หวูเฉินหรี่ตาลงทันที คิดไม่ถึงว่าการฝึกร่างกายเพียงครั้งเดียว ลู่ฝานจะทำให้เขาตกใจได้มากถึงเพียงนี้

เมื่อลู่ฝานปลดปล่อยออกมาจนหมด ก็ทรุดลงกับพื้น ร่างกายที่เป็นสีแดง ค่อยๆ หายไป

ลู่ฝานพูดว่า “อาจารย์ เปลวไฟเจ็บปวดมาก ผมอดทนได้นานแค่ไหนเหรอ”

หวูเฉินเก็บงำความรู้สึกตัวเองเอาไว้ พูดอย่างราบเรียบว่า “สองชั่วยาม นับว่าไม่เลว ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เล็กน้อย”

ลู่ฝานตอบรับ แต่กลับไม่รู้ว่า “ดีเล็กน้อย” ที่หวูเฉินพูด มันขนาดไหนกัน

หวูเฉินเดินเข้ามากดไหล่ลู่ฝาน แสงสีขาวจากมือหวูเฉิน เข้าไปในตัวลู่ฝาน

ทันใดนั้น ลู่ฝานรู้สึกว่าอาการอ่อนเพลีย หายไปจนหมด ผู้ฝึกชี่ ลึกลับน่าอัศจรรย์ตามคาด

หวูเฉินพูดว่า “นายลองชกอีกหมัด ใช้แรงมากที่สุดของนาย ชกไปที่หม้อ”

ลู่ฝานลุกขึ้นยืนข้างหม้อ ตอนกำลังจะชก เหมือนลู่ฝานนึกอะไรได้ จึงพูดว่า “อาจารย์ ถ้าผมทำหม้อพัง อาจารย์จะไม่ว่าผมใช่ไหม”

หวูเฉินหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้านายทำพัง ฉันจะให้นายเป็นอาจารย์ รีบชกเร็วสิ ใช้แรงทั้งหมดเลย”

ลู่ฝานสูดหายใจลึก และชกไปที่หม้อทันที

หมัดถล่มเขา!

สองหมัดต่อยลงไปบนหม้อ ลู่ฝานเห็นว่ามีกระแสลมไหลออกมาจากตำแหน่งตันเถียนของตัวเอง และกลายเป็นเปลวไฟ ลุกโชนบนหมดทั้งสองข้างของตัวเอง

เกิดเสียงดังขึ้น หม้อไม่เสียหายแม้แต่น้อย แต่ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงแรงสะท้อนกลับ ที่ออกมาจากหม้อ

ทันใดนั้น ลู่ฝานกระเด็นออกมา กระแทกกับพื้น

ลู่ฝานกัดฟันกรอด ภายใต้แรงสะท้อนกลับนี้ ลู่ฝานรู้สึกว่าร่างกายใกล้จะแยกออกจากกัน

หวูเฉินยืนมองอย่างละเอียดอยู่ด้านข้าง ถ้าบอกว่าลู่ฝานชกหมัดแรกออกมาเป็นเปลวไฟ คือเรื่องไม่คาดฝัน แต่ครั้งนี้แน่ใจแล้ว

หวูเฉินพูดว่า “ลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่านายจะมีพรสวรรค์กว่าที่ฉันจินตนาการไว้”

ลู่ฝานพูดว่า “เหรอครับ อาจารย์ เมื่อกี้ผมเห็นหมัดของผมมีเปลวไฟด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

ไม่เลว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายมีคุณสมบัติของการเป็นผู้ฝึกชี่แล้ว แต่อย่าคิดว่าสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนาย คือพลังชี่ของผู้ฝึกชี่ นั่นยังห่างไกลอีกมาก อืม ดูเหมือนว่าจะเพิ่มการฝึกฝนของนายให้เร็วขึ้นสักหน่อยได้แล้ว ฉันมอบหมายงานให้หนึ่งอย่าง ไปซื้อสมุนไพรพวกนี้กลับมาก่อน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้

หวูเฉินเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ส่งให้ลู่ฝาน

มองแวบหนึ่ง บนกระดาษมีสมุนไพรมากเป็นสิบกว่าชนิด แม้เป็นพวกสมุนไพรพื้นฐาน ราคาไม่แพง แต่ดูเหมือนจะมีจำนวนเยอะมาก แค่โทงเทงชนิดเดียว ก็หลายชั่งแล้ว!

ลู่ฝานพูดว่า “ไปซื้อตอนนี้เลยเหรอครับ แต่เงินที่ผมมี ไม่น่าจะพอ”

หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องมองฉัน ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน หาวิธีเอาเอง ถ้านายอยากเรียนกลั่นยา ก็จำเป็นต้องซื้อ พรุ่งนี้อย่าลืมมาเวลานี้ด้วย”

ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ มิน่าล่ะ ผู้ฝึกชี่ ถึงมีน้อยมาก แค่เพิ่งเริ่มเรียน ก็ต้องใช้สมุนไพรมากขนาดนี้ คนทั่วไปจะเรียนได้อย่างไร

หันหลังเดินออกมา หวูเฉินยืนคิดเงียบๆ อยู่ในลานบ้าน

กลัวว่าแผนการฝึกฝนที่เขาเตรียมไว้ให้ลู่ฝานแต่เดิม จะต้องเปลี่ยนแล้ว ลูกศิษย์คนนี้ของเขา เหมือนจะมีพรสวรรค์กว่าที่เขาคิดไว้มาก

หวูเฉินยิ้มบางๆ แล้วเดินกะโผลกกะเผลก เข้าไปในห้องตัวเอง

เขายื่นมือหยิบหนังสือหนึ่งเล่ม ออกมาจากฐานโต๊ะ เป่าฝุ่นหนาบนนั้นออก

ดุเหมือนต้องสอนอะไรพิเศษให้เขาสักหน่อยแล้ว

หวูเฉินเปิดหนังสือออก บนหนังสือมีคำว่า “เทพยอดกลั่นยาอู๋จี๋” เขียนไว้อย่างชัดเจน

……

บนทางเดินขนาดใหญ่ ลู่ฝานกินไปพลาง มองหายาสมุนไพรไปพลาง

แต่ละร้านขายยา แต่ละแผงลอย ลู่ฝานไปมารอบหนึ่ง เปรียบเทียบราคา ต่อรองราคา ตัดราคา ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ จึงซื้อมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง และยังใช้เงินที่มีไปจนหมดตัว

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาไม่สำเร็จอย่างแน่นอน จนปัญญาแล้ว ลู่ฝานทำได้เพียงกลับบ้านก่อน คิดในใจว่าจะขอจากพ่ออีกหน่อยได้หรือเปล่า

แต่ถ้าพ่อถามขึ้นมาว่า ซื้อสมุนไพรไปทำไม ลู่ฝานคงตอบได้ยาก

ตอนนี้เขายังไม่อยากบอกเรื่องฝากตัวเป็นศิษย์ และไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เขาใกล้จะเป็นผู้ฝึกชี่

เดิมทีเขาไม่ใช่คนอวดดี เขาทำอะไรอย่างถ่อมตัวมาโดยตลอด

โดยเฉพาะ หลังจากบอกพ่อว่าตัวเองกลายเป็นผู้ฝึกชี่ ปฏิกิริยาของพ่อ น่าจะไม่เชื่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ไม่บอกดีกว่า จะได้ไม่เปลืองน้ำลาย

กลับมาถึงบ้าน เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ยามคนหนึ่งของตระกูลลู่ เรียกเขาเอาไว้ “คุณชายลู่ฝาน คุณท่านรอคุณอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ รอคุณอยู่นานมากแล้ว คุณรีบไปเถอะครับ ขอพูดอีกหน่อยนะครับ คุณชายลู่ฝาน เมื่อคืนคุณเก่งมาก ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีความสามารถ แต่แค่ไม่ยอมแสดงออกมาเท่านั้น ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าคุณไม่เหมือนใคร จะต้องโบยบินขึ้นสูง ไม่ช้าก็เร็ว”

มองแวบเดียว ก็เห็นความประจบบนใบหน้าของยาม ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “งั้นเหรอ แล้วทำไมหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ฉันล้มอยู่หน้าประตูบ้านตัวเอง ถึงไม่มีใครมาประคองฉันสักคน นายอย่าบอกว่าวันนั้น นายไม่ได้เข้าเวร”

รอยยิ้มบนหน้ายามชะงักไป ลู่ฝานขี้เกียจสนใจเขา และไม่ได้จะหาเรื่องเขา

ถ้าตัวเองมีความสามารถ แล้วจะรังแกคนตามใจชอบ เขาคงไม่ต่างจากลู่หมิง ลู่ฝานพูดอย่างสงบนิ่งว่า “รู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

ลู่ฝานเดินไปทางสวนหลังบ้าน ยามด้านหลัง ปาดเหงื่อบนหน้าผาก