปล่อยเพื่อจับหรือ? ชายรูปงามขมวดคิ้ว เขาเข้าใจว่าพ่อของเขาต้องการอะไร เมื่อพ่อของเขารู้ว่าแคลร์เคยพัวพันกับเขามาก่อน พ่อจึงต้องการให้เขามีสายสัมพันธ์กับแคลร์ หากอยากจะผูกมิตรกับตระกูลฮิลล์ การจะไปไล่ตามราเซียที่มีความสดใสและช่างตื่นตาตื่นใจนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเป็นหญิงบ้าผู้ชายคนนี้แล้วก็ยังพอมีความหวังที่จะไล่ตามนางอยู่บ้าง 

 

 

“เจ้าพยายามจะใช้วิธีปล่อยเพื่อจับหรือ? ” ชายหนุ่มรูปงามยิ้มเยาะและพูดก่อนที่แคลร์จะมีโอกาสได้ตอบ “ยินดีด้วย เจ้าทำสำเร็จแล้ว มาเต้นรำกันเถอะ” ชายหนุ่มรูปงามยื่นมือออกมา 

 

 

แคลร์รู้สึกหมดหนทาง ไม่ใช่เพราะพฤติกรรมที่ไม่สุภาพของชายตรงหน้านาง แต่เป็นเพราะพฤติกรรมก่อนหน้าของเจ้าของร่างเดิม จู่ๆ หากลักษณะนิสัยของนางเปลี่ยนไป นางกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อนางได้ 

 

 

“ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ แคลร์กำลังรอข้าอยู่ต่างหาก” เสียงดังมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม 

 

 

ชายหนุ่มหันหน้าไปแล้วก็ต้องประหลาดใจที่เห็นองค์ชายสองพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า 

 

 

“องค์ชายสอง” ชายหนุ่มรูปงามรีบคำนับ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดการเปลี่ยนไปของแคลร์ก็ทำให้แม้แต่องค์ชายสองที่เคยถูกนางเกาะแกะก็เข้าหานาง นี่องค์ชายสองเปลี่ยนทัศนคติของเขาแล้วหรือ? 

 

 

องค์ชายสองพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่รบกวนองค์ชายแล้วพะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มรูปงามคำนับเล็กน้อยแล้วเดินออกไปจากระเบียง 

 

 

แคลร์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร 

 

 

“ทำไมเจ้าไม่ขอบคุณที่ข้าช่วยเจ้าไว้” องค์ชายสองยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดกับแคลร์ 

 

 

“คนที่ควรขอบคุณองค์ชายคือเขาต่างหากเพคะ” แคลร์พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา 

 

 

องค์ชายสองรู้ดีว่าคำพูดของแคลร์หมายถึงอะไร แต่องค์ชายสองก็ไม่สนใจน้ำเสียงของแคลร์ เขายิ้มแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “ข้าสงสัยว่าข้ามีเกียรติพอที่จะเชิญคุณหนูแคลร์ไปเต้นรำด้วยได้หรือไม่? ” องค์ชายยื่นมือไปที่แคลร์อย่างสง่างาม 

 

 

“ไม่” แคลร์ปฏิเสธอย่างเย็นชาโดยไม่ยอมสบตา 

 

 

องค์ชายสองยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงมือที่หยุดอยู่กลางอากาศกลับ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่แปลกใจเลยที่แคลร์ปฏิเสธอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ 

 

 

“คืนนั้นข้าห้ามจินเหยียนที่กำลังจะรีบออกไปช่วยเจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดเพื่อช่วยเขา ข้าแค่บอกความจริงเท่านั้น ในคืนนั้นข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่” องค์ชายลดเสียงและขยับเข้ามาใกล้ เขายิ้มอย่างสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิและกระซิบข้างหูแคลร์ สำหรับคนนอกนี่ดูเหมือนการกระซิบกระซาบระหว่างคู่รัก แต่ความเป็นจริงมันช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง 

 

 

“อ้อ แล้วอย่างไรล่ะ? ” แคลร์เขย่าแก้วในมือนางเบาๆ แล้วยิ้ม มีเพียงความเย็นชาที่ทำให้ใจเย็นยะเยือกเท่านั้น 

 

 

องค์ชายสองถึงกับพูดไม่ออก แล้วยังไงล่ะ? ประโยคของแคลร์ช่างเย็นชาและปิดกั้นทุกสิ่งที่เขาอยากจะพูด แล้วยังไงล่ะ? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป นางไม่ได้เป็นหญิงบ้าผู้ชายที่ตามหลอกหลอนเขา แต่ศิษย์ของปรมาจารย์คลิฟต่างหาก! 

 

 

“ถ้าองค์ชายสองไม่มีอะไรแล้ว ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ สักหน่อย” แคลร์พูดอย่างเกียจคร้านพลางพิงระเบียง ทอดสายตาไปที่สวนอันเงียบสงบนอกระเบียง 

 

 

องค์ชายสองสะดุ้งเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “งั้นข้าไปก่อนนะ” 

 

 

แคลร์พยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่มององค์ชาย 

 

 

ในที่สุดที่ระเบียงก็เงียบสงบลงอีกครั้ง แคลร์ถอนหายใจเบาๆ พลางดื่มไวน์ในแก้ว 

 

 

“คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย” เสียงของวัลโดดังก้องอยู่ในความคิดของแคลร์ 

 

 

“งั้นหรือ? ” แคลร์ตอบอย่างพอเป็นพิธี 

 

 

“ดวงตาของเขาคือดวงตาของราชา” วัลโดกล่าวอย่างมั่นใจ 

 

 

“เหอะ เจ้าพูดจาแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” แคลร์ยิ้มเยาะ ในความเป็นจริงนางรู้ดีแก่ใจว่าการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่นี่เป็นการต่อสู้ของพวกเขาที่นางเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว ราชวงศ์ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ความรักใคร่สนิทชิดเชื้อระหว่างสมาชิกในราชวงศ์เป็นเรื่องขบขัน ถ้าพวกเขาอยากต่อสู้กันก็ต่อสู้กันไป อย่ามาแตะต้องคนที่นางห่วงใยก็แล้วกัน 

 

 

“ข้าเปล่า! ข้ารู้เรื่องโหราศาสตร์นิดหน่อย” วัลโดโต้กลับ 

 

 

“จริงหรือ? โหรผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเจ้าไม่ทำนายล่ะว่าเจ้าจะได้พบกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งในวันนั้น ทำไมเจ้าไม่ทำนายว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาล่ะ?” แคลร์โต้กลับอย่างแรง 

 

 

“ก็ ก็…… ข้าบอกว่าข้ารู้นิดหน่อยไง” วัลโดตอบ 

 

 

รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของแคลร์ ด้วยเหตุผลบางอย่างมันค่อนข้างสนุกดีที่จะได้โต้แย้งกับวัลโด 

 

 

แคลร์รู้อยู่ในใจว่าวัลโดน่าจะเข้าใจเรื่องโหราศาสตร์นิดหน่อย องค์ชายสองมีแนวโน้มที่จะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป เพราะเขาได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากดยุกกอร์ตั้น เหตุผลที่ดยุกกอร์ตั้นสนับสนุนเขาอย่างลับๆ ก็ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง 

 

 

“แคลร์ เจ้าคิดอะไรอยู่? เราจะออกจากที่นี่ได้เมื่อไหร่? ที่นี่น่ารำคาญจริงๆ เลย” วัลโดถามในความคิดของแคลร์ “แล้วที่อาจารย์ของเจ้าบอกว่าจะช่วยข้า ตอนนี้ความคืบหน้าอย่างไรบ้างแล้วล่ะ? “ 

 

 

“ข้ากำลังคิดว่าจะจัดการเจ้าอย่างไรดี จะทอดหรือต้มดีล่ะ” แคลร์พูดอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินคำพูดสุดท้ายของวัลโด “ถ้าเจ้าอยากได้อะไร ก่อนอื่นให้ถามตัวเองก่อนว่าเจ้าได้ทำอะไรบ้างหรือไม่ กับข้า เจ้าต้องชำระเงินก่อนที่จะเรียกร้องอะไรนะ” 

 

 

วัลโดตัวสั่น ปีศาจน้อยตัวนี้! เมื่อครู่ยังล้อเล่นอยู่เลย เขาจึงพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเสื้อคลุมที่งดงามไม่สามารถปกปิดลักษณะที่ชั่วร้ายของปีศาจตนนี้ได้ 

 

 

“แต่… แต่ว่าข้าไม่มีความสามารถอะไรในตอนนี้ ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไรล่ะ? ” วัลโดพูดด้วยความเสียใจ 

 

 

“กลับไปก็บอกหลักการของเวทมนตร์ดำกับข้า บอกเวทมนตร์ทั้งหมดที่เจ้ารู้ แล้วข้าจะกลับไปศึกษามัน” คำขอของแคลร์ทำให้วัลโดอ้าปากค้าง แต่ว่าถ้าแคลร์ครอบครองมนตร์ดำล่ะก็… วัลโดเม้มริมฝีปาก บอกก็บอกสิ มีอะไรที่จะจัดการไม่ได้ล่ะ อย่างไรตัวตนและคุณสมบัติของแคลร์ก็ทำให้นางไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนรู้เวทมนตร์แห่งความมืดอยู่แล้ว อีกอย่างด้วยบุคลิกของปีศาจตัวน้อยนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะสอนคนอื่นให้เรียนรู้เวทมนตร์ดำ ถึงวัลโดจะบอกความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์แห่งความมืดเหล่านั้นให้นาง เขาก็ไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย 

 

 

“ได้ๆ ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลย” วัลโดเห็นด้วยและถามขึ้นทันที “ถ้าเช่นนั้นเราจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้เมื่อไหร่ กลิ่นอ่อนๆ ของชายชราทำให้ข้ารู้สึกไม่สบาย” แม้ว่าวัลโดจะไม่มีร่างกาย แต่ลมหายใจที่แผ่วเบาและบริสุทธิ์ยังคงทำให้เขารู้สึกรังเกียจและอึดอัดอย่างมากได้ 

 

 

“รองานเลี้ยงจบ” แคลร์กล่าว แต่ก่อนที่วัลโดจะส่งเสียงผิดหวัง คำพูดเจ้าเล่ห์ของแคลร์ก็เปลี่ยนไป “แต่ข้าก็สามารถพาเจ้าไปที่สวนเพื่อตากลมก่อน และค่อยออกไปเมื่องานเลี้ยงจบลงได้ “ 

 

 

“ว้าว แคลร์ เจ้าช่างเป็นคนดีอะไรขนาดนี้” วัลโดอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงชื่นชม จากนั้นวัลโดก็ร่าเริงได้อีกครั้ง ปีศาจ! ปีศาจอะไร! แบบนี้ต้องชมว่านางเป็นคนดี นางเป็นคนดีมากๆ 

 

 

ในสวนมีลมเย็นพัดเบาๆ แคลร์นั่งเงียบๆ บนม้านั่งมองดูดวงดาวในท้องฟ้า ดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามค่ำคืนส่องแสงอยู่ด้านบน 

 

 

“มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานถือกำเนิดขึ้นและน่าจะอยู่ในประเทศนี้” จู่ๆ เสียงของวัลโดก็ดังขึ้นที่หูของแคลร์ 

 

 

“ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงพูดแบบนั้น” แคลร์สงสัย 

 

 

“โหราศาสตร์ ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่มีอุปกรณ์หรือพลัง แต่ข้าก็ยังสามารถดูดวงดาวได้” วัลโดพูดยืนยัน “ดูดาวที่สว่างที่สุดบนหัวของเจ้าสิ เมื่อสองสามเดือนก่อนยังไม่มีเลย จู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้น บางคนในวิหารแห่งแสงคงยุ่งจนหัวหมุนเลยล่ะ” วัลโดพูดอย่างเหยียดหยาม 

 

 

“อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ” แคลร์ขมวดคิ้ว ความรู้สึกแปลกๆ ปรากฏขึ้นในใจของนาง 

 

 

วัลโดกระแอมในลำคอและเริ่มพูด “เจ้าลองคิดดูสิว่าถ้าบุคคลเช่นนี้ปรากฏขึ้นในอนาคต วิหารแห่งแสงจะไม่กลัวว่าสถานะของพวกเขาจะถูกสั่นคลอนหรือ ดังนั้นพวกเขาจะต้องใช้มาตรการปกป้องตัวเองอย่างแน่นอน นิสัยของเทพีแห่งแสงนั้นโหดร้ายมาก นางจะต้องพยายามค้นหาคนๆ นั้นก่อนผู้อื่นอย่างแน่นอน จากนั้นก็จะทำให้คนๆ นั้นกลายเป็นคนของนาง นางจะทุ่มเทให้กับคนนั้นและทำให้คนๆ นั้นกลายเป็นขี้ข้าที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลก” 

 

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่สามารถทำได้ล่ะ?” แสงเย็นๆ สะท้อนออกจากดวงตาสีเขียวของนาง 

 

 

“แน่นอนว่าคนๆ นั้นจะถูกกำจัด” วัลโดพูดอย่างเย็นชาแล้วหัวเราะเบาๆ “หญิงผู้คนนั้นทำแบบนี้มาตลอด” 

 

 

“เทพีแห่งแสงเคยทำแบบนี้กับเจ้ามาก่อนหรือ?” แคลร์ถามเนื่องจากนางรู้สึกถึงความผิดปกติและความคลุมเครือบางอย่าง แต่เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงขุ่นเคืองของวัลโด นางก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน 

 

 

“ก่อนที่ข้าจะใช้กับเวทมนตร์แห่งความมืด ข้าเคยเป็นศิษย์ของนักเวทย์ผู้รักษา แต่คนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายคนนั้นไล่ข้าออกมา เขาป้ายความผิดข้าและยึดผลงานการเล่นแร่แปรธาตุของข้าเป็นไปของตัวเอง” วิญญาณของวัลโดผันผวนและรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าเขาจำอะไรบางอย่างในอดีตได้ 

 

 

………………………………………………………………………………….