ตอนที่ 25 รับตำแหน่งประธานบริษัท

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ผู้กำกับหลี่ปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วมองฟางเชา ไม่ต้องถามก็เดาได้ว่าทั้งสองคนนี้คงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

ผู้กำกับหลี่กล่าวว่า “คุณหวังเจียเหยา ก่อนที่จะมีหลักฐานแน่ชัด พวกเราไม่สามารถจับตัวคุณเย่เฉินได้ ถ้าหากพวกคุณดึงดันจะให้พวกเราจับเขาให้ได้ล่ะก็ เชิญเอาหลักฐานรูปถ่ายหรือว่าคลิปวีดีโอที่บ่งชี้ว่าเขาขโมยนาฬิกาหรือหลักฐานที่บอกว่าเขาขายนาฬิกาแล้วได้เงินมาแล้วกัน อีกอย่างผมขอพูดอีกหน่อย อย่าด่าว่าสามีเก่าของคุณเป็นยาจกหรือว่าขยะเลย อย่างไรเสียก็เคยเป็นสามีภรรยากันพูดถึงอีกฝ่ายแบบนี้ออกจะรุนแรงเกินไป”

หวังเจียเหยาแค่นเสียง “ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ถ้าเขาพอใช้ได้อยู่บ้าง ฉันก็คงไม่ขอหย่ากับเขาหรอก!”

“คุณเป็นคนขอหย่าท่าน…เย่เฉินเหรอ?” ตำรวจอีกคนที่อยู่ด้านข้างถามอย่างตกตะลึง

หวังเจียเหยาดูได้ใจอย่างมาก “ใช่แล้ว ฉันเป็นคนขอหย่าเขาเอง! เขาเสียใจทีหลังแล้วใช่ไหมล่ะ?”

ตำรวจไม่กล้าแพร่งพรายสถานะที่แท้จริงของเย่เฉิน ทำได้เพียงกลั้นยิ้ม เขายกนิ้วโป้งให้หญิงสาวแล้วคิดในใจ “สามีที่มีทรัพย์สินหมื่นล้าน เป็นตั้งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปยังไม่เอา คนที่เสียใจทีหลังควรเป็นคุณมากกว่า!”

เมื่อเห็นตำรวจทั้งสองคนจะจากไป หวังเจียเหยาก็ถามต่อ “แล้ว…ในห้องเขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ไหมคะ?”

ผู้กำกับหลี่ส่ายหน้า “คุณเย่เฉินอยู่ในห้องคนเดียวไม่มีคนอื่น”

หวังเจียเหยาสบายใจไม่น้อย พึมพำเสียงเบา “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขายังรักฉันอยู่”

ผู้กำกับหลี่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งไม่รู้ตัวของหวังเจียเหยาก็ถอนหายใจแล้วจากไป

พอทั้งสองคนไปแล้ว ฟางเชากล่าวอย่างเซ็งๆ “ทำไมพอพวกเขาลงมาแล้ว ถึงได้เกรงใจเย่เฉินแบบนี้นะ?”

หวังเจียเหยาไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ “ฉันต้องรีบโทรหาแม่บอกให้พวกเขารวบรวมหลักฐาน!”

หวังเจียเหยาหยิบเอามือถือออกมา แต่ยังไม่ทันได้โทรหาซูหลาน หวังซ่าวเจี๋ยก็โทรมา

“ฮัลโหล คะพี่”

ไม่บ่อยนักที่หวังซ่าวเจี๋ยจะโทรหาหวังเจียเหยา ครั้งนี้เกรงว่าคงเป็นเพราะเย่เฉินถึงได้เกิดการติดต่อหากันที่ปกติจะนานทีปีหน

หวังซ่าวเจี๋ยตีสนิทอีกฝ่าย “เจียเหยา ที่นู่นเป็นอย่างไรบ้าง? ได้ยินว่าเธอแจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจได้จับเขาไปไหม?”

หวังเจียเหยาตอบตามตรง “ไม่ค่ะ ตำรวจบอกว่าถ้าไม่มีหลักฐานจะจับเขาไม่ได้”

“หลักฐานเหรอ? หลักฐานแบบไหนล่ะ?” หวังซ่าวเจี๋ยถาม

หวังเจียเหยากล่าวว่า “ก็หลักฐานที่ว่าขโมยนาฬิกาค่ะ หรือไม่ก็หลักฐานว่ามีคนได้นาฬิกามาจากเขา”

หวังซ่าวเจี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลักฐานว่าขโมยนาฬิกาไม่มีแน่ นั่นเพราะนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้ถูกเย่เฉินขโมยไปจริงๆ

แต่ตอนนี้นาฬิกาอยู่ในครอบครองของหวังซ่าวเจี๋ย เขาสามารถปลอมแปลงหลักฐานที่ว่าเย่เฉินขายนาฬิกาเรือนนี้ได้!

หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “ยกเรื่องนี้ให้พี่จัดการเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปตรวจสอบให้ว่าเขาเอานาฬิกาไปขายให้ใคร สบายใจได้เลยพี่จะต้องส่งเขาเข้าคุกให้ได้!”

พอวางสายแล้วในหวังเจียเหยาก็เต้นระรัวเร็ว สางผมตัวเองไม่หยุด

ใจหนึ่งหล่อนก็หวังจะจัดการเย่เฉินเพื่อให้เขากลับไปเป็นเย่เฉินคนเดิม คนที่เทิดทูนบูชาราวหล่อนเป็นเจ้าหญิง ทะนุถนอมหล่อน ไม่กล้าแม้แต่เถียงหล่อน หล่อนบอกอะไรเขาก็ทำตามนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ไม่เคยโกรธแม้แต่น้อย

แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเย่เฉินจะโดนลงโทษ

อย่างไรเสียก็เคยคบหากันมาสามปี ด้วยสายสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา หวังเจียเหยาจะทนให้เขาติดคุกถึง สิบปีได้เลยหรือ?

ฟางเชาที่อยู่ข้างกายเห็นหวังเจียเหยาสางผมไม่หยุด ท่าทางเย้ายวน ทำให้เขาอดน้ำลายไหลไม่ได้

เขาคว้ามือหญิงสาวมากุมแล้วกล่าว “ที่รัก คืนนี้พวกเราก็นอนที่ซีจื่อหูกันสักคืนดีไหม?”

ใครจะคิดว่าหวังเจียเหยาจะสะบัดมือเขาทิ้งแล้วประทับฝ่ามือลงบนใบหน้าเขา

เพี้ยะ!

หวังเจียเหยากล่าวว่า “แค่เย่เฉินคนเดียวยังจัดการไม่ได้ ยังมีหน้าจะนอนกับฉันเหรอ!”

พูดจบหวังเจียเหยาก็เดินไปด้วยโทสะ

โดนตบกลางล็อบบี้โรงแรม ไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก ฟางเชากุมใบหน้าแล้วคิดในใจ

“เย่เฉิน แกทำให้คืนนี้ฉันมีความสุขไม่ได้ รอแกโผล่หัวออกมาก่อนเถอะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

เขาเดินไปหาเสี่ยวเฉียงที่เป็นผู้จัดการซึ่งกำลังดูเรื่องสนุกๆ อยู่ แล้วระบายโทสะใส่อีกฝ่าย โดยคว้าคอเสื้อเขาแล้วสั่ง

“ทันทีที่เย่เฉินออกจากโรงแรมให้รายงานฉันทันที!”

หกโมงเช้า

เย่เฉินเปลี่ยนมาใส่สูท รองเท้าหนังแล้วผูกเนคไท จากนั้นก็ใช้น้ำมันใส่ผมและโคลนใส่ผมเซ็ตผมไปด้านหลัง ทั้งดูหล่อเหลาและมีมาดของผู้บริหารอย่างเต็มเปี่ยม

สามปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใส่สูท

เกรงว่าหลังจากที่หวังเจียเหยาเห็นเขา คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะจำเขาได้

พอลงมาจากด้านบน พนักงานที่อยู่ต้องเคาน์เตอร์ก็เหม่อ

“นั่นผู้บริหารจากไหน…ท่าทางดูต่างจากเมื่อวานตอนมาคนละเรื่องเลย!”

“หล่อจังเลย ไม่รู้ว่าจะโชคดีได้เป็นภรรยาของเขานะ?”

พนักงานที่เคาน์เตอร์สองคนกำลังมองเขาอย่างเผลอไผลก็โดนเสี่ยวเฉียงที่เป็นผู้จัดการเดินมาตำหนิทันที “ดูท่าทางโง่เง่าของพวกเธอเข้า! ช่วยรักษาภาพพจน์ด้วย!”

จากนั้นเสี่ยวเฉียงก็เดินออกมาจากล็อบบี้แล้วโทรศัพท์ “เย่เฉินออกไปแล้วครับ”

ฟางเชาส่งคนมาเฝ้าที่ด้านนอกโรงแรมดังนั้นเขาจึงตามเย่เฉินไปทันที

เย่เฉินเรียกแท็กซี่ แล้วยี่สิบนาทีต่อมา ก็มาถึงตึกขนาดใหญ่ในเขต CBD ของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป

วันนี้เป็นวันแรกในการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของเขา

หลังจากลงจากรถ เย่เฉินก็มองตึกที่สูงระฟ้านี้แล้วมุมปากพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ฉินหงเหยียนเมื่อวานคุณบอกว่าจะตัดทางทำมาหากินของผม ไม่รู้ว่าวันนี้พอเจอกันแล้ว คุณจะทำหน้ายังไง!”