ตอนที่ 33 ศึกแห่งผู้แข็งแกร่งอันดับเซียน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

วันสุดท้ายของศึกแห่งอิสรภาพ ณ จัตุรัสหยกขาว

นักเรียนสี่หมื่นกว่าคนที่บาดเจ็บแตกต่างกันออกไป ต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่

พวกเขาเป็นนักเรียนที่แพ้พ่ายระหว่างกิจกรรมพวกนั้นนั่นเอง

ค่ายกลสมานรักษาอันแสนกว้างใหญ่ปกคลุมทั่วทั้งจัตุรัส กำลังกระจายสุดยอดพลังชีวิต รักษานักเรียนที่บาดเจ็บเหล่านั้นไม่หยุดหย่อน

มีนักเรียนที่อาการสาหัสสากรรจ์ส่วนน้อย ซึ่งอาจารย์ที่มีอภิญญาด้านศาสตร์แพทย์โดยเฉพาะทำหน้าที่รักษา

เรียกได้ว่า ขอเพียงเหลือลมหายใจถูกส่งตัวเข้ามา เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตายกลางกิจกรรม

นักเรียนอยู่กลางจัตุรัสหยกขาว หนึ่งเพื่อการรักษา สองเพื่อชมศึกตัดสินชะตาสุดท้ายของศึกแห่งอิสรภาพ

จอผลึกหินขนาดใหญ่ร่วมร้อยจั้งลอยเหนือจัตุรัส เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่มีภาพใดปรากฏอยู่

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ บรรยากาศในจัตุรัสก็ยังดุเดือดยิ่งนัก เหล่านักเรียนเริ่มวิจารณ์กันเซ็งแซ่แล้ว

“ทำไมการฉายภาพผ่านจอผลึกหินยังไม่เริ่มอีกล่ะ!”

“ใจเย็นๆ ตอนที่เหลือนักเรียนสองร้อยคนสุดท้าย จอผลึกหินฉายภาพก็จะถ่ายทอดสดสถานการณ์รบข้างใน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คงอีกราวๆ สองชั่วยาม”

“หึๆ ตอนนี้เขตแดนคงกำลังหดเล็กลงแล้ว สุดท้ายป่าพันยอดที่มีอาณาเขตร้อยลี้ จะหดเหลือเพียงสามลี้ ถึงตอนนั้นการต่อสู้ก็จะดุเดือดแล้ว…”

“พวกเจ้าว่าครั้งนี้ใครจะเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียนแห่งสำนักรุ่นนี้”

“ต้องเป็นหวังเสวียนจ้านอยู่แล้ว เขาเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายตั้งแต่ปีสาม แถมยังเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นก่อน ตอนนี้ผ่านไปอีกปีแล้ว ความสามารถก็ยิ่งคาดเดาได้ยาก นอกจากเขาจะเป็นใครได้อีก”

“ข้าคิดว่าเป็นหยางเฉิงอู่ ระดับพลังยุทธ์ของเขาก็หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเหมือนกัน อันดับสามของรุ่นก่อน ครั้งที่แล้วก็แพ้หวังเสวียนจ้านไปอย่างหวุดหวิด ตอนนี้เขาจวนจะจบการศึกษาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะระเบิดพลัง คว้าอันดับหนึ่งของอันดับเซียนได้สักครั้ง”

“หึ ข้ากลับคิดว่าเป็นเทพีหลิ่ว กระบวนท่าของนางแปลกพิสดาร อาจจะสร้างปาฏิหาริย์ก็เป็นได้!”

จัตุรัสหยกขาวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังอื้ออึง ส่วนในป่าพันยอด กลับเปิดฉากการต่อสู้นองเลือดที่ดุเดือดที่สุดแล้ว!

เขตแดนค่ายกลสีฟ้าเริ่มหดตัวอย่างต่อเนื่อง เหล่าลูกศิษย์ต่างก็เริ่มไปกระจุกตัวกันที่ยอดเขาราชันเซียนที่เป็นศูนย์กลาง พบเจอศัตรูอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเจอกันก็จะเกิดศึกใหญ่

กลางนภา อันหลินที่ขี่สุนัขเหินเวหาแสดงสีหน้าอ่อนแรง

ตอนนี้เขาผ่านศึกใหญ่มาหลายต่อหลายครั้ง คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุด ล้วนอยู่ในกายแห่งมรรคขั้นสิบ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมีแม้กระทั่งยอดฝีมือในอันดับเซียน

หากเขาไม่ใช้กลศึกคนและสุนัขร่วมมือกันละก็ คิดว่าคงถูกส่งตัวกลับบ้านไปนานแล้ว

อันหลินมองระบบ หลังเขาเข้าสู่ระดับกายแห่งมรรคขั้นเก้าแล้ว ภารกิจของแถบระดับพลังยุทธ์ก็กลายเป็นยากเย็นแสนเข็ญขึ้นมาบ้างแล้ว

‘กายแห่งมรรคขั้นสิบ บรรลุเงื่อนไข ฝึกวรยุทธ์ระบบที่ไม่เหมือนกันสามวิชา’

บัดนี้อินเตอร์เฟสวรยุทธ์ของอันหลินก็อัพเดทแล้ว มีวรยุทธ์ธาตุลมเพิ่มมาให้บำเพ็ญเพียรได้

‘จิตวิญญาณแห่งสายลมขั้นหนึ่ง บรรลุเงื่อนไข กระโดดหน้าผาสูงหมื่นจั้งหนึ่งครั้ง’

บวกกับวรยุทธ์ธาตุอัสนีที่ให้อัสนีสวรรค์ฟาดหนึ่งครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ รวมกันเป็นสามวิชาพอดี

ซึ่งหมายความว่า หากอันหลินมีสามชีวิตละก็ จะสามารถทดลองทะลวงขั้นเป็นกายแห่งมรรคขั้นสิบผ่านระบบนี้ได้!

อืม ระบบมีอีกหนึ่งวรยุทธ์ที่สามารถฝึกได้ อยู่ในอินเตอร์เฟสหน้า ‘บำเพ็ญตบะ’

‘วิชาแห่งอานุภาพ บรรลุเงื่อนไข หมื่นคนยกย่อง!’

เงื่อนไขนี้ หากมองจากสถานการณ์ของอันหลินในตอนนี้ มันยากดุจปีนขึ้นสวรรค์ชัดๆ!

หากเปลี่ยนเป็น ‘หมื่นคนเหยียดหยาม’ แทน เช่นนั้นเขายังพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง

ไม่คิดเรื่องของระบบแล้ว เขากวาดสายตามองผืนดิน ค้นหาเหยื่อรายต่อไป

ครืน!

กระบี่เปลวอัคคีเฉือนมิติ ระเบิดบนผืนดิน พลังน่ากลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ อานุภาพแลดูน่าตะลึง

“ช่างเป็นคลื่นพลังที่สุดยอดยิ่งนัก ผู้แข็งแกร่งอันดับเซียนกำลังประมือกัน แถมอันดับไม่ต่ำด้วย เราไปดูกันเถอะ!”

อันหลินลูบหัวสุนัขของต้าไป๋อย่างตื่นเต้น เริ่มขี่สุนัขมุ่งหน้าไปทางสมรภูมิรบ

เมื่อเหาะเข้าไปใกล้ ในที่สุดก็เห็นสองฝ่ายที่กำลังประมือกัน

“สวีเสี่ยวหลาน!” เมื่ออันหลินเห็นร่างนั้น ก็เผลอตะโกนออกมา

รูปร่างที่คุ้นเคยเช่นนี้ เขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว

สวีเสี่ยวหลานเป็นยอดฝีมือด้านการใช้กระบี่ ในการต่อสู้ เพลงกระบี่ลึกล้ำกับพลังแห่งปราณหงส์สวรรค์ผสมผสานกัน ปล่อยพลังที่น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง

เปลวไฟที่บริสุทธิ์ ลอยล่องออกมาจากกระบี่ยาว ทำให้นางเป็นดั่งหงส์สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทั้งงดงามสูงส่งและยิ่งใหญ่เป็นที่สุด

แม้สวีเสี่ยวหลานจะแข็งแกร่ง แต่คู่ต่อสู้ของนางก็ไม่ด้อย เขาเป็นชายหนุ่มที่ถือกระบี่คู่ รูปร่างกำยำอย่างยิ่ง

ยามเขาควงกระบี่ ก่อให้เกิดม่านกระบี่หนาแน่นซึ่งแม้แต่ลมก็เล็ดลอดผ่านไปไม่ได้ กำบังการโจมตีส่วนใหญ่สวีเสี่ยวหลาน

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังสามารถหาช่องโหว่การโจมตีของสวีเสี่ยวหลานเจอ ทำการตอบโต้อย่างฉับพลันและรุนแรง

นี่เป็นการต่อสู้ที่สูสีคู่คี่กัน แม้ว่าสวีเสี่ยวหลานอาจจะคว้าชัยชนะได้ เช่นนั้นก็จะการเอาชนะอันน่าเวทนา ต้องบาดเจ็บอย่างเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่

อันหลินกลัดกลุ้ม เพราะเขาทำได้แค่มองอยู่อย่างนั้น มองเพื่อนรักของตัวเองบาดเจ็บแต่ทำอะไรไม่ได้เลย

“อันหลิน เจ้ารีบดูทางนั้น!”

เสียงของต้าไป๋แว่วมากะทันหัน มันเจือความตื่นเต้น

อันหลินได้สติ มองไปทางที่ต้าไป๋บอก เขาเห็นร่างของคนคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น

คนคนนี้ซ่อนตัวได้ดีเป็นอย่างมาก กักเก็บลมปราณ หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง

หากไม่ใช่เพราะต้าไป๋ทอดมองจากฟ้าสูง ซ้ำยังมีสายตาเหนือมนุษย์ คงไม่มีทางเจอเขา

คนคนนั้นกำลังเพ่งมองการต่อสู้ของฝั่งสวีเสี่ยวหลานเงียบๆ จุดประสงค์ไม่ต้องพูดก็รู้…

“ไอ้เวร คิดจะซ้ำมีด…ไม่รู้หรือไงว่าปรมาจารย์สายซ้ำมีดอยู่ตรงนี้!”

ในดวงตาของอันหลินมีไฟโทสะ เห็นสวีเสี่ยวหลานอาจจะบาดเจ็บจากศึกนี้ ก็หงุดหงิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เจ้านี่กลับดักซุ่ม ตั้งใจจะลงมือกับสวีเสี่ยวหลานที่บาดเจ็บงั้นหรือ

“ให้เขาได้เห็นความร้ายกาจของคนหมาร่วมมือของพวกเราสักหน่อย โฮ่ง!”

ต้าไป๋ก็เริ่มเอ็ดตะโร แถมยังอยากรู้อยากลองแล้ว

อีกแห่งหนึ่ง ณ จัตุรัสหยกขาว

หน้าจอฉายภาพผลึกหินขนาดใหญ่เริ่มมีภาพปรากฏขึ้นมาแล้ว บรรยากาศในจัตุรัสดูตื่นเต้นเร้าใจขึ้นมาทันที

หน้าจอแบ่งภาพออกเป็นสิบกว่าช่อง แต่ละช่องจะเป็นการต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไป

“ดูนั่นสิ หยางเฉิงอู่กำลังสู้กับหลัวเฉิงหลง!”

“มีอะไรน่าดูกัน อันดับสามสู้กับอันดับสามสิบหก ก็โจมตีในเสี้ยววินาทีอยู่ดี”

“หึ แพ้แล้วจริงๆ ด้วย…”

เพิ่งสิ้นเสียง ก็เห็นหยางเฉิงอู่ปิดฉากการต่อสู้

นักเรียนหลายหมื่นคนต่างก็จับตามองภาพการต่อสู้ที่ไม่เหมือนกัน เริ่มวิจารณ์กันดังเซ็งแซ่

บางคนเริ่มสังเกตเห็นภาพหนึ่งในนั้น

“พวกเจ้าดูนั่นสิ ผู้ชายที่ถือกระบี่คู่คนนั้นคือสงซาอันดับที่ยี่สิบเก้าไม่ใช่หรือ ผู้หญิงที่ต่อสู้กับเขาคือใคร รู้สึกไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย!”

ขณะนั้นเอง ก็มีนักเรียนตาแหลมเอ่ยปากตอบว่า “เหมือนนางจะเป็นนักเรียนใหม่ ชื่อสวีเสี่ยวหลาน”

“นักเรียนใหม่นี่เอง!”

ในจัตุรัสมีเสียงอุทานดังขึ้นมาชั่วขณะ เพิ่งเข้ามาก็สามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอันดับยี่สิบเก้าได้อย่างสูสีแล้ว

ความสามารถของนางในหมู่นักเรียนใหม่ นอกจากยอดฝีมือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสองคนแล้ว นับว่าสุดยอดที่สุด!

ผู้คนจดจำหญิงสาวที่งดงามและแข็งแกร่งคนนั้นไว้ในใจเงียบๆ นางกลายเป็นดาวเด่นคนใหม่ของสำนักแห่งนี้ทันที นับจากนี้ไปอีกหลายปี เป็นไปได้สูงว่านางอาจบรรลุสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ

ขณะนั้นเอง ก็มีภาพเหตุการณ์การต่อสู้ถูกฉายบนหน้าจอภาพ ซึ่งหมายถึงว่ามีการต่อสู้ครั้งใหม่เกิดขึ้นแล้ว

การต่อสู้ครั้งใหม่บังเกิด ย่อมดึงดูดสายตาของคนส่วนใหญ่ได้อยู่แล้ว

ขณะที่สายตาของนักเรียนใหม่นับหมื่นชีวิตจ้องมองไป

จัตุรัสที่อึกทึกครึกโครมในตอนแรก ก็ค่อยๆ เงียบลงอย่างน่าประหลาด

มีนักเรียนที่ใช้สายตาจดจ้องภาพการต่อสู้นั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าน่าชมอย่างยิ่งออกมา

บางคนทำหน้าแปลกพิลึก บางคนแสดงอาการตกตะลึง บางคนถึงขั้นว่าขยี้ตา สงสัยว่าตัวเองตาฝาดไป

ภาพการต่อสู้พิสดารเป็นที่สุด…

เห็นเพียงสุนัขสีขาวตัวมหึมา นั่งทับร่างผู้แข็งแกร่งติดอันดับเซียนคนหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มชั่วร้าย

อุ้งเท้าใหญ่สองข้างของมันกดมือคู่นั้นของผู้แข็งแกร่งติดอันดับเซียนไว้

ผู้แข็งแกร่งติดอันดับเซียนถูกทับจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ สีหน้าหวาดกลัว

ส่วนผู้ชายอีกคน หมัดของเขาดุจสายฝน กำลังเล็งที่ใบหน้าของชายติดอันดับเซียนคนนั้น ปล่อยออกมาอย่างไม่สิ้นสุด…

……………………………..