ภาคที่ 1 บทที่ 38 จิตสังหาร

มู่หนานจือ

คนอื่นเป็นแม่คนแล้วเข้มแข็งขึ้น แต่จ้าวอี้กลับเป็นพ่อคนแล้วเข้มแข็งขึ้น

เวลานี้มาคิดดู จริงๆ แล้วจ้าวอี้ไม่ได้ทำเพื่อว่าราชการด้วยตนเอง และไม่ได้ทำเพื่อความทะเยอทะยานของตนเอง ทว่าเพราะคนสกุลฟางตั้งท้องลูกของเขา เขาจึงอยากแสวงหาอนาคตให้ลูกของเขากับคนสกุลฟาง

แต่ทำไมเขาต้องชักจูงให้ตระกูลเจียงกับตระกูลหวังทำเรื่องชั่วไปด้วย?

ทำไมถึงไม่เห็นค่าของคนหลายสิบคนของตระกูลเจียงและตระกูลหวัง?

แล้วยังเซียวหรงเหนียง

ชาติก่อนนางเข้าใจว่าเซียวหรงเหนียงเป็นมารดาแท้ๆ ของจ้าวสี่มาโดยตลอด หลังจากจ้าวอี้ตาย นางก็แต่งตั้งเซียวหรงเหนียงเป็นไท่เฟย[1] แล้วยังให้เซียวหรงเหนียงเลี้ยงจ้าวสี่ไว้ข้างกาย แต่งตั้งน้องชายของเซียวหรงเหนียงสืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสี่ แต่เซียวหรงเหนียงกลับไม่เอ่ยสิ่งใด และแสดงเป็นมารดาแท้ๆ ของจ้าวสี่ต่อไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งชนกลุ่มน้อยทางเหนือมาถึงเมืองหลวง ทั้งในและนอกเมืองหลวงกังวลและหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ต่างพูดกันว่าอีกไม่นานชนกลุ่มน้อยทางเหนือก็จะตีเมืองแตกแล้ว ถึงเวลานั้นพวกตระกูลเศรษฐีและขุนนางในเมืองก็จะกลายเป็นคนที่ถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมและปล้นเป็นอันดับแรก สนมในวังก็หาทางรอดได้ยาก แถมยังอาจจะถูกพวกชนกลุ่มน้อยทางเหนือจับไปเป็นอนุภรรยาหรือโสเภณีที่ร้องเพลงและเต้นรำสร้างความบันเทิงให้ผู้คนด้วย และสาเหตุที่เมืองหลวงถูกปิดล้อมและกวาดล้างนั้นก็เป็นเพราะน้องชายของคนสกุลฟาง เพื่อแย่งชิงความดีความชอบในการทำศึกสงครามแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาวางแผนทำร้ายหม่าเซี่ยงหย่วนอดีตแม่ทัพเมืองเซวียน ทว่าเขายังสังหารภรรยาและลูกชายกับลูกสาวที่หม่าเซี่ยงหย่วนทิ้งไว้ที่เมืองหลวงทั้งหมดจนเกลี้ยง หลังจากหม่าเซี่ยงหย่วนหมดอาลัยตายอยากก็ไปเข้ากับชนกลุ่มน้อยทางเหนือ

แม้ว่าหลังจากนางว่าราชการหลังม่านจะฆ่าน้องชายของคนสกุลฟางไปแล้ว แต่ความคิดที่จะแก้แค้นของหม่าเซี่ยงหย่วนกลับไม่จืดจางลง เขาหาโอกาสนำชนกลุ่มน้อยทางเหนือลงใต้มาตลอดด้วยตนเอง และโจมตีพระราชวังต้องห้าม ทำให้อ๋องเหลียวที่ยกทัพทำสงครามเกาหลีกับจิ้งไห่โหวที่ต่อต้านและโต้กลับกลุ่มโจรสลัดญี่ปุ่นต่างรับมือไม่ทันไปชั่วขณะ จึงยิ่งดึงดูดให้หลี่เชียนที่เฝ้ารอโอกาสช่วงชิงอยู่ข้างๆ อย่างประสงค์ร้ายมาร่วมวงด้วย…

เซียวหรงเหนียงตกใจ จนสติฟั่นเฟือนอยู่ไม่กี่วัน ก็จากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากวงล้อมเมืองหลวงถูกทลาย นางคิดว่าอย่างไรเซียวหรงเหนียงก็เป็นมารดาแท้ๆ ของจ้าวสี่ จึงจัดการศพของเซียวหรงเหนียงตามธรรมเนียมของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา[2] และรับจ้าวสี่มาเลี้ยงดูข้างกายตนเอง…

เกรงว่าจ้าวสี่คงจะรู้ว่ามารดาแท้ๆ ของตนเองเป็นใครและตายอย่างไรตั้งนานแล้วกระมัง?

ทว่าเพราะเซียวหรงเหนียง นางกลับไม่เคยสงสัยวงศ์ตระกูลของจ้าวสี่เลย!

พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ เจียงเซี่ยนก็ตาแดงแล้ว

เวลานี้เรื่องในอดีตเกิดขึ้นอีกครั้ง จ้าวอี้ชักจูงให้ตระกูลเจียงทำเรื่องชั่วไปด้วย!

ในเมื่อสวรรค์เมตตาทำให้นางฟื้นคืนชีพ ทำไมไม่ทำให้นางฟื้นคืนชีพเร็วขึ้นสักสองสามวัน? หรือว่าจ้าวอี้เป็นมังกรบนสวรรค์ที่ลงมาจุติจริงๆ งั้นหรือ?

ความคับแค้นใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นดั่งเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ขึ้นในใจนางเหมือนไฟลามทุ่ง ทำให้นางทำอะไรวู่วามและหน้าผากกระตุกตลอด

ต่อให้จ้าวอี้เป็นมังกรบนสวรรค์ที่ลงมาจุติ นางก็จะทำให้เขากลายเป็นหนอนอยู่ดี

“ข้าจะฆ่าเขา!” สมองของนางลุกไหม้จนว่างเปล่า นางเดินไปเดินมาในห้องอย่างควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ แล้วพึมพำว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าฆ่าเขาครั้งหนึ่งแล้วจะฆ่าเขาครั้งที่สองไม่ได้…หากเขาเป็นมังกรบนสวรรค์ที่ลงมาจุติก็ไม่มีทางที่จะตายในกำมือข้า…ข้าจะฆ่าเขา…”

ถึงจะให้นางเป็นฮองเฮาและแต่งงานกับจ้าวอี้อีกครั้ง นางก็จะฆ่าจ้าวอี้ และโยนคนสกุลฟางลงไปในสุสานที่ไร้คนดูแลเหมือนชาติก่อนอยู่ดี และชาตินี้ก็ให้เซียวหรงเหนียงอยู่ซักเสื้อผ้าของนางในฝ่ายซักล้างไป…

หลี่เชียนมองเจียงเซี่ยนที่เสียสติไปอย่างสิ้นเชิง ในใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง คิดถึงที่นางรู้กระทั่งว่าผู้หญิงคนนั้นมีไฝตรงหัวคิ้ว คิดถึงความเยือกเย็นที่เกินอายุมาตั้งแต่ต้นจนจบของนาง เขาอดไม่ได้ที่จะรั้งเจียงเซี่ยนไว้ และถามเสียงเบาว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เจ้ามีแผนการอยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่? เจ้าลากข้ามา…เพราะข้าเป็นคนโง่ที่มาจากบ้านนอก และไม่รู้เรื่องของตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงของพวกเจ้าเลยใช่หรือไม่ และต่อให้รู้เรื่องพวกนี้แล้วก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้อยู่ดี พวกเจ้าอยากฆ่าปิดปากก็ฆ่าปิดปาก อยากต่อว่าก็ต่อว่า…”

ชะตากรรมอยู่ในกำมือของคนอื่น จะเป็นหรือตายก็อยู่ในกำมือของคนอื่น ตระกูลหลี่ดิ้นรนอย่างยากลำบากมาตลอดหลายปีนี้ ก็เพราะอยากหลุดพ้นจากชะตากรรมแบบนี้ไม่ใช่หรือ?

มือของหลี่เชียนแรงมหาศาล เขาบีบแขนเจียงเซี่ยนจนรู้สึกเจ็บ

เจียงเซี่ยนหันกลับมา สีหน้าที่หม่นหมองของหลี่เชียนและเรื่องในอดีตที่เก็บไว้ในก้นบึ้งของหัวใจทำให้นางเหมือนกลับไปยังอดีต ความคิดฟุ้งซ่าน

นางจ้องหลี่เชียนอย่างดุร้าย “เจ้ามีสิทธิอะไรมาว่าข้า? เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักเช่นกัน!”

นัยน์ตากลมโตของเจียงเซี่ยนเหมือนมีปรอทสีดำอยู่สองลูก หางตาที่ชี้ขึ้นเล็กน้อยปรากฏสีแดงอย่างเบาบางด้วยความโกรธ เหมือนร่องรอยที่ผ่านการร้องไห้มา แล้วก็เหมือนสิ่งที่เหลือมาจากไฟอันร้อนแรง ยิงหน้าอกของหลี่เชียนอย่างรุนแรง และประทับอยู่ในใจเขา ทำให้เขาเจ็บปวด

เขาอดที่จะกุมหน้าอกไม่ได้

ความเจ็บปวดลุกลามจากหน้าอกไปยังทั่วร่าง

เจียงเซี่ยนสะบัดมือของเขาออก

นางอยากไปเห็นคนสกุลฟางด้วยตาของตนเอง

ก็เหมือนกับชาติก่อน

คนอื่นบอกว่าคนสกุลฟางกับจ้าวอี้มั่วกัน และนางไม่เชื่อ

นางคิดว่าในเมื่อจ้าวอี้ชอบเซียวหรงเหนียง แถมยังมีลูกกับเซียวหรงเหนียง จะไปยุ่งกับคนสกุลฟางได้อย่างไร? ต้องมีคนเห็นคนสกุลฟางแล้วขัดหูขัดตา จึงอยากยืมมือนางกำจัดคนสกุลฟางอย่างแน่นอน…หลังจากนั้นนางเห็นด้วยตาของตนเอง ก็รู้แล้วว่านี่เป็นแผนการของคนสกุลฟาง ซึ่งจงใจให้นางเห็น และคิดจะบีบให้นางหงายไพ่ในมือทั้งหมด…

แต่นางก็ก้าวขาเข้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

ความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีของนางไม่อนุญาตให้นางเมินเฉย และไม่อนุญาตให้นางร่วมเรียงเคียงหมอนกับจ้าวอี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ครั้งนี้นางก็ต้องเห็นด้วยตาของตนเองเช่นกัน

เห็นด้วยตาของตนเองแล้วถึงจะเชื่อ

ถึงจะสามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างเด็ดขาด และลงมือโดยไม่เสียใจในภายหลังแม้แต่นิดเดียว

เจียงเซี่ยนเดินออกไปข้างนอกทันที

เหมือนพายุพัดผ่าน

เงาร่างนั้นทั้งแตกร้าวและโดดเดี่ยว ทั้งอ่อนแอและอ้างว้าง ทว่ายังคงมุ่งไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง อดทน เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญอย่างไร้ความเกรงกลัว

“อย่า!” ใจของหลี่เชียนเร็วกว่าสติของเขา เขาตามเจียงเซี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และรั้งแขนของนางไว้อีกครั้ง “ผู้หญิงคนนั้นคือแม่นมของฝ่าบาทใช่หรือไม่? ตอนนี้เจ้าไปไม่ได้! ฝ่าบาทส่งองครักษ์มือดีสี่คนมาเป็นเวรยามให้นาง หากเจ้าไป เรื่องนี้ก็จะแดงขึ้นมา…แล้วเจ้าไปยุ่งเรื่องของฝ่าบาทในฐานะอะไร? ถึงเวลานั้นไทฮองไทเฮากับเจิ้นกั๋วกงจะถูกกระทำไปด้วย…”

แล้วเวลานี้ลุงของนางไม่ได้ถูกกระทำงั้นหรือ?

เจียงเซี่ยนผลักหลี่เชียน “เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!”

นัยน์ตาสดใสของนางทอประกายวิบวับ ราวกับม่านฝนในเดือนสาม และเจือความทุกข์ที่พร่ามัวดั่งเจียงหนาน[3]

“เจ้าอย่าไป!” หลังจากจบเรื่องนี้ ทุกครั้งที่หลี่เชียนนึกถึงก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นตนเองถึงได้ขัดขวางเจียงเซี่ยนอย่างแน่วแน่ขนาดนั้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกไปปิดตาของเจียงเซี่ยนไว้ “ข้าช่วยเจ้า! พวกเรามาคิดหาทางด้วยกัน! ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ข้าก็จะช่วยเจ้ากำจัดนาง เจ้าไม่ต้องลงมือเอง ไม่ต้องก่อเรื่อง!”

เจียงเซี่ยนไม่ขยับและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายเหมือนกับแข็งไปแล้ว

หลี่เชียนรู้สึกเสียใจมากอย่างบอกไม่ถูก

เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนที่แม้แต่ตนเองก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า “เจ้าวางใจ ข้าก็มีองครักษ์และผู้ช่วยของตนเองตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านพ่อก็สามารถทำเรื่องที่ตนเองอยากทำได้ ข้ารับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้น และจะไม่ให้ใครโยงใยไปถึงเจ้าได้…”

“เจ้าคนสารเลว!” เจียงเซี่ยนก็ทนไม่ไหวอีกแล้วเช่นกัน จึงร้องไห้พลางเตะหลี่เชียนไปหนึ่งที

เจ้าคนสารเลวนี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอ ตบหัวแล้วลูบหลังนาง

นางเกลียดเขาจะตายอยู่แล้ว

และแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าประโยคไหนเขาพูดจริง ประโยคไหนโกหก

เห็นเจียงเซี่ยนทั้งร้องไห้และเตะเขา หลี่เชียนก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้เลยว่าคำพูดไหนของตนเองไปยั่วโมโหนางกันแน่ แล้วก็ไม่รู้เช่นกันว่าเรื่องราวดำเนินมาจนกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร แต่สัญชาตญาณของเขากลับทำให้เขารู้ว่า หากเวลานี้เขากล้าพูดจามั่วซั่วสักคำ เขาก็อย่าได้คิดที่จะเห็นเจียงเซี่ยนเสียใจ เห็นความโกรธของนาง และเห็นความจริงใจของนางไปตลอดกาล…ตั้งแต่นี้ไปเขาก็เข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อีก!

“เป็นความผิดของข้าเอง! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง!” หลี่เชียนง้อเจียงเซี่ยนได้อย่างเชี่ยวชาญโดยที่ไม่มีใครเคยสอน “ข้าเป็นคนเลว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง…เจ้าอยากทำอะไร เจ้าบอกข้า เจ้าจะไปจัดการให้เจ้า…”

———————————–

[1] ไท่เฟย ตำแหน่งสนมของฮ่องเต้องค์ก่อน โดยมีฐานะรองจากไทเฮา

[2] เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา ตำแหน่งสนมของฮ่องเต้องค์ก่อนที่เป็นพระมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

[3] เจียงหนาน พื้นที่ทางใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งก็คือทางใต้ของมณฑลเจียงซูกับมณฑลอันฮุย และทางเหนือของมณฑลเจ้อเจียง