บทที่ 40 ข้อกำหนด
“ฮู่ต้าไฮ่ แกอีกแล้วเหรอ ไอ้ระยำ แกทำให้หม้อกลั่นยาของข้าพังอีกแล้ว นี่แกตั้งใจใช่รึเปล่า”
ในทันทีที่พูดจบลง ฉีเหรินก็ได้กระโจนออกมาจากถ้ำที่อยู่ในแผนกเล่นแร่แปรธาตุ เขามองไปยังฮู่ต้าไฮ่ด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดและอาฆาต
ฮู่ต้าไฮ่ก็ได้จ้องมองกลับไปด้วยสายตาแบบเดียวกันพร้อมกับตะคอกออกมา “ผู้อาวุโสฉี เป็นเจ้าที่สั่งสอนลูกศิษย์สินะ นี่ขนาดข้าเป็นถึงอาจารย์แห่งแผนกวิชายุทธพิเศษ ไอ้เด็กเวรนั่นยังกล้าดูถูกข้า”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้การเก็บค่าธรรมเนียมการหลอมยาหนึ่งหมื่นแต้มคะแนนนั่นอีก กับอีแค่ยาทะลวงจุดลมปราณนั่นจะไม่เกินไปหน่อยเรอะ”
ฉีเหรินได้นิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน เขาหันไปหาเฟิงไคเหลียง “ไค่เหลียง นี่เจ้าเสียมารยาทต่ออาจารย์ฮู่อย่างนั้นเหรอ รีบขอโทษเขาซะ”
เฟิงไค่เหลียงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงก้มหัวให้อย่างไม่เต็มใจ “อาจารย์ฮู่ ข้าเสียมารยาทแล้วขออภัยด้วย”
ฮู่ต้าไฮ่ได้ยืดหลังตรงก่อนที่จะยกมือขึ้นห้ามปราม “ช่างมัน ข้าไม่ลดตัวต่ำไปมีเรื่องกับศิษย์อย่างแน่นอน กับเรื่องนั้นช่างมัน แต่เรื่องที่ศิษย์ของข้าหลู่ฟางนั้นให้หลอมยา ข้าคงต้องขอให้เจ้าอธิบายมาสักหน่อย”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลยผู้อาวุโสฮู่ บอกให้ศิษย์ของเจ้านำส่วนผสมมาให้ข้า ข้ายินดีที่จะหลอมยาให้เองด้วยซ้ำ แต่เรื่องค่าธรรมดเนียมนั่นไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ข้าจะเก็บค่าธรรมเนียมหนึ่งหมื่นนั่นเหมือนเดิม นี่คือกฎของแผนกเล่นแร่แปรธาตุ เจ้าไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้”
“ห้ะ ต้องการค่าธรรมเนียมหมื่นแต้มคะแนนเนี่ยนะ เฒ่าฉี นี่แกอยู่มานานจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่รึเปล่า”
เมื่อฮู่ต้าไฮ่พูดจบลง ก่อนที่ฉีเหรินจะได้พูดอะไรออกมานั้น จ้าวหยางก็ได้พูดขึ้นมา “ฮู่ต้าไฮ่ ระวังคำพูดหน่อย”
“ห้ะ ให้ระวังคำพูด ผู้อาวุโสจ้าว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ากำลังคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังคิดแก้แค้นที่ศิษย์ของข้าเฉินเฉียงล้มหลานของเจ้าในลานประลองเป็นตายนั่นหรอกเหรอ”
จ้าวหยางที่ได้ยินก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน เขาชี้นิ้วไปที่ฮู่ต้าไฮ่และพูดออกมา “ฮู่ต้าไฮ่ ต่อให้ที่เจ้าเป็นผู้อาวุโสของแผนกวิชายุทธแต่ก็ไม่มีสิทธิพูดจาไร้สาระออกมาได้แบบนี้ นี่มันไม่เกี่ยวกันเลยแล้วจะพูดเหมารวมไปทำไม ในเมื่อเจ้ากล้ามาก่อปัญหาให้กับแผนกเล่นแร่แปรธาตุ ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักแล้วอย่าคิดว่าข้าไม่มีสิทธิเล่นงานเจ้านะ”
“อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นนายพลวิญญาณขั้นสูงนะ ถ้าต้องสู้กันจริงๆก็ยังไม่แน่ว่าใครจะชนะ”
“มาสิไอ้เฒ่า พ่อคนนี้ไม่ชอบหน้าแก่ๆของแกมานานแล้ว แน่จริงก็เข้ามา”
ฮู่ต้าไฮ่ได้ถลกแขนเสื้อของตนขึ้นมาและก้าวเท้าเข้าหาจ้าวหยาง ผมของเขานั้นตั้งชันราวกับพร้อมปะทะได้ทุกเมื่อ
เมื่อเกิดฉากนี้ขึ้นมาเหล่าศิษย์และอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รับรู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายถึงขีดสุด
“พอได้แล้ว”
เสียงที่ดังประหนึ่งฟ้าผ่าได้ดังขึ้นมา ผอ.สำนักก็ได้ปรากฏกาย
“หนึ่งเป็นถึงอาจารย์ของแผนกวิชายุทธพิเศษ หนึ่งคือผู้อาวุโสของสำนัก พวกเจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นศิษย์สำนักอยู่หรือไงกันถึงได้กล้ามาท้าทายต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้”
ผู้อาวุโสจ้าวได้สบถออกมาหนึ่งทีก่อนที่จะหันหน้าไปค้างๆ
ฮู่ต้าไฮ่ในตอนนี้แม้จะสะกดออร่าแห่งการเข่นฆ่าเอาไว้ แต่เขายังไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
“ผอ. เจ้าต้องจัดการเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็แผนกเล่นแร่แปรธาตุจะได้ใจเกินไปจนควบคุมไม่ได้”
“ข้าเข้าใจ เลิกพูดได้แล้ว ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผอ.ได้ยกมือขึ้นเฉิงห้ามปรามฉีเหรินก่อนที่จะถอนหายใจออกมายาวๆและพูดออกมา “ผู้อาวุโสฉี เรื่องความขัดแย้งระหว่างแผนกเล่นแร่แปรธาตุและแผนกวิชายุทธพิเศษนั้นขอให้ลดลาลงไปได้แล้ว”
ผอ.เองได้หันไปมองรอบๆก่อนที่จะแสดงท่าที่เศร้าสร้อยออกมา “ฮู่ต้าไฮ่ แผนกวิชายุทธพิเศษเองก็มีส่วนผิด แต่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็อย่าได้เอามาปนกับเรื่องนี้ก็แล้วกัน ในครั้งนี้การตั้งราคาค่าธรรมเนียมในการหลอมยาให้กับหลู่ฟางนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่กระทำได้อย่างชอบธรรมแล้ว ส่วนเรื่องราคานั้นในเมื่อนี่เป็นธุรกิจของแผนกเล่นแร่แปรธาตุ สำนักให้สิทธิอำนาจในการตั้งราคากับแผนกเล่นแร่ เรื่องนี้ข้าช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”
“ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมนั้นแน่นอนว่าแผนกเล่นแร่ย่อมมีสิทธิกำหนด”
“แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าแผนกเล่นแร่จะทำเกินเลยต่อไปอีก ใช่รึเปล่า ผู้อาวุโสฉี”
ผู้อาวุโสฉีได้ทำการน้อมคำนับหนึ่งทีก่อนที่ยืนตัวตรงและพูดออกมา “ผอ.กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
“ที่ผ่านมานั้นแผนกเล่นแร่แปรธาตุนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการปฏิบัติที่ดีมาจากขุมพลังต่างๆภายในสำนักมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่ว่ามีใครบางคนทำให้เรานั้นต้องยุ่งยากล่ะก็ ไคเหลียงคงไม่คิดจะเอ่ยปากราคาแพงเสียดฟ้าขนาดนั้น”
หลังจากพูดจบ ฉีเหรินและเฟิงไคเหลียงต่างก็หันไปมองเฉินเฉียง
เฉินเฉียงเองที่รู้สึกได้ว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา เมื่อเขาเห็นก็ไม่ได้แสดงท่าทางทุกข์ร้อนแต่อย่างใด แม้แต่ใจเขานั้นกลับกำลังลุกไหม้ด้วยความไม่เป็นธรรม
นั่นก็เพราะถ้าเฟิงไคเหลียงไม่ขายขยะขวดนั้นด้วยราคาแสนแพงแล้ว เขาคงไม่ไปท้าสู้กับเฟิงไคเหลียง พอมาตอนนี้แผนกเล่นแร่แปรธาตุคิดจะโยนทุกอย่างให้เขานั้นรับผิดชอบ พวกนี้มันจะหน้าด้านเกินไปแล้ว
“เอาอย่างนี้เป็นยังไง ผู้อาวุโสฮู่ ถ้าทางแผนกไม่อาจยอมรับแต้มคะแนนหมื่นแต้มนี้ได้ ข้าก็จะไม่กดดันพวกเจ้า เรามาแลกเปลี่ยนด้วยวิธีการอื่น”
ฮู่ต้าไฮ่ หลู่ฟาง และคนอื่นที่ได้ยินต่างก็ขมวดคิ้วในทันที พวกเขาถามออกมาอย่างไว “วิธีอะไร”
ฉีเหรินได้ชี้ไปยังจ้าวหยางที่อยู่ข้างๆก่อนจะพูดออกมา “ต้องขอบคุณผู้อาวุโสจ้าวที่มาปรากฏตัวได้ทันเวลาจึงช่วยแผนกเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราไว้ได้”
“ในเมื่อข้าสัญญาไว้กับผอ.ไว้แล้วว่าจะไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้กับแผนกวิชายุทธพิเศษอีกแล้วก็ตาม แต่เรื่องในวันนี้พวกเรายังไม่ได้รับการแก้ไข และกฎเรื่องค่าธรรมเนียมนี้เอง แผนกเล่นแร่แปรธาตุย่อมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง”
“ทางเลือกแรก คนของเจ้าจ่ายแต้มคะแนนหนึ่งหมื่นแต้ม ข้า ไม่สิ ผู้อาวุโสฉีผู้นี้ยินดีที่จะหลอมยาให้หลู่ฟางด้วยตัวเอง”
“แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยินดีที่จะจ่ายก็ไม่เป็นไร ข้าขอเสนออีกทางเลือกหนึ่ง”
“ตราบใดที่หลู่ฟางนั้นนับถือผู้อาวุโสจ้าวเป็นอาจารย์นับแต่นี้เป็นต้นไป ข้า ในฐานะตัวแทนแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุจะหลอมยาให้เขาฟรีๆไปตลอดชีพ คิดว่ายังไง”
จ้าวหยางที่ได้ยินก็ถึงกับหนังตากระตุกในทันที
หลู่ฟางนั้นถือได้ว่าเป็นศิษย์ที่มีความสามารถที่สูงล้ำที่สุดในแผนกวิชายุทธพิเศษ จะเป็นการดีกว่าถ้าเขาได้รับหลู่ฟางมาเป็นลูกศิษย์ ที่สำคัญกว่านั้นคือ นี่แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสฉีนั้นให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก และนี่ทำให้เขาและแผนกเล่นแร่แปรธาตุพิเศษแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น ฮู่ต้าไฮ่ทำได้เพียงยืนนิ่งอึ้งทึ่มไปเท่านั้น
หลู่ฟางนั้นติดตามเขามากว่าสี่ปี เขาเองก็เป็นศิษย์ที่เขานั้นภูมิใจมากที่สุดคนหนึ่ง แล้วจะยอมให้เขาปล่อยเด็กนี่ปล่อยง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง
แต่หากเขาไม่เห็นด้วยนั้น ระดับการบ่มเพาะของหลู่ฟางจะยกระดับได้ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
ฮู่ต้าไฮ่ปิดตาลงก่อนที่จะสูดหายใจเข้าจนสุด ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
“ก็ได้ ข้าคนนี้เห็นด้วย”
“ไม่”
หลู่ฟางที่ยืนอยู่ข้างๆได้หันมาหาอาจารย์ของเขาและคุกเข่าลงหนึ่งข้างในทันที “อาจารย์ ข้าไม่คิดจะรับใครคนใดเป็นอาจารย์ของข้าอีกนอกจากท่าน โปรดถอนคำสั่งด้วย”
“ต่อให้ไม่มีเม็ดยาทะลวงจุดลมปราณนี้ข้าเองก็ยังดิ้นรนไปถึงระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”
“หลู่ฟาง เลิกพูดจาไร้สาระซะ เจ้ารู้รึเปล่าว่านี่หมายความว่ายังไง หากเจ้าได้รับยานั่นล่ะก็ เจ้าสามารถก้าวขึ้นไปสู่ระดับนายพลขั้นกลางได้อย่างรวดเร็ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ อาจารย์แทบไม่เหลืออะไรที่จะชี้แนะเจ้าได้แล้ว”
ฮู่ต้าไฮ่ได้พูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
หลู่ฟางได้ส่ายหัวไปมาพร้อมบอกกับความรู้สึกในใจ “อาจารย์ ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น หากว่าข้าเปลี่ยนใจและน้อมรับใครบางคนเป็นอาจารย์เพียงเพราะต้องการยกระดับการบ่มเพาะละก็ นั่นแสดงว่าข้านั้นไม่ได้ให้ค่าตัวเอง ท่านอาจารย์นั้นทุ่มเททุกอย่างให้กับข้าจนกว่าจะมีข้าในวันนี้ได้ นี่ทำให้ข้านั้นจดจำได้อย่างฝังใจ”
จ้าวหยางที่มองเหตุการณ์นี้อยู่ข้างๆ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเขานั้นไม่มีทางที่จะได้รับหลู่ฟางมาเป็นศิษย์ได้แล้ว นี่ทำให้เขายกมือขึ้นมาและพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสฉี เรื่องนี้ช่างมัน แต่ถ้าผู้อาวุโสไม่ว่าอะไรข้าขอออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยก็แล้วกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตกลง บอกความต้องการของผู้อาวุโสออกมาได้เลย”
หลังจากผู้อาวุโสฉีเห็นด้วยแล้ว จ้าวหยาางได้เดินไปหาฮู่ต้าไฮ่ก่อนที่จะชี้ไปยังเฉินเฉียงที่ในตอนนี้ยืนอยู่ข้างหลังฮู่ต้าไฮ่และพูดขึ้นมา
“อาจารย์ฮู่ ตราบใดที่เจ้ายอมไล่เด็กใหม่ออกไป ข้าสัญญาว่าแผนกเล่นแร่แปรธาตุจะปฏิบัติกับแผนกวิชายุทธพิเศษอย่างเท่าเทียมกับแผนกอื่นๆ”