บทที่ 10.1 ทักษะกักเก็บธาตุมณี (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยายามควบคุมความเร็วของตัวเองเพื่อให้เขาตามทัน จากนั้นก็กล่าวขึ้นโดยไม่มองเขา “เรียกข้าว่าผู้บัญชาการกองพัน แล้วก็ ถ้าหากข้าคิดจะฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าข้าต้องรอถึงตอนนี้ด้วยหรือ?”

หลังจากวิ่งต่อไปอีกระยะหนึ่ง เธอก็หยุดพัก ณ พื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่งในป่าดารา

“เอาล่ะ ที่นี่ใช้ได้… พวกเราพอจะมีเวลาอยู่บ้างก่อนการฝึกทหารจะเริ่ม และในช่วงเวลานี้ ข้าจะสอนเจ้าเกี่ยวกับวิธีฝึกปราณสวรรค์และใช้มณีสวรรค์ด้วยประสบการณ์ของข้าเอง และหลังจากที่การฝึกทหารใหม่เริ่มต้นขึ้น เจ้าก็ไม่ต้องไปฝึกร่วมกับทหารเกณฑ์ธรรมดาพวกนั้น แต่เจ้าจะต้องฝึกด้วยตัวเองเพราะตอนนั้นข้ามีหลายสิ่งหลายอย่างจะต้องจัดการ” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเว่ยชิงก็รู้สึกอับจนหนทาง นี่เป็นความคิดที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเขา ไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร เธอก็เพียงทำหน้าเยือกเย็นไร้อารมณ์เท่านั้น นั่นจึงจะทำให้เจ้าคนไร้ยางอายนี่ไม่กล้าจะทำตัวได้คืบจะเอาศอกอีก

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “ตอนนี้เจ้ามีมณีสวรรค์ชุดแรก และกลายเป็นเจ้ามณีสวรรค์แล้ว ดังนั้นควรเรียกระดับของเจ้าว่า จ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นแรก ส่วนข้ามีมณีสวรรค์สองชุดแล้ว ดังนั้นข้าจึงเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นกลาง ปกติแล้วการฝึกปราณสำหรับพวกเราจ้าวมณีสวรรค์นั้นยากมาก หากเจ้าต้องการไล่ตามข้าให้ทัน เจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนักจนบรรลุปราณสวรรค์ระดับที่ 8 และแยกมณีสวรรค์ของเจ้าออกมาอีกชุด ข้าสามารถสอนเจ้าได้เมื่อเวลานั้นมาถึง ส่วนตอนนี้ข้าจะสอนเจ้าเพิ่มเกี่ยวกับการใช้มณีสวรรค์”

โจวเหว่ยชิงเกิดความรู้สึกมุ่งมั่นแรงกล้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเขาก็ตั้งใจฟังอย่างว่าง่าย ซ่างกวนปิง เอ๋อร์กล่าว “ข้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์เช่นกัน แต่ข้าได้เลือกอาชีพนักธนู เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเลือกเช่นนั้น?”

โจวเหว่ยชิงตอบทันทีด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ “ต้องเป็นเพราะว่าท่านกลัวตายเหมือนกับข้าแน่นอน! ในฐานะพลธนูเราสามารถซ่อนตัวในเงามืดและแอบซุ่มโจมตีศัตรูได้ด้วยลูกธนู ซึ่งนั่นปลอดภัยกว่าแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วความปลอดภัยก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง!”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เหงื่อตก เธอแทบจะรักษาสีหน้าเยือกเย็นบนใบหน้าเอาไว้ไม่ได้ จากนั้นจึงกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าทุกคนไร้ยางอายเหมือนเจ้างั้นหรือ? เหตุผลที่ข้าเลือกเป็นนักธนูเพราะข้ายากจนมากต่างหาก! และรู้หรือไม่ว่า แม้กระทั่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราเองก็ยังไม่สามารถสนับสนุนการฝึกของจ้าวมณีสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ”

โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขากล่าว “เป็นไปได้อย่างไร?? นอกจากแม่ทัพโจวแล้ว ท่านก็เป็นเพียงคนเดียวที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์นะ! ถ้าหากท่านไม่มีเงิน ข้าคิดว่าราชวงศ์ของเราย่อมให้การสนับสนุนแก่ท่านอย่างไม่มีเงื่อนไขแน่นอน”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ “เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด จำนวนเงินและทรัพยากรที่ต้องใช้เพื่อพัฒนาและฝึกปรือเจ้ามณีสวรรค์หนึ่งคนนั้นมีค่ามากมายอย่างที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

หากกล่าวถึงพื้นฐานของมณีธาตุและมณียุทธ์ จ้าวมณีสวรรค์อย่างพวกเรานั้นมีทั้งมณียุทธ และมณีธาตุ มณียุทธ์ทำให้ร่างกายของเราแข็งแกร่งขึ้นโดยตรง ส่วนมณีธาตุก็ช่วยให้พลังทักษะธาตุกับร่างกายเรา นั่นทำให้พวกเรามีความสามารถมากกว่าคนทั่วๆ ไป

อย่างไรก็ตาม หากเราใช้พลังมณีแค่เพียงเพิ่มพลังให้กับร่างกายของเราแค่นั้น ความสามารถที่แท้จริงของมณีก็จะถูกจำกัดอยู่เพียงแค่นี้ ยกตัวอย่างเช่น ทักษะธาตุลมที่เราใช้เมื่อสักครู่นี้สามารถเพิ่มความเร็วให้กับร่างกายเราได้เล็กน้อย  เมื่อพลังปราณสวรรค์และทักษะธาตุลมของเราหลอมรวมเข้าด้วยกัน มันจะถูกเรียกว่าปราณสวรรค์ธาตุลม และเมื่อเราต่อสู้โดยใช้อาวุธหรือแค่มือเปล่าๆ มันก็จะสามารถเพิ่มความเร็วให้ร่างกายของเราเพื่อใช้ในการโจมตีได้ อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ทักษะธาตุสายฟ้าของเจ้า มันจะช่วยกระตุ้นร่างกายด้วยสายฟ้าเพื่อให้ร่างกายมีพลังโจมตีมากยิ่งขึ้น สำหรับจ้าวมณีทั่วๆ ไป การใช้พลังจากมณีเพื่อเสริมพลังให้ร่างกายได้เช่นนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว  แต่หากเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทั้งมณียุทธ์และมณีธาตุ การใช้พลังมณีได้เพียงแค่นี้อาจจะไม่เพียงพอ

และอย่างที่เรารู้กันว่าสำหรับจ้าวมณีสวรรค์แล้ว การฝึกปราณสวรรค์นั้นยากกว่าจ้าวมณีธรรมดามาก เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงใช้พลังของมณีได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นหากเราต้องการจะใช้พลังมณีให้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด เราจะต้องมี “ตัวช่วยภายนอก” บางอย่างเพื่อทำให้มณียุทธ์และมณีธาตุของเราสามารถใช้งานได้เต็มขีดจำกัดของมัน”

โจวเหว่ยชิงค่อนข้างสับสน เขากล่าว “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านหมายความว่าอย่างไร”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวตอบ “ข้าจะยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เจ้าเข้าใจ ทักษะของมณีธาตุที่เรามีอยู่นั้น ปกติแล้วจะสามารถเพิ่มพลังให้กับร่างกายของเราเองได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้โจมตีศัตรูได้ หากว่าไม่มี “ตัวช่วย” บางอย่าง อย่างไรก็ตาม เมื่อเราใช้ “ตัวช่วยภายนอก” มันจะสามารถช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษที่ทำให้เราสามารถปล่อยพลังธาตุภายในตัวเราออกไปโจมตีศัตรูได้ เจ้าเพียงแค่ต้องจำสองคำนี้ไว้ให้ดี ศาสตรามณียุทธ์ และทักษะกักเก็บธาตุมณี สองคำนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ทำให้เราสามารถเพิ่มขีดจำกัดของมณียุทธ์และมณีธาตุของเราได้”

“ศาสตรามณียุทธ์ ทักษะกักเก็บธาตุมณี?“ โจวเหว่ยชิงทวนคำพูดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แม้ว่าแม่ทัพโจวจะเข้มงวดกับเขามากโดยเฉพาะเรื่องการศึกษา แต่เนื่องจากเส้นชีพจรของเขาอุดตัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถูกสอนเกี่ยวกับจ้าวมณีสวรรค์มากนัก ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงมีความรู้สึกราวกับว่าประตูลึกลับกำลังเปิดกว้างรอให้เขาเข้าไปค้นหา

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวต่อไปว่า “ยิ่งมีมณียุทธ์ดวงใหม่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายของพวกเราก็จะแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเราที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ผู้ครอบครองมณียุทธ์บริสุทธ์ ความแข็งแกร่งของพวกเราจะเพิ่มขึ้นมากกว่าจ้าวมณีธรรมดาถึง 1.5 เท่า อย่างไรก็ตาม พลังอันน่าพิศวงของมณียุทธ์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้ เจ้าดูนี่”

ขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังพูดอยู่นั้น เธอก็ยกมือซ้ายขึ้นมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นหยกหินมังกรสองดวงที่โปร่งแสงเป็นประกายวิบวับกำลังหมุนวนเป็นวงกลมอยู่ที่ข้อมือของเธอ เมื่อโจวเหว่ยชิงสังเกตดู เขาก็พบว่าหยกหินมังกรดวงแรกนั้นจู่ๆ แสงของมันก็ดับวูบลงไป จากนั้นมันก็พุ่งทะยานออกไปจากข้อมือของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แสงสีเขียวก็ค่อยๆเรืองรองออกมาจากหยกหินมังกรดวงดวงนั้นและมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างกลางอากาศ

รอเพียงไม่กี่อึดใจ หยกหินมังกรดวงนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นลูกธนูยาวดอกหนี่ง! ทั่วทั้งตัวของมันราวกับทำมาจากหยกหินมังกร ทั้งเป็นประกายและโปร่งแสง มีขนาดไม่ต่างไปจากลูกธนูธรรมดาๆ ยกเว้นเสียแต่ว่ามันมีแสงสีเขียวเรืองรองออกมารอบๆ ตัวมัน

“งั้น…นี่คือศาสตรามณียุทธ์หรือ?” โจวเหว่ยชิงจ้องมองอย่างตะลึงงันในขณะที่เขาพูด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะสามารถนำมณียุทธ์มาใช้งานได้อย่างมหัศจรรย์เช่นนี้

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้า เธอยกมือซ้ายของเธอขึ้นมาจับธนูอุษาม่วง นิ้วชี้และนิ้วกลางจับลูกธนูหยกหินมังกรพาดไปบนสายธนู

“จับตาดูข้าเอาไว้”

เมื่อเตือนเสร็จ เธอก็ง้างธนูอุษาม่วงไปจนสุดสาย จากนั้นแสงสีเขียวก็พุ่งออกไปพร้อมกับเสียงสั่นกระทบกันของสายธนู ความเร็วที่แท้จริงของมันทำให้นั่นดูราวกับเป็นภาพลวงตา สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือหลังจากที่ลูกธนูหยกหินมังกรถูกปล่อยออกมา โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย สิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือแสงสีเขียวที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ลูกธนูนั่นไม่ได้พุ่งไปเป็นเส้นตรงด้วยซ้ำ แต่กลับพุ่งเลี้ยวลดไปมาจากนั้นก็หมุนตัวกลับมาทางเดิม ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถเลี้ยวหลบต้นดาราได้อย่างคล่องแคล่วราวกับมันสามารถมองเห็นได้

“นี่เป็นไปได้ยังไง!?” โจวเหว่ยชิงสั่นสะท้าน ความคิดแรกที่ปรากฏในใจของเขาก็คือ หากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ใช้ไอ้เจ้านี่ยิงเขา แม้ว่าจะมีตัวเขาสักร้อยคนก็คงต้องตายเป็นแน่!

“นี่เป็นศาสตรามณียุทธ์ของมณีดวงแรกของข้า “ศรติดตามไร้เสียง” มันจะถูกควบคุมโดยข้าจนกว่าจะโจมตีสำเร็จ จากนั้นมันก็พุ่งจะกลับมา” ขณะที่เธอพูด ลูกศรหยกหินมังกรก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือของเธอและเรืองรองแสงสีเขียวออกมา

………………………………………………………………