บทที่ 13 ยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ ข้าจะคุ้มครองเจ้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

กู้ชูหน่วนจ้องใบหน้าที่บวมแดงของนาง และพูดประโยคที่ทำให้คนโกรธจนอยากฆ่า “อืม คราวนี้มันค่อนข้างสมมาตรดีนะ”

โกรธ……

องค์หญิงโกรธจนปอดแทบระเบิด แผดเสียงลั่น “ยืนบื้อทำไมกันอยู่ ยังไม่จับกู้ชูหน่วนมาให้ข้าจัดการอีก ข้าจะทำให้นางร้องขอชีวิตไม่ได้ ร้องขอความตายก็ไม่ได้ ทำให้นางเสียใจภายหลังชั่วนิรันดร์ที่มายังโลกใบนี้”

เหล่าองรักษ์ทยอยกันมาล้อมกู้ชูหน่วน

ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงกู้ชูหน่วน

แต่กู้ชูหน่วนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับยิ้มเนิบๆ “ข้าเป็นเสด็จอาสะใภ้ขององค์หญิง อาสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาว เป็นหลักการฟ้าดินที่ถูกต้อง พวกเจ้ากล้าจับข้างั้นเหรอ ได้ เช่นนั้นต่อหน้าท่าอ๋องเทพสงคราม มาจัดการเรื่องภายในครอบครัวกันให้เรียบร้อย”

เทพเจ้าสงครามเป็นคำต้องห้าม เหล่าองครักษ์ต่างไม่กล้าขยับ

ยิ่งไปกว่านั้น กู้ชูหน่วนได้เอาคำว่าครอบครัวมาเน้นหนักให้ความสำคัญ แล้วไหนเลยพวกเขาจะกล้าจัดการเรื่องครอบครัวของราชวงศ์

องค์หญิงตังตังกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “กู้ชูหน่วน เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว เสด็จอาของข้าบอกว่าจะเสกสมรสกับเจ้าเมื่อไรกัน”

“นี่มันแปลกๆ นะ เสด็จพี่เจ้ามีพระราชโองการลงมาไม่ใช่หรือไง หรือว่าเทพเจ้าสงครามจะไม่เสกสมรสกับข้าแล้ว? งั้นได้ เจ้าก็ให้เสด็จพี่เจ้าเรียกคืนพระราชโองการเสกสมรสกลับคืนไปสิ”

“เจ้า……” พระราชโองการจะบอกว่าเรียกคืนก็เรียกคืนได้งั้นเหรอ กู้ชูหน่วนนี่ไม่ใช่จงใจหาเรื่องนางหรือไง?

“ทำไม่ได้เหรอ งั้นข้าก็ยังเป็นเสด็จอาสะใภ้ของเจ้าอยู่ ไม่ต้องพูดถึงว่าวันนี้ข้าตบเจ้าสองครั้ง ต่อให้ข้าจะตบเจ้าสองร้อยครั้ง ข้าก็ทำได้”

บ้า…..

บ้าชะมัด

องค์หญิงตังตังสถานะเหนือกว่านาง แต่กู้ชูหน่วนกล้าทำให้องค์หญิงอับอายขนาดนี้ นางกินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปหรือไง

องค์หญิงตังตังโกรธหน้าเขียวหน้าแดง

เมื่อเห็นว่าเหล่าองครักษ์ไม่กล้าช่วยนาง และคนอื่นๆ ก็มองนางอย่างตลกขบขัน นางจึงโกรธมากจนร้องไห้

“กู้ชูหน่วน จำคำข้าไว้ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าง่ายๆแน่”

หลังจากนั้นนางก็วิ่งไปหอสมุดหลวง

หลังจากเรื่องตลกจบลง กู้ชูหน่วนช่วยประคองชิวเอ๋อร์ขึ้น พูดอย่างอ่อนโยน “หกล้มเจ็บไหม”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านเพิ่งเข้าโรงเรียนก็ทำให้องค์หญิงขุ่นเคืองเสียแล้ว จะไม่……”

“ขุ่นเคืองก็ขุ่นเคืองไปสิ ยังไงข้าก็ทำให้ใครหลายคนขุ่นเคืองอยู่แล้ว ตอนบ่ายข้ายังมีเรียน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เจ้าไปหาสถานที่จับปลาหน่อยนะ”

“จับปลาเหรอเจ้าคะ”

“แก้เบื่อน่ะ”

ชิวเอ๋อร์เป็นห่วงจนจะร้องไห้ แต่คุณหนูของนางกลับสบายใจ ไม่รู้เลยว่าก่อปัญหาให้ตัวเองเดือดร้อนมากแค่ไหน

เซียวหยู่เซวียนโน้มตัวเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยขี้เหร่ เพื่อสาวใช้คนหนึ่งถึงกับทำร้ายองค์หญิงซึ่งเป็นที่โปรดปรานที่สุดของราชวงศ์ เจ้าไม่กลัวเหรอว่าองค์หญิงจะหาเรื่องคิดบัญชีกับเจ้า ยังไงดี เอางั้นเจ้ายอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ แล้วต่อไปพี่ชายจะปกป้องคุ้มครองเจ้าเอง”

กู้ชูหน่วนเหล่มองเขา แววตามีแต่การเยาะเย้ย “เจ้านี่หรอ ก็อยากเป็นพี่ใหญ่ข้าด้วยเหรอ”

“ตระกูลเซี่ยวของข้าได้รับการยกย่องคุณงามความดีจากรุ่นสู่รุ่น ท่านพ่อของข้าก็เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเย่ ในมือมีกองกำลังทหารนับแสน พี่ชายคนโตของข้าก็มีผลงานอันยิ่งใหญ่ในศึกสงคราม พี่ชายคนรองของข้าได้รับการขนานนามว่าเป็นสี่อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ซ่างกวน นี่ยังไม่พอจะคุ้มครองเจ้ารึ”

“ทั้งหมดที่เจ้าพูดล้วนเป็นคนในตระกูลของเจ้า แล้วเจ้าล่ะ?”

เซียวหยู่เซวียนสำลัก

“ข้า……ข้าเป็นทายาทสายตรงตระกูลเซี่ยว ต่อไปทุกสิ่งทุกอย่างของท่านพ่อข้าโดยธรรมชาติแล้ว……โดยธรรมชาติแล้วก็จะเป็น……เป็นของข้า……”

กู้ชูหน่วนยิ้มทันที เผยความงดงามสดใส ราวดอกบัวขาวบานสะพรั่งท่ามกลางหิมะ พาให้ทุกคนตกตะลึง

“ให้ข้ายอมรับเจ้าเป็นพี่ใหญ่ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าสามข้อ ถ้าเจ้าตอบไม่ได้ งั้นเจ้าต้องรับข้าเป็นพี่ใหญ่ ต่อไปพี่สาวจะคุ้มครองเจ้า”

“คำถามอะไร”

“ข้อแรก สองบวกสองได้เท่าไร”

เซียวหยู่เซวียนชะงัก “สี่”

คำถามง่ายขนาดนี้ นี่นับว่าเป็นคำถามตรงไหน

“ผิด”

“ผิด?” เซียวหยู่เซวียนกางนิ้วซ้ายขวาออกนับอีกครั้ง “ไม่ผิดนะ”

“สองบวกสอง เท่ากับสองไม่ปกติ”(สองไม่ปกติในจีนแปลว่าโง่มาก)

ทุกคนปาดเหงื่อ นี่นับว่าเป็นคำถามตรงไหน

เซียวหยู่เซวียนไม่ยอมรับ “นี่เจ้ากำลังเถียงข้างๆ คูๆ เหรอ”

“ข้าเถียงข้างๆ คูๆ ยังไง หรือว่าคนเป็นพี่ใหญ่ไม่ควรมีสมองที่ว่องไวหรือ? ที่ข้าทดสอบเจ้าตอนนี้ มันก็แค่ปัญหาเชาวน์”

“ไม่ถูกๆ ยังไงก็ไม่ถูก”

“งั้นข้าขอถามเจ้า อาจารย์สวีคือคนที่ไม่ปกติใช่หรือไม่”

“ใช่”

“อ๋องเจ๋อคือคนที่ไม่ปกติใช่หรือไม่”

“ก็ใช่”

“งั้นพวกเขารวมกัน หรือว่าไม่ใช่สองไม่ปกติ”

อ๋องเจ๋อแววตาโกรธจัด สะบัดแขนเสื้อจากไป

ถ้าตนไม่ยกเลิกการหมั้นโดยไม่มีเหตุผล ถูกฝ่าบาทกับเสด็จแม่พระสนมลงโทษอย่างรุนแรง และรับสั่งว่าช่วงนี้ห้ามสร้างปัญหา ไม่อย่างนั้นเขาสังหารนางไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้มาหยิ่งผยองเช่นนี้หรอก

กู้ชูหลันที่ชื่นชมอ๋องเจ๋อ เห็นดังนั้นจึงรีบตามอ๋องเจ๋อไปอย่างรวดเร็ว

เซียวหยู่เซวียนดวงตาโง่เขลา

ที่กู้ชูหน่วนพูดดูเหมือนจะไม่ผิด

แต่ก็ดูเหมือนจะผิด

“คำถามที่สอง อาจารย์ซ่างกวนบวกอ๋องเจ๋อได้เท่าไร”

“อ่า……นี่นับว่าเป็นคำถามตรงไหน”

“ก็นี่แหละคำถาม”

ชิวเอ๋อร์ปิดปากขำอย่างทนไม่ไหว

คุณหนูก็ทรมานคนเกินไป

เดิมทีนี่ไม่ใช่คำถาม คุณชายเซี่ยวจะตอบได้อย่างไร

ตามที่คาด เซียวหยู่เซวียนตอบไม่ได้

เขาพูด “เจ้าพูดมา ได้เท่าไร”

“สองอันดับหนึ่งในใต้หล้า”(แปลว่าโง่เขลาที่สุดในโลก)

“นี่มันบ้าอะไร” เซียวหยู่เซวียนมุ่ยปาก

กู้ชูหน่วนชักจูงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดวงตาคู่ฉลาดเผยไหวพริบฉลาดแกมโกง

“นี่ เจ้าดูสิ อาจารย์ซ่างกวนเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในใต้หล้าใช่หรือไม่”

“ใช่ แต่พี่ชายข้าก็ใช่”

“ได้ ข้ารู้ว่าพี่ชายเจ้าก็ใช่ พวกเขาสี่คนถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งในใต้หล้า ถูกไหม”

“ถูก”

“เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในใต้หล้า บวกกับคนสองอันดับหนึ่งในใต้หล้า เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นสองอันดับหนึ่งในใต้หล้าเหรอ”

เซียวหยู่เซวียนหักนิ้วไปมา หลังจากผ่านไปนานสักพัก จู่ๆ สีหน้าก็มืดดำ

นี่เขาถูกเล่นงานงั้นเหรอ

ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจหาเรื่องเขาสินะ

กู้ชูหน่วนยิ้มและพูดว่า “เห็นแก่เจ้าที่ใสซื่อขนาดนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ตราบใดที่เจ้าตอบคำถามข้อสามได้ ก็ถือว่าเจ้าชนะไปเลย”

“เจ้าพูดมา”

“อ๋องหานบวกกับข้าได้เท่าไร”

เซียวหยู่เซวียนกระอักเลือดไปสามฉื่อ

ทำไมเป็นคำถามประเภทนี้อีกแล้ว

เขาอัดอั้นอยู่เป็นนานสองนานก็พูดไม่ออก

อ๋องหานกับกู้ชูหน่วนอย่างไรก็ไม่ใช่สองไม่ปกติ

แล้วคำตอบคืออะไร

เขามุ่ยปากอย่างไม่พอใจ “กู้ชูหน่วน เจ้าหลอกข้า บนโลกนี้ไหนเลยจะมีคำถามประเภทนี้”

“โอ๊ะ ตอบไม่ได้ ก็เลยโกรธเหรอ”

“คำถามกลับกลอกแบบนี้ ใครสามารถตอบได้ ข้าให้ห้าร้อยตำลึงเลย”

ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกาย แอบกำหมัดชอบใจ นางกำลังขาดเงินพอดี

“ชิวเอ๋อร์ เจ้าบอกเขาไปสิ อ๋องหานบวกกับข้าได้เท่าไร”

ชิวเอ๋อร์ดวงตาวิบวับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มในทันใด “เป็นเย็นอุ่นรู้เอง คุณหนู ข้าเดาถูกหรือไม่เจ้าคะ” (เป็นเย็นอุ่นรู้เอง ชื่อของนางเอกมีคว่ามว่าหน่วย แปลว่าอุ่น อ๋องหานนั้นคำว่าหานแปลว่าเย็น)

กู้ชูหน่วนยิ้มให้อย่างพึงพอใจ “เด็กมีอนาคตสอนได้”

เซียวหยู่เซวียนอึ้งไปทั้งคน

“อ๋องหานบวกกับเจ้า ทำไมถึงเป็นเย็นอุ่นรู้เอง”

“เย่จิ่งหานบวกกับกู้ชูหน่วน ไม่ใช่ว่าเย็นอุ่นรู้เองหรอกเหรอ หรือว่า ความรู้สึกเวลาที่ข้ามีปฏิสัมพันธ์กับอ๋องหาน เจ้าก็สามารถรับรู้ได้กันล่ะ”

เซียวหยู่เซวียนหมดคำพูด

เขาเสียท่าแล้ว

เสียท่าให้กับยัยขี้เหร่กู้ชูหน่วนนี่น่ะเหรอ

ใครบอกว่านางเป็นคนทึ่ม

ก้าวออกมาเลย เขารับรองว่าจะต่อยเขาให้ถึงตาย

กู้ชูหน่วนคล้องคอเขา ท่าทางเหมือนเป็นสองพี่น้องผู้ชาย ไม่สนใจว่าหญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน

“ข้าจะบอกอะไรให้นะเสี่ยวเซวียนเซวียน การพ่ายแพ้ให้พี่ใหญ่น่ะ มันไม่น่าอายสักนิดเดียว ต่อไปข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง เด็กดี เริ่มต้นด้วยการเรียกพี่ใหญ่ก่อน แล้วก็เอาห้าร้อยตำลึงมา เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ซะ”